ภาพจาก U.S. Defense Imagery เครื่องบินโอวี-10 ดี บนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสซาราโตกา เมื่อปี 1985อาวุธก็ยังคงเป็นอาวุธวันยังค่ำ แม้จะเก่าเก็บ ขอเพียงรู้จักใช้ นำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ยุทธวิธีในการรบโดยในห้วงเวลาที่โลกกำลังไล่ซื้อ-ขายยุทโธปกรณ์อย่างเมามัน เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางความมั่นคง และโละสต๊อกเก่าที่ซ่อมบำรุงมานาน ก็มีรายงานน่าสนใจ ที่แสดงให้เห็น สภาพความเป็นจริงตามคำกล่าวขั้นต้น กระทรวงกลาโหมเพนตากอนสหรัฐฯ นำเครื่องบินโจมตีแบบใบพัดรุ่น OV—10 Bronco กลับมาใช้งานใหม่ ในภารกิจโหดหิน ปราบกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส ในสมรภูมิอิรักเชื่อว่า นักบินผ่านศึกสงครามเวียดนามน่าจะร้องอ๋อกันทุกนาย สำหรับ “ม้าป่าโอวีเท็น” พาหนะการศึกหลักที่ไทยเองก็ใช้มานาน และเพิ่งปลดประจำการขั้นสุดท้ายไปในช่วงปี 2547 โดยกองทัพสหรัฐฯสั่งเปิดกรุเริ่มการทดสอบใหม่ในช่วงต้นปี 2560 และนำออกปฏิบัติการในปลายปีเดียวกัน แต่ในสภาพยกเครื่องใหม่หมดจัดเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ ระบบเรดาร์รุ่นใหม่ ระบบการแชร์ข้อมูลปฏิบัติการกับหน่วยรบอื่นๆ “ดาต้าลิงก์” และที่สำคัญท่อยิงจรวด 70 มม. ร็อกเกตพอด แต่เป็นจรวดรุ่นใหม่ที่เรียกว่า ระบบอาวุธสังหารแม่นยำชั้นสูง (APKWS) ที่ชี้เป้าด้วยเลเซอร์และมีระยะยิงไกลหลายกิโลเมตรรับมอบหมายภารกิจ “3 เอฟ” Findค้นหา Fix แก้ไข และ Finish ปิดฉาก ประกอบด้วย การค้นหาข้าศึก ชี้เป้า และโจมตีสนับสนุนทางอากาศผลปรากฏว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ กลายเป็นว่า กองทัพสหรัฐฯได้ตำราการโจมตีทางอากาศรูปแบบใหม่ เครื่องโอวีเท็นทำหน้าที่ประหนึ่ง “สไนเปอร์” บินวนอยู่รอบสนามรบ และยิงใส่เป้าหมายนักรบไอเอสรายตัว ที่ยืนโผล่ตัวจากหน้าต่างประตูบ้าน ในพุ่มไม้ ถนนหนทาง โดยไม่เกิดเหตุลูกหลง เพราะความเสียหายจากการโจมตีเป็นแบบจำกัดวง อาคารบ้านเรือนไม่พังทลาย ดั่งการใช้ระเบิดนำร่องขนาดใหญ่และที่สำคัญยังช่วยประหยัดงบประมาณได้มหาศาล ยกตัวอย่างเครื่องบินรบเอฟ-15 มีค่าใช้จ่ายในการบิน 45,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อชั่วโมง แต่โอวีเท็นใช้เพียง 5,000 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ทั้งยังบินในสนามรบได้นานกว่า สนับสนุนภารกิจการรบติดพันได้อย่างดี.ตุ๊ ปากเกร็ด