ทันทีที่จบชั้น ป.1 จากโรงเรียนวัดซึ้งล่าง ปู่ตัดสินใจย้ายพ่อไปเรียนที่โรงเรียนของชุมชนคนไทยเชื้อสายญวนในอำเภอขลุง ย้อนหลังกลับไปเมื่อ พ.ศ.2416 คุณพ่อกังตริ๊ก เจ้าวัดจันทบุรีสร้างวัดวันยาวที่ทำจากฝาไม้และหลังคามุงจากที่อำเภอขลุง โดยมีบาทหลวงเพลิกาลจากจันทบุรีหมุนเวียนกับบาทหลวงกังตริ๊กขี่ม้ามาถวายมิสซาที่วัดเดือนละครั้งพ.ศ.2422 วัดวันยาวได้ชื่อใหม่ว่า วัดพระหฤทัยแห่งพระมหาเยซูเจ้า พ.ศ. 2454 คุณพ่อแฟฟว์ บาทหลวงชาวฝรั่งเศสสร้างวัดหลังใหม่ พ.ศ.2490 คุณพ่อคาเบรียล โร เห็นว่าเยาวชนคาทอลิกต้องเดินทางไปเรียนหนังสือกันไกลๆ ท่านจึงแปลงบ้านไม้ 2 ชั้นของซิสเตอร์ให้เป็นสถานที่เรียนหนังสือชั้น ป.1-ป.4 ตั้งชื่อว่าโรงเรียนศรีหฤทัย เปิดสอนครั้งแรกเมื่อ 4 กันยายน 2490บาทหลวงผู้มีบทบาทในโรงเรียนเก่าของพ่อเป็นชาวฝรั่งเศส เวียดนามและไทย ที่ผมนึกชื่อได้ในขณะนี้ก็คือบาทหลวงเทโอฟาน บาทหลวงคาเบรียล โร บาทหลวงชิ่น ไชยเจริญ บาทหลวงวิโอลา วรศิลป์ ฯลฯ ทุกท่านเป็นบาทหลวงใจดีที่มุ่งมั่นให้การศึกษาลูกหลานคนท้องถิ่นผิดกับคณะบาทหลวงสเปนในฟิลิปปินส์ ที่ในสมัยก่อนไม่ได้ดำรงชีพสมถะตามพระธรรมวินัย แต่แสวงหาความมั่งคั่งจากอำนาจหน้าที่ มีทั้งสะสมที่ดิน เงินทอง ข้ารับใช้ และบริวาร บาทหลวงสเปนมักจะกว้านซื้อที่ดินจากหัวหน้าเผ่าต่างๆ รวบรวมเป็นแผ่นดินผืนใหญ่เพื่อให้คนพื้นเมืองเช่าทำการเกษตร โดยเก็บค่าเช่าแพงขึ้นทุกปีเกษตรกรฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าที่ดินยากจน นอกจากจะเสียค่าเช่าที่ดินแล้ว ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆให้องค์กรศาสนาเป็นจำนวนมาก คนฟิลิปปินส์ในสมัยนั้นจำนวนไม่น้อยมองบาทหลวงสเปนว่าเป็นผู้กระหายในผลประโยชน์และเอารัดเอาเปรียบผู้ด้อยกว่าค.ศ. 1582-1616 บาทหลวงสเปนตั้งโรงเรียนประถม มัธยม และอุดมศึกษาให้เยาวชนฟิลิปปินส์เรียน ความมุ่งหวังตั้งใจก็คือ ให้คนฟิลิปปินส์อยู่ภายใต้ภาษาและวัฒนธรรมสเปน บาทหลวงเหล่านั้นไม่ต้องการฝึกให้ชาวพื้นเมืองมีคุณภาพหรือไม่ต้องการให้มีความเจริญ ส่วนมหาวิทยาลัยก็กำหนดให้เฉพาะลูกครึ่งเท่านั้นที่เข้าเรียนได้ อย่างมหาวิทยาลัยซันโตโตมัส เปิดรับเฉพาะเด็กผู้ชายลูกครึ่งสเปน-ฟิลิปปินส์ จีน-ฟิลิปปินส์ ถ้าเป็นเยาวชนพื้นเมืองก็ต้องเป็นพวกอินดีโอ (ลูกหลานชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง)ที่นำเรื่องนี้มาเขียน เพราะปัจจุบันมีการขุดเรื่องราวแต่หนหลังของการศึกษาคาทอลิกในหลายประเทศ ที่ตกใจกันทั้งโลกในขณะนี้ก็คือ มีการขุดพบศพเยาวชนพื้นเมืองในโรงเรียนขององค์กรศาสนาในสหรัฐฯและแคนาดา ไม่ใช่พบแค่ศพสองศพ แต่พบรวมกันแล้วนับพันศพ มีคนตั้งข้อสังเกตว่าศาสนจักรในอดีตใช้สถานศึกษาในการกำจัดคนพื้นเมืองพื้นดินดั้งเดิมในสหรัฐฯและแคนาดาเป็นของคนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ต่อมาคนผิวขาวเข้าไปรบพุ่งแย่งชิง บางครั้งเข้าไปตีสนิทคนพื้นเมืองแล้วก็ลวงโลกว่าต้องการให้ลูกหลานคนพื้นเมืองมีการศึกษา โดยนำเยาวชนพื้นเมืองไปแออัดยัดเยียดตามโรงเรียนกินนอน ห้ามกลับบ้าน ห้ามพบพ่อแม่ ห้ามพูดภาษาเดิม และห้ามปฏิบัติตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของตัวเองฝรั่งผิวขาวเอาพ่อแม่ของเยาวชนเหล่านี้ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บ้าง ใส่ยานพาหนะอื่นบ้าง ขับไล่ไสส่งให้ไปอยู่ในสถานที่ห่างไกล บางครั้งพาไปปล่อยไว้บนเกาะที่ไม่มีอาหาร ไม่มีเครื่องกันหนาว ต้องทยอยล้มตาย บางครั้งหิวโหยถึงขนาดต้องกินกันเอง ซึ่งประวัติศาสตร์เหล่านี้ถูกปิดเงียบจนกระทั่งเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วที่เรื่องแดงขึ้นมาชนพื้นเมืองแคนาดาขอให้โป๊ปขอโทษเรื่องการล้างเผ่าพันธุ์และการนำเด็กพื้นเมืองไปฝัง ส่วนนายกรัฐมนตรีทรูโดของแคนาดาพูดเมื่อเดือนที่แล้วว่า คริสตจักรต้องรับผิดชอบต่อบทบาทในโรงเรียน รัฐบาลแคนาดาเรียกร้องให้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสและคริสตจักรขอโทษบทบาทของบาทหลวงคาทอลิกสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่า ทรงรู้สึกเจ็บปวดแต่ไม่ขอโทษตามที่ชาวแคนาดาต้องการ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com