หนึ่งในภาพลักษณ์ที่ทำให้ “อินเดีย” เสื่อมเสีย คือมีคดีข่มขืนสตรีและเด็กหญิงบ่อยครั้ง รวมทั้งคดีสุดสะเทือนใจในปี 2555 ซึ่งจำเลยคนสุดท้ายเพิ่งถูกศาลฎีกาตัดสินยืนให้ประหารชีวิตเหยื่อในคดีนี้เป็นนักศึกษาวิชากายภาพ บำบัดวัย 23 ปี ซึ่งกฎหมายห้ามระบุชื่อ แต่สื่อให้ฉายาเธอว่า “นีรภายา” (ผู้กล้าหาญ) เหตุเกิดหลังเธอและเพื่อนชายออกจากโรงภาพยนตร์ แต่มีชาย 6 คนล่อลวงให้ไปขึ้นรถบัส เมื่อลับตาคนกลุ่มคนร้ายใช้ท่อนเหล็กทุบตีเพื่อนชายจนสลบ ก่อนรุมข่มขืนและใช้ท่อนเหล็กแทงอวัยวะเพศเธอจนบาดเจ็บภายในรุนแรง จากนั้นโยนร่างที่เปลือยเปล่าของทั้งคู่ทิ้งข้างถนน และ 2 สัปดาห์ต่อมาเธอก็เสียชีวิตคดีนี้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก จุดกระแสให้ชาวอินเดียลุกฮือต่อต้านความรุนแรงทางเพศต่อสตรีและเด็ก จนรัฐสภาถูกกดดันให้ออกกฎหมายเพิ่มโทษคดีข่มขืนถึงประหารชีวิตคนร้ายทั้ง 6 คนถูกจับและถูกพิจารณาคดีค่อนข้างรวดเร็ว ต่างจากคดีข่มขืนอื่นๆ ที่มักล่าช้านานหลายปี โดยจำเลย 4 คนถูกศาลตัดสินประหารชีวิต อีกคนผูกคอตายในห้องขังก่อนการพิจารณาคดี แต่ครอบครัวของเขาชี้ว่าถูกตำรวจจัดฉากฆ่า ส่วนจำเลยอีกคนเป็นเยาวชน จึงถูกส่งไปเข้าศูนย์ฟื้นฟูยุวชน 3 ปีนักโทษทั้ง 4 คนยื่นอุทธรณ์และฎีกาแต่ 3 คนถูกศาลฎีกาตัดสินยืนให้ประหารชีวิตไปแล้ว ส่วนคนที่ 4 เพิ่งถูกศาลฎีกาตัดสินยืนให้ประหารชีวิตเช่นกันเมื่อ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าทั้ง 4 คนจะถูกแขวนคอถ้าประธานาธิบดีไม่ใช้อำนาจสั่งอภัยโทษ ซึ่งการแขวนคอนักโทษในอินเดียครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี 2556อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเคลื่อนไหวชี้ว่าบทลงโทษที่หนักขึ้นไม่สามารถยับยั้งการก่อความรุนแรงทางเพศและคดีข่มขืน ซึ่งเป็นคดีอาญาต่อผู้หญิงที่สูงเป็นอันดับ 4 ในอินเดียได้ เพราะยังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งไม่กี่สัปดาห์หลัง ก็มีคดีโหดเกิดขึ้นหลายคดี รวมทั้งสตรีคนหนึ่งในรัฐอุตตรประเทศทางภาคเหนือถูกชาย 5 คนใช้น้ำมันก๊าดราดจุดไฟเผาขณะเดินทางไปขึ้นศาลในคดีที่เธอถูกข่มขืน โดยชาย 2 ใน 5 คนนั้นเป็นผู้ต้องหาข่มขืนเธอซึ่งได้รับการประกันตัวออกไปสู้คดี ส่วนเธอเสียชีวิตในโรงพยาบาลเมื่อต้นเดือนนี้ปลายเดือน พ.ย. สัตวแพทย์สาววัย 27 ปีก็ถูกข่มขืนและเผาตายทั้งเป็นใกล้เมืองไฮเดอราบัดทางภาคใต้ ผู้ต้องสงสัย 4 คนถูกจับ ก่อนถูกตำรวจยิงตายระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยตำรวจอ้างว่าผู้ต้องหาพยายามต่อสู้แย่งปืน ซึ่งการ “วิสามัญฯ” คนร้ายครั้งนี้ ประชาชนชื่นชมตำรวจเซ็งแซ่ด้วยความสะใจแม้รู้ว่านั่นคือ “ศาลเตี้ย” แต่ชาวบ้านเห็นว่าพวกมันสมควรตายโดยไม่จำเป็นต้องขึ้นศาล!บวร โทศรีแก้ว