เป็นจังหวะเวลาที่ใช่! หลังเกิร์ลกรุ๊ปวง PiXXiE จากค่าย LIT Entertainment กับสมาชิก 3 สาว 3 สไตล์ มาเบล-สุชาดา สอนพันธ์, พิมมา-พิมพ์มาดา ใจสักเสริญ และอิงโกะ-อินท์ปาลี โชติหิรัญธนนนท์ พกความสามารถทั้งร้องเต้น เสน่ห์อันร้อนแรงเขย่าวงการ T-POP จับมือเดินทางร่วมกันได้รับความรัก การสนับสนุนล้นหลาม ล่าสุดประกาศจัดคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบครั้งแรก “PiXXiE Tales Concert : Welcome to PiXXiE Land” ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ ที่ THUNDER DOME เมืองทองธานี กระแสตอบรับดีสุดปัง ขายบัตรได้ Sold Out ตั้งแต่เปิดขายวันแรก เลยชวนทั้งมาเบล,พิมมา,อิงโกะ เล่าความรู้สึกอันหลากหลาย เริ่มจาก...ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าบัตรคอนเสิร์ตขายได้ Sold Out แล้ว?อิงโกะ “พอเห็นว่าภาพโปสเตอร์ของ Official เค้าลงแล้วบอกว่า Sold Out แล้วหนูรีบแคปไปให้พี่ๆดู เราเลยคุยวิดีโอคอลกัน ดีใจมากค่ะ ขอบคุณทุกๆคนที่ให้การตอบรับการกดบัตรคอนเสิร์ตของพวกเราทำให้มัน Sold Out เร็วมากค่ะ” พิมมา “วันนั้นตื่นเช้ามาดูค่ะ พอลงขายแล้วทุกคนก็กดจองกันเร็วมากๆเลย ก็ดีใจมากๆค่ะ ภูมิใจด้วยค่ะ ภูมิใจใน PiXXiE ภูมิใจในค่ายเรา สำหรับพวกหนูแล้วมันเป็นคอนเสิร์ต very very very first time ของพวกเรา ขอบคุณมากๆค่ะที่เปิดใจให้พวกเรา จะทำให้เต็มที่ค่ะ”มาเบล “ตอนขายหมดน้ำตามาเลยค่ะ มันดีใจมากๆ เพราะมันมีพื้นที่ประมาณ 4,000 ที่นั่งแล้วเค้าซื้อบัตรเพื่อที่จะมาดูพวกเราเลยรู้สึกขอบคุณ ดีใจ มีความสุขมาก”ทำไมถึงเลือกใช้ชื่อ “PiXXiE Tales Concert : Welcome to PiXXiE Land”?พิมมา “เพราะว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเราด้วยค่ะ เลยอยากเล่าถึงตำนานของ PiXXiE ว่ากว่าจะมาเป็นพวกเราในวันนี้ เราผ่านอะไรมาบ้าง ในคอนเสิร์ตก็จะมี elementที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของพวกเรา represent ความเป็น PiXXiE ให้ได้มากที่สุดค่ะ”ใน PiXXiE Land จะได้เจออะไรบ้าง? อิงโกะ “ได้เจอกับ PiXXiE ทั้ง 3 คนค่ะ ที่เป็นคาแรกเตอร์แตกต่างกัน อย่าง อิงโกะก็จะเป็น PiXXiE of Blooming Flowers ค่ะ เป็นการเติมสีสันเติมความสดใส” มาเบล “มาเบลเป็น PiXXiE of Light เป็นแสงสว่างให้กับดินแดน” พิมมา “เป็น PiXXiE of Water ค่ะ เป็นเหมือนความสงบ ความคูลของดินแดนช่วงนี้อยู่ในช่วง Music Production ในคอนเสิร์ตเรามีการทำเพลงเอามาเรียบเรียงใหม่ เพลงที่เคยฟังแล้วก็จะปรับโชว์ปรับดนตรี” อิงโกะ “ตอนนี้พวกเราก็กำลังจะเริ่มฝึกซ้อมร้องเพลงให้เข้มข้นขึ้น เพื่อบาลานซ์ตั้งแต่ต้นโชว์ยันจบโชว์ให้มันยังมีแรงเท่าๆกันและทำให้คนดูเอนจอยกับโชว์ของพวกเราได้” งานก็เยอะมากแบ่งเวลาซ้อมยังไง? มาเบล “ตารางซ้อมเราช่วงสิงหาคมค่ะ ไม่รับงานอื่น 1 เดือนค่ะ” พิมมา “จริงๆการซ้อมใน 1 เดือนนี้ก็ค่อนข้างดุเดือดมากๆเพราะว่ามันมีความยาวโชว์ที่แบบว่าเยอะมาก” แขกรับเชิญเป็นใครบ้าง พอใบ้ได้มั้ย เคยเห็นภาพร่วมงานหรือร่วมเฟรมกับเรามั้ย? ทั้ง 3 คนตอบ “เคยค่ะ ร่วมเฟรมเคย” อิงโกะ “ก็ต้องไปหาดูเอาค่ะ ว่าใครกันบ้างนะ” เรียกว่าว้าวแน่ๆ? พิมมา “ค่ะ พวกหนูยังรู้สึกว่ามันเป็นจริงแล้วเหรอ เราเห็นเกสต์แล้วก็โอ้โห แบบว่าเลยเหรอ ได้เลยเหรอ มันดีมาก ชอบเค้ามาก” การได้มีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นมาร์กพอยต์ที่สำคัญของศิลปินหลายคน สำหรับ PiXXiE คอนเสิร์ตใหญ่มีความหมายยังไง? พิมมา “เป็นมาร์กพอยต์ที่ใหญ่มากเลยสำหรับพวกเราค่ะ” มาเบล “เป็นความฝันของพวกหนูทั้ง 3 คนเลยค่ะ พอความฝันมันยิ่งใกล้เข้ามามากๆ มันยิ่งทำให้เราตื่นเต้น มันมีหลายความรู้สึกมากเลยค่ะ”ถึงวันนี้วันที่ PiXXiE ได้ความรักและแรงซัพพอร์ตเยอะขึ้น วันที่เราเริ่มเคยคิดฝันถึงภาพวันนี้มั้ย?พิมมา “เรื่องฝันมันฝันแน่นอนว่าสักวันเราจะมีคอนเสิร์ตแต่ถามว่าใจจริงๆเลยว่าเราคาดหวังให้มันได้ขนาดนี้มั้ย ก็ไม่ได้คาดหวังเลยค่ะ เราพูดกันแล้วก็ดีใจกันทุกครั้งที่ตัวเองเติบโตมาได้ขนาดนี้เพราะเราไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมาได้ขนาดนี้ตั้งแต่แรก แต่พอมันมีโอกาสเข้ามาหรือได้แรงซัพพอร์ตที่ดีขึ้นเรื่อยๆก็ดีใจแล้วก็ขอบคุณตลอดจริงๆ รู้สึก appreciate จริงๆกับทุกแรงซัพพอร์ตค่ะ” มาเบล “หนูรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเกินความคาดหวังค่ะ แค่ปล่อยเพลงมาก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าสูงสุดสำหรับหนูแล้ว” อิงโกะ “หนูรู้สึกว่าการที่เราได้รับแรงความรัก แรงซัพพอร์ตตอนนี้มันเหมือนเป็นกำไร แล้วก็เป็นโบนัสให้กับพวกเรามากกว่าค่ะ” เส้นทางกว่าจะผ่านมาถึงตรงนี้ ไม่ง่าย? พิมมา “หนูรู้สึกว่าที่เรามาไกลกันได้ขนาดนี้ หนึ่งคือแรงซัพพอร์ตจาก PiXXeL (ชื่อแฟนคลับของ PiXXiE) ค่ะ แต่ว่าอีกอันนึงที่สำคัญมากๆคือพวกหนู 3 คนมีความฝันที่แข็งแรงแล้วก็ไม่ทิ้งกันค่ะ ช่วงไหนที่เหนื่อยมากๆหรือมันอาจจะไม่ได้เป็นไปได้ด้วยดีขนาดตอนนี้ อาจจะเพลงไม่ได้มาขนาดนั้น พวกเราก็ยังไม่ทิ้งความพยายามเลยสักครั้งเดียว เหมือนที่มาเบลพูดเลยค่ะว่าแค่เราได้ปล่อยเพลงหรือผลงานที่มันมีคุณภาพ มันคือ Goal ที่สำคัญที่สุดของเราแล้ว เราก็เลยตั้งใจในทุกๆครั้งที่เราปล่อยเพลงหรือว่าทุกๆครั้งที่มีโอกาสได้ทำอะไรสักอย่าง หลังจากนั้นมันเลยเป็นเหมือนเอฟเฟกต์หรือกำไรที่ได้มา และการที่พวกเราจับมือกันแล้วก็จริงใจกับความฝัน ความชอบของตัวเองไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดหรือไม่ได้รู้สึกว่าฉันจะต้องดังเท่านี้และฉันจะหยุดทำสิ่งนี้แล้ว มันเลยทำให้เรายังคงเป็น PiXXiE ที่ยังมีความเป็น PiXXiE แบบนี้อยู่ต่อไป” มาเบล “ทุกอย่างที่เราทำมันคือความสุขที่เราตั้งใจใส่ลงไปจริงๆ อย่างเช่นเพลงแต่ละเพลงที่เราทำคือมันคือตัวตนของพวกเรา มันคือสิ่งที่พวกเราสร้างและปั้นขึ้นมา อยากให้แฟนๆได้ฟังจริงๆ รวมไปถึงสเตจทุกสเตจที่พวกเราทำมันคือความสุขที่เรามีจริงๆ แล้วเราก็ทำไปให้ทุกคนได้เห็นแล้วมีความสุขไปพร้อมกับพวกเรา”ที่บอกว่ามันก็มีช่วงที่มันไม่ได้สวยงาม มีช่วงที่ยากของวง อยากให้เล่าให้ฟังหน่อย?พิมมา “จริงๆน่าจะตั้งแต่เริ่มเลยค่ะ เพราะว่าเราเริ่มในช่วงโควิดด้วย มันเลยมีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้น เราไม่ได้เจอแฟนคลับด้วย”อิงโกะ “แล้วก็มันจะมีช่วงหลังจากเพลงมูเตลูหรือเกินต้านที่พวกเราปล่อยเพลงออกมาแล้ว พวกเราเองก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ แล้วพวกเราก็เพิ่งเริ่มต้นมากๆ เราเองก็พยายาม อยากให้ทุกคนได้รู้จักเพลงพวกเราค่ะ ตอนนั้นพวกเราก็หาวิธีทางที่จะกลับมาทำเพลงที่ทำให้ทุกคนชื่นชอบในผลงานของเราเพิ่มขึ้น ก็มีท้อบ้างแต่ว่าเราก็มีพวกเรากันเองทั้ง 3 คน แล้วก็มีพี่ๆที่ค่ายคอยช่วย” มีวันที่ท้ออยากหยุดไม่มีแรงมั้ย? มาเบล “มีค่ะ มาเบลเองนี่แหละ” ใช่ประเด็นดราม่าที่มาเบลถูกหาว่าเต้นแรงกว่าเพื่อนจนเป็นประเด็นถูกสัมภาษณ์มั้ย? มาเบล “ค่ะ เหมือนเราเจอปัญหาอะไรหลายๆอย่าง ความรู้สึกตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้ว แล้วก็นั่นแหละค่ะ มี PiXXiE ที่จูงมือกันไป คอยช่วยฉุดกันขึ้นมา” พิมมา “หนู แค่รู้สึกว่าเค้าแค่ไปโฟกัสอย่างอื่นอยู่มันเลยทำให้เค้าไม่อยากทำแล้ว พวกหนูแค่ถามมาเบลเลยว่าแล้วยังอยากร้องเพลงอยู่มั้ย ยังอยากเป็นศิลปินอยู่มั้ย เพราะว่าจริงๆแล้วปัญหาตอนนั้นมันไม่ได้เกี่ยวกับความฝันของเค้าตั้งแต่แรก สุดท้ายแล้วมาเบลก็ยัง Back on Track กลับมาโฟกัสอะไรที่มันควรจะโฟกัสได้ค่ะ” อิงโกะ “ซึ่งมัน เป็นสิ่งที่ดีมากค่ะ แค่เราซื่อสัตย์กับความฝันตัวเอง แล้วเลือกที่จะโฟกัสที่คอมเมนต์ที่ทำให้เราพัฒนาขึ้นเก่งขึ้น และสร้างพลังบวกให้กับใจพวกเราค่ะ ซึ่งพวกหนู 2 คนดีใจที่พี่มาเบลกลับมามีแรงมุ่งมั่นกับความฝันตัวเองอีกครั้งหนึ่งค่ะ” มาเบล “สำหรับตอนนั้นมันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่แย่มากๆแต่พอเราโต ขึ้นหนูอยากขอบคุณเหตุการณ์นั้นมากๆ หนูโตขึ้นกับสิ่งนั้นมากๆ และทำให้หนูรู้ว่ามีคนที่รักเราและเรารักเค้า ตอนนั้นหนูโฟกัสผิดจุดจริงๆ หนูลืมโฟกัสคนข้างๆ หนูลืม PiXXiE ว่าเอ๊ย เราเหนื่อยมาด้วยกัน คนอื่นไม่ได้รู้นี่ว่าเราเหนื่อยขนาดไหน ไม่รู้ว่าความฝันที่เราอุตส่าห์ฝ่าฟันมามันคือขนาดไหน เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนความคิดอะไรหลายๆอย่างของหนูมากๆ”ร้องไห้กับอะไรแบบนั้นเยอะมั้ยเวลาเราอ่านคอมเมนต์ต่างๆ?มาเบล “ช่วงนั้นอ่านทุกคอมเมนต์ค่ะ ไล่ดูทุกโพสต์ เวลาใครด่าแล้วยิ่งอ่าน หนูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นถึงทำร้ายจิตใจตัวเองขนาดนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ไปยังไงแล้วเราก็ไม่ได้ระบายออกมา เพราะหนูก็ไม่ได้อยากเอาความทุกข์ที่หนูได้อ่านมาไปให้กับเพื่อนหรือคนอื่น ช่วงนั้นก็หนักอยู่” ช่วงนั้นอีก 2 คนเห็นมาเบลเป็นยังไง? พิมมา “หนูรู้สึกผิดนะเพราะหนูไม่รู้จริงๆ เพิ่งมารู้เช้าวันนั้นก่อนที่จะโดนสัมภาษณ์” อิงโกะ “วันนั้นไม่มีใครรู้เลยค่ะเราไปโชว์ตามปกติแล้วเค้าบอกว่าจะมีสัมภาษณ์ แล้วก็อยู่ดีๆคำถามนั้นขึ้นมา พวกหนูก็ตกใจ” มาเบล “จังหวะนั้นหนูเหมือนแพนิกไปเลยค่ะ” แต่จังหวะนั้นอีก 2 คนซัพพอร์ตอย่างแข็งขัน? มาเบล “ใช่ค่ะ เป็นซัพพอร์ตเตอร์ที่น่ารักมาก ปลื้มมากค่ะ” พิมมา “หนูรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นมันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรจากมันเยอะมาก สำหรับพิมมาคือรู้สึกว่ามันทำให้เราได้โฟกัสเพื่อนเรามากขึ้น เราก็ยังไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาก่อนด้วยตั้งแต่เดบิวต์มาเลย แล้วภายในเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย เรายังไม่ได้รู้วิธีการจัดการกับเรื่องแบบนี้ พอเราผ่านมันมาก็ได้เรียนรู้เยอะมาก” เหตุการณ์นั้นทำให้เรารักกันมากขึ้น? มาเบล “หนูรู้สึกว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น รักกันอยู่แล้วค่ะ ตั้งแต่เทรน ปล่อยเพลง เรารักกันอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างที่บอกหนูเป็นคนเวลามีอะไรในใจไม่ค่อยพูด แล้วพอรู้ว่าเฮ้ยมันพูดได้นี่นา ขอบคุณเหตุการณ์นั้นมากค่ะ ก็คือมีภูมิคุ้มกัน หลังจากตรงนั้นก็คุยกันเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ” อิงโกะ “หลังๆมาพวกหนูคุยเรื่องชีวิตกันมากขึ้นค่ะ จากเมื่อก่อนมีคุยบ้างแต่ว่าเราไม่ได้มานั่งคุยกันจริงจังแบบจับเข่าคุย”ชอบคุยเรื่องอะไรกัน? มาเบล “ส่วนมากจะคุยเรื่องชีวิต เรื่องบ้าน เรื่องพ่อแม่ เรื่องครอบครัว นั่งคุยกันว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเราจะทำ อะไรร่วมกันดี ทุกพอยต์ของการคุยกันเรายังมีตัวตนของ PiXXiE เช่นเราทำ YouTube ด้วยกันมั้ย หรือทำธุรกิจอะไรดี” อิงโกะ “หนูชอบถามพี่ๆว่าถ้าสมมติว่าเราไม่ได้เป็น PiXXiE แล้ว อิงโกะ พิมมา มาเบล จะทำอะไรด้วยกันแบบไม่อยากห่างจากกัน ตรงนี้มันคือพื้นที่ที่เราทำอะไรแล้วสบายใจ เอนจอย ไม่อยากให้ PiXXiE หายไป” พิมมา “ทุกครั้งมันเจ๋งมากตรงที่เวลาเราคุยเรื่องอนาคต เราจะมีกันและกันอยู่เสมอ เวลาที่เราถูกถามว่าในอนาคตอยากจะทำอะไร พวกหนูก็จะตอบเหมือนกันว่าตอนนี้อยากเป็น PiXXiE ให้ไปได้ไกลที่สุด”สำหรับพวกเราคำว่า PiXXiE ถึงวันนี้เปรียบเป็นอะไร?พิมมา “เปรียบเป็นเด็กผู้หญิงคนนึง เป็นเด็กสู้ชีวิต จริงจังจริงใจกับความฝันและเสียงความต้องการ ของตัวเอง ตัวพิมมาเองก็เรียนรู้จากตัวเด็กผู้หญิงคนนี้มากเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กที่ตั้งใจกับทุกๆอย่าง มีผิดพลาดบ้าง ล้มบ้างแต่ว่าก็ยังมีพอยต์ที่ตัวเองอยากทำ ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนี้ก็โตขึ้นในทุกๆวัน มีประสบการณ์แล้วก็เก่งขึ้นจากวันแรกเยอะเลยค่ะ ก็ดีใจ ภูมิใจที่เวลาเห็น คนรักเด็กผู้หญิงคนนี้มากขึ้น อยากให้เด็กผู้หญิงคนนี้ทำมันต่อไปเรื่อยๆ” มาเบล “ถ้าเด็กคนหนึ่งคือ PiXXiE หนูคิดว่าเด็กคนนั้นชื่อว่าความฝันค่ะ เด็กคนนั้นความฝันชัดเจนมากๆ แล้วเค้าไม่ย่อท้อต่อความฝันไม่ว่าจะอะไรเข้ามา อาจจะมีเขวบ้าง เหนื่อยท้อ บ้างแต่ว่าความฝันของเค้าค่อนข้างแข็งแรงและชัดเจนค่ะ แล้วเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่ไม่เก่งแต่ว่าเค้าพร้อมที่จะทำและแน่วแน่กับสิ่งนั้นมากๆ จนทำให้เขาเก่งขึ้นในทุกวัน” อิงโกะ “มองเป็นเด็กหญิง PiXXiE เหมือนกันค่ะ แต่ว่าถ้ามองเป็นอะไรอีกอย่างนึงหนูจะมองเค้าเป็นเมล็ดพันธุ์ การเติบโตของเค้าก็เหมือนต้นไม้ ค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นมามีรากมีลำต้นพอที่จะยืนด้วยตัวเองได้ออกดอกผลิใบออกมา เหมือนการที่พวกเราผลิต ผลงานออกมา เริ่มจากความที่ยังไม่แข็งแรงขนาดนั้น แต่พออายุมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็ยิ่งมากประสบการณ์ แล้วเราสามารถมีลำต้นที่มีรากแก้วรากฝอยจากประสบการณ์ต่างๆ ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ที่รวมมิตรความสุขความเศร้าความดีใจหรือว่าอะไรต่างๆ ก็เหมือนพวกเราทั้ง 3 คนที่มีคนละคาแรกเตอร์ แต่เมื่อมองมาที่ต้นไม้นี้แล้วทุกคนจะได้เห็นถึงความเป็นรวมมิตรความเป็น PiXXiE อยู่ในลำต้นนี้ แล้วต้นนี้จะยืนต้นอยู่ให้นานๆค่ะ ผลิตอะไรออกมาให้ทุกคนได้เห็นแล้วก็มอบความรักให้กับทุกคนค่ะ”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย ภาพ : สุรกิจ แก้วมรกตอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่