สงครามอันโหดร้ายได้ก่อให้เกิดยุทธวิธีที่สิ้นหวังนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการขับเครื่องบินพุ่งชน หรือการจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายอย่างไรก็ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นไปในขณะนี้ กำลังจะทำให้รูปแบบการฆ่าฟันด้วยการใช้ชีวิตแลกชีวิตดังกล่าวเปลี่ยนไป กลายเป็นอาวุธที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมโดยนับจากเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุดีอาระเบียด้วยฝูงโดรนไร้คน เมื่อเดือน ก.ย.2562 ได้ส่งผลให้หน่วยงานความมั่นคงนานาประเทศเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า การรบในโลกยุคใหม่จะเดินไปในทิศทางใดต่างพากันเร่งพัฒนาอาวุธที่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ง่าย และลดโอกาสในการสูญเสียกำลังพลหนึ่งในคำตอบที่ออกมานั้น คือการสร้างโดรนไร้คนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าโดรนเครื่องบิน โดรนยานเกราะ โดรนทางน้ำ ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นรัฐบาลตุรกีที่เปิดตัวอาวุธใหม่ของตัวเองคือ โดรนพลีชีพจากการเปิดเผยของสื่อท้องถิ่น โดรนดังกล่าวของกองทัพตุรกีมีชื่อว่า “คาร์กู” (Kargu) ที่แปลว่าเหยี่ยว และมักเป็นคำแสลงใช้เรียกหอสังเกตการณ์ มีน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ใบพัด ลักษณะไม่ต่างกับโดรนพลเรือนที่ใช้ถ่ายภาพทางอากาศเท่าไรนักแม้คุณสมบัติเบื้องต้นจะระบุว่า เพื่อการสอดแนม สังเกตการณ์ในสนามรบ และติดตามเป้าหมาย แต่เอาเข้าจริงแล้ว ข้อมูลความมั่นคงของสหรัฐฯระบุว่าโดรนคาร์กูยังถูกออกแบบไว้ใช้เป็นระเบิดเคลื่อนที่ สามารถติดตั้งหัวรบได้สามรูปแบบ 1.ระเบิดแรงสูงแบบมีสะเก็ดสังหาร 2.ระเบิดอำนาจทะลุทะลวงไว้ทำลายยานเกราะ และ 3.ระเบิดเพลิงออกซิเจน ที่เหมาะสำหรับกำจัดเป้าหมายในอาคารหรือบังเกอร์นอกจากนี้ หน่วยงานเทคโนโลยีวิศวกรรมกลาโหมและการค้า หรือ “เอสทีเอ็ม” ของตุรกียังอยู่ระหว่างการพัฒนาโดรนรุ่นที่สอง (Kargu-2) ให้บินค้างในพื้นที่ได้นานกว่าเดิม และมีพิสัยทำการที่ไกลกว่าเดิม พร้อมกำลังออกแบบซอฟต์แวร์ให้โดรนสามารถรุมจู่โจมเป้าหมายเหมือนฝูงผึ้ง พร้อมๆกันทีเดียว 20 ลำถึงรายละเอียดจะยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อ 15 มิ.ย. กองทัพตุรกีได้รับมอบคาร์กูจำนวนหลายร้อยลำไปแล้ว ขณะที่ข่าวเมื่อช่วงเดือน ม.ค. ระบุว่ากองทัพตุรกีทำการสั่งซื้อคาร์กูจากเอสทีเอ็ม 356 ลำและมีอย่างน้อย 3 ประเทศไม่เปิดเผยชื่อ แสดงความสนใจขอให้ตุรกีส่งออกโดรนมรณะรุ่นนี้ แต่คงไม่ใช่ไทยหรอกกระมัง เราไม่น่าโหดขนาดนั้น.ตุ๊ ปากเกร็ด