ขึ้นแท่นหนึ่งในครอบครัวรันวงการบันเทิง มอบความสุขให้แฟนๆทั้งบ้าน ล่าสุดนักแสดงสุดฮอต 3 พี่น้องสุดซี้ บอย-ปกรณ์, หน่อง-ธนา และภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ รวมตัวเผยโปรเจกต์ใหญ่กับการขึ้นแท่นผู้จัดแฟนมีตติ้งศิลปินเกาหลีครั้งแรก เปิดบริษัท Bee Good Enter tainment จับมือกับสุดสัปดาห์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ภายใต้ Amarin Media & Event ในเครืออมรินทร์ กรุ๊ป พานางเอกเกาหลีสุดฮอต “พัคมินยอง” มาจัดแฟนมีตติ้งครั้งแรกในเมืองไทย กับ “2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand” วันที่ 20 เม.ย.2024 ณ MCC Hall, The Mall Lifestore Ngamwongwan จำหน่ายบัตรทาง www.theconcert.com ทั้ง 3 หนุ่ม เลยมาร่วมวงเม้าท์ท้าทายในการทำงานโปรเจกต์นี้ เริ่มจาก...ขึ้นแท่นผู้จัดแฟนมีตเกาหลีหน้าใหม่?บอย “ตอนนี้พวกเราเปิดบริษัท Bee Good Entertainment มาจับมือกับสุดสัปดาห์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จัดแฟนมีตติ้งนางเอกเกาหลี พัคมินยอง (PARK MIN YOUNG) ที่คนไทยรู้จักในบทเลขาคิม เป็นงานแรกของบริษัทพวกเราเลยครับ” ทำไมถึงเลือกจัดแฟนมีตเป็นงานแรก? บอย “ถ้าเทียบกันระหว่างแฟนมีตกับคอนเสิร์ต แฟนมีตสเกลเล็กกว่า เรายังมือใหม่เลยอยากเริ่มอะไรแบบค่อยเป็นค่อยไปก่อน และอย่างตัวผมเองทำงานในวงการมา 16-17 ปี รู้สึกว่าเราก็มีคอนเนกชันนู่นนี่ พอมาจับมือกับสุดสัปดาห์ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่งานจะไปด้วยกันได้” หน่อง “เราชอบดูซีรีส์ เกมโชว์เกาหลีอยู่แล้ว” ภัทร์ “เรามีการคุยกันมาก่อนสักระยะว่าจะเป็นศิลปินนักแสดงท่านไหน บังเอิญประจวบเหมาะ กับที่คุณพัคมินยองจะมาจัดแฟนมีตติ้งในประเทศไทยอยู่แล้ว ทางเราก็ทำโปรไฟล์เสนอไป เพราะไม่ได้มีแค่เรา เค้าก็คัดเลือกว่าใครเหมาะสมแล้วเราก็ได้รับคัดเลือกมา” บอย “พัคมินยองเค้าดังมากอยู่แล้ว ทั้งในเกาหลีและประเทศไทย ล่าสุดเค้าก็ดังมากๆจากซีรีส์ Marry My Husband ด้วย ตัวเค้าเป็นคนมีเสน่ห์ น่ารัก มีแฟนๆชอบและรอเจอเค้าเยอะ” แบ่งหน้าที่กันยังไงในโปรเจกต์นี้? ภัทร์ “เฮียบอยเค้าจะดูในภาพรวมใหญ่ ส่วนผมกับหน่องก็แบ่งพาร์ตออกมา ผมจะดูพวกเอกสาร บัญชี หน่องเค้าก็จะเอาพวกโซเชียลไปดู” หน่อง “พอทำจริงๆแล้วก็ช่วยกันดูช่วยกันทำทุกอย่าง” บอย “รายละเอียดมันเยอะมากจริงๆ และเราไม่ได้ทำงานกับคนไทยด้วยกันอย่างเดียว เราทำงานกับชาวต่างชาติด้วย เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องจับมือกับสุดสัปดาห์ด้วยเพราะเราเป็นคนเบื้องหน้า สุดสัปดาห์เค้าเก่งงานเบื้องหลังเลยทำให้เรามั่นใจว่างานชิ้นนี้จะออกมาดี” ท้าทายตัวเราขนาดไหน? บอย “ก็ท้าทายและได้ประสบการณ์เยอะด้วย” จุดที่ยากที่สุดของการทำงานครั้งนี้? บอย “ทุกพาร์ตเลย เพราะทางนู้นการทำงานของเค้าค่อนข้างเป๊ะมาก ทุกอย่างมาเป็นตารางเป็นขั้นตอน” ความเป็นนักแสดงเป็นคนเบื้องหน้ามันช่วยเราตรงไหนบ้าง? ภัทร์ “อาจจะช่วยในแง่การที่ปกติมีคนเป็นแฟนคลับเรา อันนี้ก็กลับกัน เราก็เป็นแฟนคลับ อาจจะทำให้เราเข้าใจว่าแฟนคลับต้องการอะไรสำหรับงานนี้” บอย “ผมก็ได้ทำงานกับแบรนด์ต่างๆก็มีคอนเนกชัน ติดต่อแผนกต่างๆขายแพ็กสปอนเซอร์ ผมก็เข้าไปขายงานเอง อย่างดูสถานที่ภัทร์ก็ไปกับทางสุดสัปดาห์ เค้าก็เก่งเรื่องโปรดักชัน” ตั้งแต่ประกาศว่าเราเป็นผู้จัดกระแสฮือฮา แค่ไหน?บอย “ก็ดีนะครับ หลายๆคนก็ได้เห็นการเติบโต ของพวกเราไปในอีกขั้นหนึ่ง จากคนเบื้องหน้าเริ่มมาจับงานเบื้องหลัง ก่อนหน้านี้เราก็มีการจับงานเบื้องหลังบ้างแล้ว เช่น ภัทร์ก็มีเปิดสตูดิโอถ่ายงาน รับเป็นซัพในการเป็นผู้จัดละคร หน่องก็มาทำยูทูบ คนได้เห็นการเติบโตของเราไปอีกขั้น แต่เราก็อยากทำอะไรที่ไม่เกินตัว เน้นทำให้ออกมาดีที่สุด” การเป็นผู้จัดที่เป็นคนดังอยู่แล้วอีกด้านนึงก็แบกความกดดันเหมือนกัน? บอย “เป็นสิ่งที่ผมรู้มาตั้งแต่ทำร้านอาหาร ข้อดีคือคนรู้จักร้านอาหารของผมได้เร็วขึ้นแต่ข้อที่ต้องควรระวัง ยิ่งคนรู้จักเยอะ ยิ่งเป็นร้านของดาราถ้าเกิดพลาดขึ้นมาก็พร้อมโดนโจมตี อันนี้ก็เหมือนกัน ถามว่ามีความกดดันมั้ยก็ไม่ขนาดนั้น แต่เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ปิดจุดโหว่ทุกจุด คิดเยอะที่สุด คิดเผื่อทุกฝ่าย คิดเผื่อแฟนคลับ” ตื่นเต้นมั้ยใกล้งานแล้ว? หน่อง “ตื่นเต้น เราก็อยากเจอเค้า อยาก ให้แฟนคลับได้เจอ” บอย “ตื่นเต้น กังวลด้วย เป็นงานแรก ของพวกเราก็อยากทำให้ดีที่สุดด้วย ก็คุยกับทาง สุดสัปดาห์ว่างานนี้เราไม่ได้เน้นเรื่องผลประกอบการ กำไรเท่าไหร่ เราจะเน้นทำงานออกมาให้ดีที่สุด เราอยากให้ทุกคนที่เข้าไปดูออกมาแล้วประทับใจที่สุด การที่เค้าได้มาเจอพัคมินยองที่เค้าชื่นชอบเค้าก็คงแฮปปี้แล้ว แต่การที่เราเป็นหน่วยงานกลางอยากจะทำให้เค้าแฮปปี้และทุกอย่างราบรื่นที่สุด” เรียกว่าทุ่มเท่าไหร่ไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้? บอย “ประมาณนั้น ก็ต้องทำให้ดีที่สุด”มีโปรเจกต์อะไรที่ 3 พี่น้องทำร่วมกันอีก?บอย “อย่างบริษัทนี้ก็เปิดร่วมกันขึ้นมาเพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ อย่างอื่นที่ทำด้วยกันก็มี คือสตูดิโอคุณแม่ ร้านเจ๊แดงสามย่านที่ไปหุ้นกับฝั่งคุณเบียร์ ใบหยก” อยากให้บริษัท Bee Good Entertainment ก้าวไปถึงไหน? ภัทร์ “ด้วยชื่อเราก็เป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ไปแล้ว เราก็จะต่อยอดในสายวงการด้านนี้ ก็ต้องดูว่าในอนาคตจะไปทางไหนได้อีก” บอย “ก็ค่อยเป็นค่อยไปเพราะเรายังไม่ได้มีประสบการณ์ในส่วนอื่น” ทั้ง 3 คนทำธุรกิจหลากหลาย เยอะมาก แต่ครั้งนี้วนกลับมาทำธุรกิจในวงการบันเทิง? ภัทร์ “ผมว่ามันเป็นจังหวะด้วยที่เข้ามาพอดี” บอย “ถ้าเอาจริงๆงานหลักของแต่ละคนก็ยังเป็นงานในวงการบันเทิง สมมติมีแค่ 3 คนเราก็คงไม่สามารถทำงานนี้ แต่เรามาเจอกับสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี มาเติมจุดแข็งให้กันและกัน” คุณแม่และน้องวันใหม่มีส่วนร่วมยังไงบ้าง? ภัทร์ “จริงๆแม่มีส่วนร่วมค่อนข้างเยอะ เพราะแม่ก็อยู่ในกรุ๊ปที่คุยงานกันด้วย แม่ก็จะคอยอ่านและมาคุยกัน ด้วยความที่พวกผมทำหลายอย่าง บางทีแม่เค้าก็จะดูว่าเราตกหล่นอะไรไปบ้าง อย่าลืมอันนี้ อย่าลืมเรื่องนี้ บางอย่างที่แม่อ่านแล้วสงสัยว่าอันนี้ยังไง จุดประเด็นถามขึ้นมา”เวลาในโซเชียลเห็น 3 พี่น้องในมุมหยอก แกล้งชิลๆกัน แล้วเวลาคุยงานจริงจังแค่ไหน?ภัทร์ “ก็จริงจังครับ เป็นงานแรกที่เราทำร่วมกับคนอื่นด้วย เลยรู้สึกว่าเราต้องทำให้ดี เราไม่ได้ทำกับแค่คนในบ้าน เลยสัมผัสการทำงานจริงกับพี่น้อง” พี่น้องทำงานร่วมกันมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างมั้ย? บอย “มีอยู่แล้วแต่ว่ามันคงไม่ถึงขั้นความเห็นไม่ตรงกัน จะเป็นแค่พูดคุยกัน มีอะไรตกหล่นอะไรอย่างนี้ เถียงกันบ้างอะไรบ้าง มันเป็นเรื่องปกติของการทำงานอยู่แล้วแต่ว่าก็ไม่ได้มีอะไรแบบรุนแรง ด้วยความที่พวกผม 3 คนก็โตกันมาแบบไม่ค่อยทะเลาะกัน” ข้อดีของการที่เป็นพี่น้องกันแล้วทำร่วมกันล่ะ? บอย “ถามผมก็คือพอเป็นพี่น้องกันมันก็ค่อนข้างที่จะเปิดกว้างในการพูดคุย” แล้วด้านกลับกัน ความยากของการเป็นพี่น้องล่ะ? ภัทร์ “มันก็จะยากในแง่ของบางทีความที่เราต้องพูดกันตรงๆมันก็ต้องระวัง ต้องมีวิธีการพูดที่ดี บางทีมันไม่ได้ตั้งใจจะพูดไม่ดีหรอกแต่เป็นด้วยเนื้องานด้วยอะไรหลายๆอย่าง” บอย “ความที่เป็นพี่น้องกัน มันดีตรงที่เปิดใจคุยได้ แต่บางทีพอเป็นพี่น้องเราก็ลืมไปว่าพอสนิทมากจะพูดอะไรก็ได้ ลืมเกรงใจกัน” ภัทร์ “แต่โดยรวมทุกคนจะอยู่บนพื้นฐานเรื่องงาน ไม่เก็บมาเป็นเรื่องส่วนตัวเลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร” อัปเดตงานที่ทำตอนนี้หน่อย? ภัทร์ “ที่ผมทำให้ที่บ้านตอนนี้ก็คือทางสตูดิโอคุณแม่ครับแล้วก็มีทำที่เป็นเวิร์กช็อปงานศิลปะชื่อ Canvas space15 ที่ทำด้วยกันครับ ถ้าส่วนตัวของผมเอง ตอนนี้ก็กำลังเปิดร้านแว่นชื่อ Aspec ครับ มีทั้งแว่นกันแดด ตัดแว่น แล้วก็มีโอกาสได้ทำก็คือเป็นซัพพลายเออร์ เป็นทีมโปรดักชันรับผลิตซีรีส์ อย่างที่ทำที่ผ่านมาก็จะเป็นของทาง Club Friday ของพี่ฉอด-สายทิพย์ ก็คือไม่ได้ทำเป็นประจำเป็นโอกาสมากกว่า งานแสดงยังรับ ถ้ามีงานแสดง ติดต่อก็ยังเป็นงานหลักอยู่ครับ ที่เหลือก็เอามาแบ่งเวลา” หน่อง “ตอนนี้ก็มีทำธุรกิจที่บ้านและมีถ่ายซีรีส์ 2 เรื่อง ความจริงก็ลองทำอะไรใหม่ๆเรื่อยๆ” บอย “ของผมตอนนี้ก็ถ้าธุรกิจก็จะมีร้านอาหาร มี Sushi Shin มี Kobe Steak House เจ๊แดง สามย่าน งานแสดงเป็นหลัก ตอนนี้ถ่ายไปแล้วก็จะมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งครับ แล้วก็มีซีรีส์ของ netflix ครับ เรื่อง Tomorrow And I เดี๋ยวช่วงกลางปีจะเปิดซีรีส์อีกเรื่องหนึ่ง” สำหรับบอยเป็นไง บ้าง กับคำว่านักแสดง อิสระ?บอย “ผมไม่ได้ มีความรู้สึกแปลกที่แปลกทางอะไรขนาดนั้น มันก็ยังเหมือนเดิมแหละ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันอาจจะทำให้เราได้ไปเจออะไรในแนวทางใหม่ๆ ได้ทำอะไรที่ไม่เคย เช่นได้ไปเล่นซีรีส์บทบาทที่ไม่เคยเล่น” ยังทำงานกับช่อง 3 ได้เสมอ? “ยินดี ผมหมดสัญญาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่งานฟุตบอลช่อง ทางช่องก็ยังใจดีชวนผมไปเป็นกัปตันทีมคู่กับเกรท-วรินทร ผมก็ยินดีเลย ดีใจด้วยซ้ำที่เค้าชวนมา ยินดีไปช่วยครับถ้าเกิดว่าทางช่องมีอะไรให้ผมไปช่วย ช่อง 3 ก็เหมือนเป็นครอบครัวนึงของผมเหมือนกัน” ความเป็นบอย-ปกรณ์ ดูทำได้ทุกอย่างแต่พอเป็นอิสระมันมีงานอะไรมั้ยที่ยังตื่นเต้นกังวล? “ถ้าเกิดว่ามีสิ่งที่ผมเคยเริ่มทำแล้วก็แบบทำๆหยุดๆก็คือการเป็นพิธีกร พอทำได้ประมาณนึงแต่ว่าเราก็ยังไม่ได้แกร่งกล้าขนาดนั้น ก็เป็นสิ่งที่อยากจะเรียนรู้เหมือนกันครับ” เปิดกว้างรับงานได้หมด? “รับได้หมดครับแต่ต้องเลือกอะไรที่เหมาะกับเรา เพราะเรามีอะไรหลายอย่างให้ทำมากขึ้น” ภัทร์ “ที่ทำธุรกิจทั้งบ้าน ความจริงก็ได้แม่มาด้วย ก็เป็นสายเลือดคนทำงาน เราทำงานตรงนี้แล้วก็ได้เงินจากในวงการมาไปต่อยอดได้ ไปทำแล้วได้มั่ง ไม่ได้มั่งก็เรียนรู้เป็นประสบการณ์” หน่อง “ของผมรอออน 2 เรื่อง เรื่อง GHOST กับเคน-ภูภูมิ ถ่ายจบไปสัก 2-3 เดือน แต่ว่าอีก 2 เรื่องที่ถ่ายอยู่ตอนนี้มันก็เป็นโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องนึงแล้วก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องซอมบี้ อันนี้ก็เป็นรีเมกของเกาหลีเหมือนกัน” ทำงานกันเหมือนร้อนเงินแต่ไม่น่าจะร้อนเงินนะ? บอย “เอาจริงๆก็ไม่ได้ว่าร้อนเงินหรอกแต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง ตอนนี้ก็ทำการมีแรงมีโอกาสก็ทำไปก่อน ยกตัวอย่างง่ายๆ เนี่ยพอวันนึงอยากจะจัดแฟนมีต ศิลปินเกาหลีซึ่งมันก็ต้องใช้เงินประมาณนึง เราก็มีเงินทุนที่เราทำงานมาพออยากจะทำต่อยอดก็มีเงินให้ต่อยอดอะไรอย่างนี้ครับ”3 พี่น้องเติบโต ผ่านเรื่องราว ต่างๆ วันนี้ยังมีอะไรที่ยังห่วงกันมั้ย?ภัทร์ “ไม่ค่อยห่วงครับเพราะทุกคนโตแล้ว เพิ่งคุยกับแม่บอกว่า เนี่ยผมอายุ 35 ปีแล้ว พวกผมโตกันมาถึงจุดนี้แล้ว เลยรู้สึกว่าทุกคนใช้ชีวิตได้แล้วแหละ ถ้าจะห่วงเรื่องอะไร คงห่วงแม่ เรื่องสุขภาพแม่เพราะอายุเยอะขึ้น” มีอะไรห่วงกันเอง 3 หนุ่มมั้ย? บอย “ห่วงกันเองก็ไม่ค่อย ถ้าเป็นแม่ก็ห่วงสุขภาพ ห่วงน้องกำลังโต อนาคตของเค้า การเรียนหรือว่าแม้แต่สิ่งที่เค้าอยากทำ” แม่ไม่ได้ทักเรื่องเมื่อไหร่บอยจะแต่งงานแล้วเหรอ? บอย “แม่จะชอบทักเยอะแซวเยอะเวลา ไปสัมภาษณ์ แต่เวลาอยู่บ้านเค้าก็ไม่ได้อะไร แค่แง้มๆเหมือนเค้าก็เห็นเรามีแฟน” เวลาแม่บิลต์ตอนให้สัมภาษณ์เรารู้สึกยังไง? บอย “ก็ไม่เป็นไร เราก็ตามน้ำแม่ไป ก็รู้แหละว่าเค้าก็คงอยากเห็นเรามีครอบครัวไวๆ แต่ว่าเค้าไม่กดดันเรา เราก็รู้ พอมีแฟนกว่าจะถึงจุดตรงที่ว่าจะแต่งงานเราไม่อยากจะเร่งมาก บางทีเร่งมากเร็วมากมันอาจจะไม่ดี มันต้องใช้เวลาอยากตามจังหวะ ตามธรรมชาติมากกว่าเพราะว่าเรื่องการมีครอบครัวมันก็มีรายละเอียดเยอะ” หน่อง “เรา 3 คนไม่ค่อยมีอะไรห่วง ด้วยอายุด้วยหน้าที่การงาน จะเป็นห่วงคนทางบ้านผู้หญิงอีก 2 คนที่บ้านมากกว่า” เวลาห่วงน้องวันใหม่ ห่วงเรื่องอะไร? บอย “ก็ทุกๆเรื่อง” ภัทร์ “เค้าเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้วด้วยเค้าเป็นเด็กอีกเจนนึงเหมือนต้องจูนกันให้เจอคนละครึ่ง ก็ทำความเข้าใจเค้าแล้วก็ขอให้เค้าอยู่ในกรอบที่เราวางไว้ให้ละกัน”สุดท้ายเปิดหัวใจ 3 หนุ่มบ้าง?สำหรับรักครั้งนี้ของบอยกับสาว “เฟย์-พรปวีณ์” ทำให้เราดูเฟรชเสมอเกี่ยวมั้ยเพราะว่ามีแฟนเด็ก? บอย “ผมว่าคงเป็นคนแซวๆกันมากกว่า เราก็พยายามทำให้ตัวเองแบบเฟรชตลอดเวลา คือปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเราทำงานตรงนี้ เราก็ต้องดูแลรูปร่างหน้าตาตัวเอง ทำให้ตัวเองดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่าตลอดเวลาเพราะเรายังอยู่เบื้องหน้าอยู่” แพลนเรื่องแต่งเมื่อไหร่? บอย “ยังไม่รู้เลย ก็ต้องดูกันไปทั้งคู่ครับ” หน่องล่ะมีเรื่องความรักบ้างมั้ย? หน่อง “ไม่มีเลย อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้เจอผู้คนด้วยหรือเปล่าเพราะว่าคือวันที่มีทำงานเสร็จก็กลับบ้าน วันที่อยู่บ้านถ้าไม่ได้มีงานอะไรก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้เจอคนด้วย” ไม่มีมุมที่เหงาอยากมีแฟน ออกไปทำความรู้จักใครใหม่? “ก็มีแต่ว่าไม่รู้จะไปหาที่ไหน เดี๋ยวพอจะมีก็น่าจะมี” ภัทร์ล่ะ? “ไม่มี เอาจริงๆทุกวันนี้ยุ่งมาก ยุ่งหลายอย่าง เหงาอะมันเหมือนมันอยู่กับอะไรอย่างนี้จนชิน จนไม่ได้รู้สึกว่ามันเหงา มันไม่มีจังหวะของการจะยังไงดี แล้วอีกอย่างนึงพอวันที่เราว่างอะเราก็อยากอยู่บ้าน เจอเพื่อนผมยังไม่ค่อยได้ไปเจอเลยครับ มันถึงวัยของการแบบอยากอยู่บ้าน อยากอยู่เฉยๆอยู่กับแม่”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่