รับใช้เรื่องรัสเซียกันต่อครับ ที่ปูตินและคนรัสเซียไม่ชอบอย่างมาก ผมว่าเป็นเรื่องการบิดเบือนประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ทรัมป์พยายามโยนว่าโซเวียตเป็นผู้ร้ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยไปเอากติกาสัญญานาซี-โซเวียต (บางคนเรียกว่า กติกาสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างเยอรมัน-โซเวียต หรือกติกาสัญญาริบเบนทรอพ-โมโตลอฟ) มาบิดเบือน ทั้งที่โซเวียตเป็นฝ่ายชนะสงคราม และกองกำลังโซเวียตเป็นผู้เข้าไปบุกกรุงเบอร์ลิน ทำให้ฮิตเลอร์ยอมแพ้เสียด้วยซ้ำทรัมป์พูดบ่อยว่าพันธมิตรที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 มีสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอังกฤษ โดยไม่พูดถึงโซเวียต (ซึ่งผู้สืบสิทธิคือรัสเซีย) ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ลงคะแนนแห่งชาติไปเมื่อ 1 กรกฎาคม 2563 จึงมีมาตราที่กล่าวถึงหน้าที่พลเมืองรัสเซียที่มีพันธะต้องปกป้องประวัติศาสตร์ ห้ามบิดเบือนประวัติศาสตร์ ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2536 ฉบับก่อนการแก้ไข ไม่มีการกล่าวถึงเรื่องหน้าที่นี้อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นความกังวลใจของปูตินและผู้บริหาร รวมทั้งของประชาชนจำนวนไม่น้อยก็คือ เรื่องการลดลงของพลเมืองรัสเซีย ที่ตอนนี้เหลือเพียง 144 ล้านคน เมื่อเทียบกับพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในโลก 17 ล้านตารางกิโลเมตร (ไทย 5 แสนกว่าตารางกิโลเมตร) รัสเซียไม่มีคนมากเพียงพอที่จะพัฒนาทรัพยากรของประเทศกระแสที่น่าตกใจตอนนี้ก็คือ คนหนุ่มสาวไม่ค่อยแต่งงาน และมีการปล่อยข่าวว่ามีมือที่มองไม่เห็นไปปลุกปั่นกระแส LGBT หรือกระแสคนข้ามเพศ ในรัฐธรรมนูญที่แก้ไข ไม่ได้ห้ามเรื่อง LGBT แต่พูดถึงแต่เพียงว่าการแต่งงานเป็นสัมพันธภาพของครอบครัวระหว่างหญิงและชาย เรื่องนี้ทำให้สหรัฐฯไม่พอใจ ตอนที่จะลงคะแนนแห่งชาติ ที่อาคารสถานทูตสหรัฐฯในกรุงมอสโกปักธงอเมริกันด้านบน ใต้ธงชาติสหรัฐฯเป็นธงสัญลักษณ์ LGBT เพื่อที่จะโจมตีว่ารัสเซียไม่ให้สิทธิเสรีภาพประชาชน มีการกีดกันเรื่องคนข้ามเพศปูตินออกมาหน้าจอโทรทัศน์แทบทุกวัน วันหนึ่งก็พูดถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้ห้าม แต่ไม่ควรไปสร้างกระแสและส่งเสริมค่านิยมให้เยาวชนตั้งแต่ยังเล็ก ต้องให้เขาบรรลุนิติภาวะเสียก่อน เมื่อบรรลุแล้วจะเป็นอะไรก็เป็นไป มีคำถามในที่ประชุม (ซึ่งแพร่ภาพทางโทรทัศน์ด้วย) เรื่องสถานทูตต่างประเทศติดธง LGBT ปูตินตอบสั้นๆว่า “แล้วใครทำงานที่นั่นล่ะ”คำตอบของปูติน ทำคนรัสเซียยกย่องว่าปูตินฉลาด พูดน้อยแต่ได้ความหมายมาก ปูตินสื่อทำนองที่ว่า เขาปักธงในสถานทูต ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับรัสเซียนิสัยของปูตินคือพูดน้อยและต้องจบ ปูตินไม่ชอบการตอดเล็กตอดน้อย หรือพวกต่อความยาวสาวความยืด ขอย้อนหลังตอนที่ปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ กองกำลังติดอาวุธเชเชนไปยึดพื้นที่ของสาธารณรัฐดาเกสถานเพื่อจะจัดตั้งรัฐอิสลาม ปูตินออกโทรทัศน์พูดถึงเรื่องนี้และเรื่องการก่อการร้ายในกรุงมอสโกว่าแกจะล่าไม่ลดละ เจอที่ไหนต้องกำจัดที่นั่น เจอในส้วม ก็ต้องฆ่าหมกหลุมส้วม และปูตินก็ทำจริง คนรัสเซียชอบผู้นำแบบนี้ แค่พูดว่าจะฆ่าหมกส้วม ความนิยมของปูตินก็พุ่งปรี๊ดตอนนั้น คนรัสเซียยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครมาเป็นประธานาธิบดีต่อจากเยลต์ซิน แต่ประโยคที่บอกว่าจะฆ่าหมกส้วม ทำให้คนเกือบทั้งประเทศเห็นตรงกันว่า นายกฯ คนนี้แหละ เหมาะที่จะเป็นประธานาธิบดีต่อจากเยลต์ซิน และเมื่อได้ปูตินมาเป็นผู้นำแล้วก็ไม่ผิดหวัง พวกที่คิดจะตั้งรัฐอิสลามในแผ่นดินรัสเซียก็เงียบเป็นเป่าสากจนกระทั่งบัดนี้กลับวกมาเรื่องพลเมืองรัสเซียอีกทีครับ คณะผู้บริหารรัสเซียคิดว่า หนึ่งในวิธีการที่จะทำให้รัสเซียอ่อนแอก็คือการทำให้คนไม่แต่งงานและไม่มีลูกมากขึ้น จากการสืบสวนหาข่าวของทางการรัสเซีย พบว่ามีองค์กรที่มองไม่เห็นเข้ามาโฆษณาชักชวนเผยแพร่สนับสนุน LGBT ซึ่งในมุมนี้โดยส่วนตัวของผมคิดว่า คณะผู้นำรัสเซียมีความคิดอนุรักษนิยมและกลัวมากเกินไปหน่อยพรุ่งนี้มาต่อ ยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับรัสเซียอีกเยอะครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com