ก็เพราะจีนมีประชากรมากที่สุดในโลกกว่า 1,300 ล้านคน แถมยังมีความเจริญทั่วถึงไม่เท่ากัน เลยไม่แปลกที่รัฐบาลจีนจะแคร์การบริโภคของคนในประเทศมากกว่าจะสนใจผลกระทบจากสงครามการค้าฮึ่มๆกับอเมริกา ที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” พยายามสร้างดราม่าใครยังยี้แบรนด์จีนถือว่าตกยุคมาก เพราะตอนนี้สินค้าเมดอินไชน่าฮอตฮิตไปไกลแล้วทั้งเรื่องคุณภาพและชื่อชั้น ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน, หุ่นยนต์, โดรน, รถยนต์ไฟฟ้า, แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึงซีรีส์จีน ที่กำลังครองตลาดโลกแทนที่ซีรีส์เกาหลี วินาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “ปรมาจารย์ลัทธิมาร” ซีรีส์ฟอร์มยักษ์จากนิยายวายออนไลน์ของจีน ที่เรตติ้งพุ่งกระฉูดไปทั่วโลก ปลุกกระแสชายจิ้นชายให้ฮิตฮอตอีกครั้งพลังการใช้จ่ายของประชากรจีนรุนแรงเหลือร้ายเกิดจากฝีมือ “คนจีนรุ่นใหม่” ประชากรมิลเลนเนียล ที่มีมากกว่า 400 ล้านคน ซึ่งเป็นลูกหลานคนมีสตางค์ มีโอกาสเดินทางเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศ และท่องเน็ตเก่ง ด้วยกำลังซื้อมหาศาลที่ยากจะต้านทาน เร่งเร้าให้สินค้าแบรนด์เนมระดับโลกแห่ไปเปิดตัวที่เมืองจีนมาหลายปีแล้ว นำทัพโดยค่ายหลุยส์ วิตตอง ซึ่งรู้ดีว่าใครแจ้งเกิดได้ในแดนมังกร ก็เท่ากับเปิดตลาดใหญ่สู่ศูนย์กลางอำนาจใหม่ของเศรษฐกิจโลก หลายแบรนด์ดังคงตาโตทะลุเบ้า ถ้าได้เห็นผลวิจัยของ “แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี” บ่งชี้ว่า ในปี 2016 มีคนจีน 7.6 ล้านครัวเรือน ช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม โดยแต่ละครัวเรือนมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 71,000 หยวน คนจีนเริ่มมาช็อปแบรนด์เนมกู้ศักดิ์ศรีชาติ ก็หลังได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 2008 โดยแรกๆอุดหนุนสินค้าแบรนด์เนม 12% ของมูลค่าตลาดทั้งโลก แต่จับตาให้ดีภายในปี 2025 คนจีนจะครองตลาดช็อปปิ้งสินค้าหรูมากกว่า 44% คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านหยวนไม่ได้มีแต่คนกรุงและหัวเมืองใหญ่ๆที่มีกำลังซื้อสูง แต่เมืองชนบทห่างความเจริญก็ใช้จ่ายคึกคักอย่างน่าทึ่ง แถมยังเป็นตลาดใหญ่ของการค้าออนไลน์ด้วย โดย JD.com ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน รายงานว่า ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่ง 60% มาจากนักช็อปในเมืองชนบท และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะยังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมากให้ทะลุทะลวง ทั้งเซเลบริตี้, ดารา, อินฟลูเอนเซอร์ และบล็อกเกอร์ นับวันจะยิ่งมีอิทธิพลต่อการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในโลกออนไลน์ พิสูจน์ได้จากการที่นิตยสารไทม์ยกให้เน็ตไอดอลพันล้านของจีน “จาง ตาอี้” เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอินเตอร์เน็ตปีนี้ โดยเทียบกับ “ไคลี่ เจนเนอร์”เหนือชั้นไปกว่านั้นคือ สูตรสำเร็จของเกาหลีที่ทำให้ทั้งโลกคลั่งกระแสเคป๊อปถูกลอกเลียนแบบมาใช้ในจีนแล้ว และภายในเวลาชั่วข้ามคืน “ซีป๊อป” จากประเทศจีน ก็สามารถครองความนิยมในตลาดโลกแทนเคป๊อป ที่มีแต่ข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวัน เพราะได้นายทุนใหญ่อย่าง “กลุ่มเทนเซ็นต์” เจ้าของโปรแกรม “วีแชต” ซึ่งมีผู้ใช้บริการกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก ลุยแหลกจับมือกับค่ายเกาหลีตั้ง “เจวายพีไชน่า” ปั้นกลุ่มบอยแบนด์เมดอินไชน่าวงแรก “บอย สตอรี่” และเกิร์ลกรุ๊ป “ร็อกเก็ต เกิร์ลส์ 101” ออกมาบุกตลาดรวดเร็วทันใจ พร้อมเปิดตัวรายการเรียลลิตี้โชว์ทางออนไลน์ “โปรดิวซ์ 101” สร้างประวัติการณ์มียอดผู้เข้าชมวันละ 100 ล้านคน งานนี้เล่นเอาพี่เกาพลิกตำราสู้แทบไม่ทันนี่ยังไม่นับรวมรายได้มหาศาลจากการท่องเที่ยวในประเทศของคนจีนกันเอง ที่ปั๊มเงินเข้าคลังปีละกว่า 9.94 ล้านล้านหยวน หรือ 1.48 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 11% ของจีดีพี ในปี 2018 เห็นกำลังซื้อมหาศาลขนาดนี้ ถ้ายังร้องยี้ไม่เวลคัมนักท่องเที่ยวชาวจีนก็เซ่อเต็มประดา.มิสแซฟไฟร์