สัปดาห์ที่แล้ว ศิษย์สถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยมอสโก ที่ชื่อนายอเล็กเซย์ กรูซเดฟ รมช.พัฒนาเศรษฐกิจ +นักธุรกิจรัสเซียจาก 41 บริษัท ร้อยกว่าคนเดินทางมาประเทศไทย การเดินทางมาเยือนครั้งนี้มีเรื่องน่าสนใจด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับรัสเซียอยู่หลายเรื่องกรูซเดฟเกิด พ.ศ.2522 อายุยังไม่ถึง 40 ปี เพิ่งจบสถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษาเมื่อ พ.ศ.2545 นี่เอง คนที่จบสถาบันฯแล้วเป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลปูตินมีหลายคน พวกนี้เก่งด้านการต่างประเทศและประวัติศาสตร์ ปูตินชอบใช้คนเก่งสองเรื่องนี้ยิ่งนัก ยิ่งจบสถาบันฯ แล้วเคยทำงานเป็นพนักงานขายอาวุธยุทโธปกรณ์ ปูตินถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์เกรดหนึ่ง ซึ่งกรูซเดฟก็เคยอยู่รัฐวิสาหกิจขายและส่งออกอาวุธมาก่อนยอดมนุษย์ที่ออกมาจากรัฐวิสาหกิจขายอาวุธ ปูตินจะเอามาฝากไว้ที่กรมนโยบายการต่างประเทศของสำนักงานประธานาธิบดี กรูซเดฟก็เดินเส้นทางสายนี้ ก่อนที่จะมาเป็นรองอธิบดีและอธิบดีกรมความสัมพันธ์เศรษฐกิจต่างประเทศของกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์คนที่ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจ มักจะถูกปูตินส่งไปทดสอบฝีไม้ลายมือที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างอยู่จีนก็จะมีคณะกรรมการคอยส่องกล้องสอบผลงาน ว่าผ่านหรือไม่ ฉลาดหรือโง่ ขยันหรือขี้เกียจ ถ้าผ่านทุกมิติ ปูตินก็จะดึงเข้ามารับใช้ใกล้ชิดในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ทรัพยากรมนุษย์พวกนี้มักจะอายุน้อย แต่ฝีไม้ลายมือขั้นเทพ กรูซเดฟก็ถูกส่งไปเป็นทูตพาณิชย์ที่จีน ก่อนเป็นรัฐมนตรีช่วยพัฒนาเศรษฐกิจเมื่อ 17 ตุลาคม 2559ปูตินคัดคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีมาจาก 2 ซีก ซีกข้าราชการประจำที่เคยผ่านงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการค้าขาย (อย่างกรูซเดฟ) และซีกการเมือง แต่ต้องเคยผ่านงานวิชาการตามมหาวิทยาลัย ผมขอยกตัวอย่างนายเดนิส มานตูรอฟ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและประธานคณะกรรมาธิการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซีย-ไทยมานตูรอฟจบมหาวิทยาลัยมอสโก ต่อมาได้เรียนที่สถาบันประจำสำนักประธานาธิบดี เคยทำงานการส่งออกเฮลิคอปเตอร์รุ่นเอ็มไอ-17 และมาทำรัฐวิสาหกิจขายและส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ ก่อนจะมาเป็นหัวหน้าภาควิชาในมหาวิทยาลัยวิศวกรรมการบิน เมื่อปูตินมีอำนาจ แกก็ส่งแมวมองไปค้นหาคนพวกนี้เอามาไว้ในแฟ้มทรัพยากรมนุษย์ พร้อมที่จะใช้ทำงาน โดยที่ไม่จำเป็นต้องจบจากสถาบันเดียวกัน หรือไม่จำเป็นจะต้องรู้จักกันมาก่อนเมื่อถึงเวลาจะต้องใช้ทำงาน ก็แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยเพื่อดูฝีไม้ลายมือ ก่อนที่ดันให้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีเต็มตัว กระบวนการการคัดเลือกรัฐมนตรีของรัสเซียใช้แบบนี้ครับ ไม่ได้แต่งตั้งเพราะจบจากที่เดียวกัน หรือเพราะเคยทำงานด้วยกันมาก่อน หรือเพราะอยู่พรรคการเมืองเดียวกัน งานกระทรวงของรัสเซียจึงไม่ค่อยหลุด ปูตินจึงมีเวลาไปคิดเรื่องใหญ่ๆ ไม่ต้องเป็นผู้จัดการสันดานเสมียนเหมือนผู้นำบางประเทศเดิมรัสเซียมีกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ทว่าตั้งแต่ พ.ศ.2557 ปูตินสั่งให้แยกออกเป็น 2 กระทรวงคือ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจ หลายท่านเขียนว่ากระทรวงพาณิชย์ ขอเรียนว่ารัสเซียไม่มี Ministry of Commerce แต่มี Ministry of Economic Development กระทรวงพัฒนาการเศรษฐกิจที่ทำหน้าที่เหมือนกระทรวงพาณิชย์บ้านเรา มี Russian Export Center หรือศูนย์ส่งเสริมการส่งออก เป็นองค์กรราชการประจำกระทรวงทราบว่าสัปดาห์ที่แล้ว มีการพบปะกันระหว่างบริษัทไทยกับรัสเซีย รวมสองประเทศเกือบร้อยบริษัท ที่น่าสนใจมีหลายเรื่อง เช่น โรงงานน้ำตาลของไทยที่จะไปตั้งในเขตพริโมเรียในตะวันออก ไกลรัสเซีย ฝ่ายรัสเซียที่มามีพวกบริษัทไอทีมากกว่าครึ่ง บริษัทไอทีรัสเซียมีเก่งๆเยอะนะครับ ที่มาคราวนี้มีพวกที่เก่งด้านป้องกันข้อมูลซึ่งเมืองไทยต้องการมากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พวกที่เขียนโปรแกรมการทำงานของหุ่นยนต์ต้องยอมรับนะครับ ว่ารัสเซียเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของโลกทางป้องกันไวรัส ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยิน Kaspersky Laboratory หรือ Kaspersky Lab ที่นิยมใช้ป้องกันไวรัสอันดับต้นของโลก นี่ก็ของรัสเซียเช่นกันที่เด่นมากอีกเรื่องหนึ่งคือปุ๋ย เอกชนไทยหลายบริษัทเข้าเจรจาด้วยเพราะอยากจะนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซีย ที่รัสเซียมีแร่ยูเรียกับแร่โปแตช มาก โรงงานโปแตชของรัสเซียในอูราลกาลึย ผมว่าใหญ่ที่สุดเทือกเขาอูราลมีแร่โปแตชมากมายมหาศาลพรุ่งนี้มารับใช้กันต่อครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com