5 กันยายน 2561 พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี เสด็จเป็นประธานเปิดการประชุมสภาแห่งชาติ หรือสภาผู้แทนราษฎรของกัมพูชาชุดที่ 6 ที่ผ่านการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม 2561 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกัมพูชาที่สมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมดของสภาคือ 125 คน มาจากพรรคการเมืองพรรคเดียว คือพรรคประชาชนกัมพูชา ที่มีสมเด็จฮุน เซ็น เป็นหัวหน้าพรรคไม่น่าเชื่อครับ ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่าง 30 กรกฎาคม-30 สิงหาคม 2532 จะมีพัฒนาการมาจนถึงวันที่พรรคประชาชนกัมพูชามีสมาชิกครบทุกคนในสภาแห่งชาติ ผมยังจำได้ว่าการเจรจาสันติภาพครั้งนั้น นอกจากจะมีเขมร 4 ฝ่ายแล้ว ยังมีเลขาธิการสหประชาชาติและตัวแทนของ 18 ประเทศ ที่มาประชุมสุมศีรษะกัน เพื่อให้มีการยุติสงครามการเมืองในกัมพูชา และให้ทหารเวียดนามออกจากแผ่นดินกัมพูชา23 ตุลาคม 2534 มีการร่วมลงนามสัญญาสันติภาพที่กรุงปารีส มีการเปลี่ยนชื่อประเทศไปเป็นรัฐแห่งกัมพูชา มีการตั้งสภา แห่งชาติสูงสุด มีการเลือกตั้งสภาสูงสุดครั้งแรก พรรคประชาชน-กัมพูชายังได้ ส.ส.เพียง 51 ที่นั่ง พรรคฟุนซินเปกได้ 58 ที่นั่ง พรรคประชาธิปไตยเสรีพุทธ 10 ที่นั่ง พรรคมอลินากานักต่อสู้เขมรเพื่ออิสรภาพ 1 ที่นั่งมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่และประกาศใช้เมื่อ 24 กันยายน 2536 สภาของกัมพูชาก็เปลี่ยนชื่อจาก Supreme National Council หรือสภาแห่งชาติสูงสุดไปเป็น National Assembly หรือสภาแห่งชาติ คนเขมรท้องถิ่นเรียกว่า Rotsaphea หรือรอตสะเพีย ส่วนวุฒิสภาของกัมพูชา หรือ Senate เรียก Protsaphea พรตสะเพียการเมืองกัมพูชาอยู่ในระบบ 3 พรรค ในการเลือกตั้ง 26 กรกฎาคม 2541 ซึ่งตอนนั้นมีพรรคที่ 3 ที่มีที่นั่งในสภา คือพรรคสม รังสี (15 ที่นั่ง)การเลือกตั้งเมื่อ 27 กรกฎาคม 2546 ก็ยังอยู่ในระบบ 3 พรรคครับ คือพรรคประชาชนกัมพูชา (73 ที่นั่ง) พรรคฟุนซินเปก (26 ที่นั่ง) และพรรคสม รังสี (24 ที่นั่ง)อีก 5 ปีต่อมา คือ พ.ศ.2551 การเมืองกัมพูชาพัฒนามาเป็นระบบหลายพรรคอย่างสมบูรณ์ พรรคที่มีที่นั่งในสภาแห่งชาติ ยังเป็นพรรคประชาชนกัมพูชา (90) พรรคสม รังสี (26) พรรคสิทธิมนุษยชน (3) พรรคนโรดม รณฤทธิ์ (2) พรรคฟุนซินเปก (2)การเมืองกัมพูชาเริ่มเป็นสากลและเป็นตัวอย่างให้กับหลายประเทศเมื่อพัฒนามาเป็นระบบพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค ที่มีที่นั่งในสภาอย่างสมบูรณ์ คือพรรคประชาชนกัมพูชา (68) และพรรคกู้ชาติกัมพูชา (55) ในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2556คนทั้งหลายทั้งในและต่างประเทศเริ่มลุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงของพรรคที่บริหารประเทศในกัมพูชาบ้าง เสียงสนับสนุนพรรคกู้ชาติกัมพูชา ที่มีนายกึม ซกคา เป็นหัวหน้าพรรคเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้นี่แหละครับ ที่ทำให้สมเด็จฮุน เซ็นและบรรดาพลพรรคของพรรคประชาชนกัมพูชาเกิดความไม่สบายใจ ขืนให้มีการต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา พรรคประชาชนกัมพูชาจะแพ้แน่นอนในหลายจังหวัด เช่น จังหวัดกัมปงจาม ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของสมเด็จฮุน เซ็นเอง จังหวัดกันดาล ซึ่งในการเลือกตั้ง พ.ศ.2556 พรรคกู้ชาติกัมพูชามี ส.ส.มากกว่า แม้แต่ในกรุงพนมเปญเอง ที่มี ส.ส.มากถึง 12 คน พรรคกู้ชาติกัมพูชาก็ได้ ส.ส. จำนวนมากกว่า ยังมีอีกหลายจังหวัดครับ เช่น จังหวัดเพียะเวง ฯลฯและนี่แหละครับ เป็นที่มาของการจับนายกึม ซกคา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาแห่งชาติ รวมทั้งยุบพรรคและตัดสิทธิ์สมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชาไม่ให้ลงเลือกตั้ง เท่าที่ผมทราบ การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่เลือกกันเมื่อ 29 กรกฎาคม 2561 และทำให้พรรคประชาชนกัมพูชาได้ ส.ส.ทุกคน ทั้งสภาฯ 125 คน กำลังกลายเป็นโมเดลที่หลายประเทศกำลังจะเอาไปเป็นตัวอย่างการเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 5 กันยายน 2561 ไม่มีผู้แทนจากประเทศตะวันตกเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน พวกเอกอัครราชทูตที่ไปยืนประดับรับรองสร้างความชอบธรรมให้การเลือกตั้งและการเปิดประชุมสภาแห่งชาติ แน่นอนครับว่าเป็น “ทูตจีน” และเป็นทูตอีก 9 ประเทศของสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอีกประเทศหนึ่งก็คือ ติมอร์ เลสเตเอวัง การเมืองกัมพูชาฉบับสมเด็จฮุน เซ็น กินรวบก็มีด้วยประการฉะนี้.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com