“ฉ็องด็อง” เป็นภาษาถิ่นภาคใต้แท้แต่โบราณ หมายถึงไม่ได้เรื่อง, ไม่เข้าท่า, พิลึกพิเรน, สติไม่ค่อยดี ฯลฯ แต่ “ฉ็อง” คำเดียวจะหมายถึง “กลิ่นเหม็น, กลิ่นพิลึก, กลิ่นไม่ค่อยดี”ด้วยเส้นเรื่องของ “ชีวิตภาคสอง” ในเนื้อเรื่องที่อัครอภิมหาเมลโลดราม่า เส้นกลิ่นมายาเปลือกปมฉมเฉาที่เน่าโฉ่โอฬาริก เพียงสองสิ่งนี้ก็สามารถพินาศทำลายความเชื่อในเรื่องทั้งหมดฉากเผาทำลายเปียโนงามคลาสสิกหลังมหึมา หน้าคฤหาสน์ (วัง) สุดหรูของคุณท่านตู่-ปรเมศ, ฉากเผาพินัยกรรมกระจอกกระดาษแผ่นเดียวอย่างเกินมักง่ายของตัวร้ายรตาและจิรันรวมถึงอีกสารพัดฉาก–เหตุการณ์ที่สุดแสนจะตื้นเขิน ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ไม่ว่าในโลกของความจริงหรือความลวงทรงผม-สีผม-เครื่องแต่งกาย-เครื่องประดับที่หลอนหลุด บวกการแสดงของแม่ผัวตัวฉ็อง “อรัญญา–ดวงตาตุงฯ” กรอบแว่นและเสื้อกั๊กสีม่วงลวงโลกหวานแหววแต๋วจ๋ากระทืบวัยชะแรแก่ชราของ “ปรเมศ–นพพล” มหาเศรษฐีหมื่นล้านไปขุดมาจากไหนหนอทุกอิริยาบถแอ็กติ้งของตัวร้ายฝ่ายตัวเอกที่สุดแสนจะเฟก (Fake) อันเกิดจากบทฯที่อ่อนแอ มักง่ายในทุกเหตุผลทุกสถานการณ์ความคิด–การกระทำทุกเรื่องราวบทฯได้ทำลายทุกพลังการแสดงของ “ก็อต–จิรายุ ตันตระกูล” ทำลายและสำคัญผิดทุกจริตการแสดงของนักแสดง (ใหม่) ที่ยังไม่เก่งกาจอย่าง “สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์–ธยศทรณ์ ไวยฉัยยา”และบดขยี้ให้ “พริมรตา เดชอุดม” กลายพันธุ์ในพริบตาเป็นนางร้ายนางอิจฉาที่ฉ็องที่สุด“ชีวิตภาคสอง” จึงกลายเป็น “ชีวิตเหม็นฉ็อง” ด้วยทุกประการทั้งปวงที่ได้กล่าวกุมมาฉะนี้.“ดร.ศาสตร์ธนิก จุลมณี”‘‘แจ๋วริมจอ’’jaewrimjor@gmail.comคลิกอ่าน "ทีวีบันเทิง" เพิ่มเติม