เข้าถึงบทบาท “แม่กลิ่น” ตัวละครสร้างสีสันในละคร “พรหมลิขิต” ทางช่อง 3 ที่กำลังฮอตสุดๆ จนคนดูอิน! เกลียดทั้งบ้านทั้งเมือง สาว “น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์” ภูมิใจกับการพลิกรับบทร้ายครั้งแรกในชีวิตที่ปลดล็อกอะไรหลายอย่าง เปิดใจเล่าว่า “กระแสตอบรับดีมาก คนเรียกแต่แม่กลิ่นๆ บอกว่าชอบเสื้อผ้าหน้าผม แต่ไม่อยากให้พูด ไม่ชอบ” มีเข้ามาต่อว่าอะไรเราตรงๆมั้ย? “ไม่มีค่ะ ส่วนใหญ่แฟนๆพรหมลิขิตจะติดตามมาตั้งแต่บุพเพฯแล้วอ่านหนังสือมาก็จะบอกว่า อย่าไปเกลียดเค้านะ รู้ว่าเพราะอะไรแม่กลิ่นถึงไม่ชอบพุดตาน เห็นฟีดแบ็กจากแฟนๆแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ ตอนที่ถ่ายเรื่องนี้ช่วงโควิดด้วยอะไรด้วย ตอนนั้นถ่ายละคร 3 เรื่องพร้อมกันดราม่าหมด มีเรื่อง รักได้หรือ YOUNG มือปราบมหาอุตม์ และเรื่องพรหมลิขิตที่เราบอกใครไม่ได้ ทุกเรื่องดราม่าเยอะน้ำตาไหล เราก็เครียด กลัวเรื่องนั้นเรื่องนี้จะไม่ดี ก็ลงเรียนการแสดงเพิ่ม ทำการบ้านแน่นๆ ตอนแรกยอมรับว่าก็ไม่ชินนะเวลาคนบอกว่าเกลียดแม่กลิ่น ด่าๆๆก่อนแต่บอกว่าชอบน้ำตาล ผู้จัดการบอกว่าดีนะแสดงว่าเค้าอิน”เป็นครั้งแรกที่ได้รับฟีดแบ็กคนด่า? “ใช่ค่ะ แต่ว่าสนุกดีค่ะ เริ่มรู้สึกว่าเค้ายิ่งด่าแปลว่าเค้าเข้าใจตัวละคร มันมีเหตุผล ตอนเราเล่นเป็นนางเอกเราหาเหตุผลในการเป็นคนดี ยอมให้เค้ากดขี่ข่มเหง แต่มาเล่นบทนี้ เราต้องหาเหตุผลในการกดขี่ข่มเหงคนอื่น (ยิ้ม) สนุกดีค่ะ เหมือนได้หาเป้าหมายในชีวิตใหม่” ปะทะกับเบลล่า–ราณี กังวลมั้ย? “โชคดีที่ก่อนเปิดกล้อง พี่หน่อง-อรุโณชา พี่นาย-สรัสวดี ผู้กำกับ ให้เราไปเวิร์กช็อปหาตัวละครร่วมกัน ไปหาความแค้น เวลาปะทะคารมจะไปแตะจุดไหนและหน้างานจะพาไปถึงไหน ซึ่งเวลาเราปะทะกับพุดตานมันไม่ได้มีความแรงใส่อย่างเดียว มันมีความกลัวด้วย เพราะเค้าเคยทำเรามาในชาติที่แล้ว เกลียด ไม่ชอบเค้าแต่ก็กลัวเค้า การอยู่กับยายเถียงกับยาย โกรธ น้อยใจ ฉากตบกันและโดนโบย ค่อยๆพีกมาแบบไต่ระดับอารมณ์ ตอนแรกพี่หน่องบอกว่าให้มาเล่นรับเชิญ ถึงจะรับเชิญเล็กๆน้อยๆเราก็ดีใจและเป็นเกียรติที่ได้มาแจม พี่หน่องรู้ว่าตอนนั้นตาลถ่ายละคร 2 เรื่อง แต่เค้ามีความรู้สึกอยากให้ตาลเล่นบทนี้จริงๆ เราเลยรู้สึกว่ามันต้องมีอะไร และตาลเองก็อยากเล่นร้ายมานานมาก เคยขอพี่หน่องด้วย เพราะเราดราม่ามาทุกรูปแบบแล้วแต่เป็นพาร์ตของคนดี เลยอยากรู้สึกถึงความไปร้ายกับคนอื่นที่ยังรู้สึกว่าตัวเองถูกแต่ทุกคนคิดว่าเราร้าย สนุกมากกับการหาตัวตนของตัวละคร แต่พออ่านบทก็โอ้ว มันไม่ธรรมดา เพราะเป็นพีเรียด เต็มๆของตาล ตอนถ่ายพี่นายบอกว่า สุดหรือยัง เอาอีกมั้ย ทำให้เราค่อนข้างเคลียร์กับตัวละคร เค้าจะถามว่าเราอินที่สุดเทกไหน มีการเทกแคร์ แชร์ซึ่งกันและกัน หนูได้พี่ต๊งเหน่ง-รัดกล้า เป็น อาจารย์อีกท่านหนึ่ง เค้าสอนเราหลายอย่าง” เรื่องนี้ปลดล็อกอะไรเราบ้าง? “หนูเป็นคนกรี๊ดไม่เป็นและเรื่องนี้เป็นไม่ใช่การกรี๊ดแบบสมัยใหม่แต่เป็นผู้หญิงอีกยุคนึง หรือแม้แต่การพูด ชะ! ไม่พอใจ เราก็ไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ซีนโดนโบยอารมณ์จะพีกไปถึงตรงไหนเราก็ไม่รู้ แต่พอถึงตรงนั้นมันพีก มันสั่นไปหมดโดยที่เราก็ไม่รู้และลุ้นกัน เป็นซีนเดอะเบสต์มากๆ ตาลค่อนข้างเข้าใจเลยนะคะ ตอนนี้คนดูละครดูกันค่อนข้างที่จะละเอียดมากๆ บางซีนเราไม่ได้พูด แต่สายตาและอารมณ์มีทั้งโกรธ น้อยใจ คนดูเค้ารับรู้ เราก็คิดว่าอุ๊ยเค้ารู้ได้ยังไงเพราะนั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจตอนเราเล่น เวลาอ่านฟีดแบ็กเลยรู้สึกว่าดีจังเลย เพราะในทุกๆซีนเราจะมาร์กเอาไว้ว่าซีนนี้หัวใจสำคัญคืออะไร สื่อการแสดงไปแบบไหน แม้กระทั่งการแต่งกาย เดินเหิน คนดูก็รู้ว่าต้องเป็นลูกคนมีตังค์นะเนี่ย คนเห็นแล้วมาคอมเมนต์เราก็ชื่นใจเลยรู้สึกว่าต่อไปนี้เราต้องเล่นละครให้ละเอียดขึ้นอีก เหมือนได้ประสบการณ์ใหม่” ไผ่–พาทิศ แฟนหนุ่มว่าไงบ้างที่เราเล่นร้ายในบทนี้? “พี่ไผ่เค้ารู้ว่าหนูเครียด เป็นนักซ้อมที่ดีให้กับเรา เป็นนักต่อบทที่ดีมาก ด้วยความที่แม่กลิ่น ยัยคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา บท 3 หน้าก็มี เค้าก็ช่วยต่อบท และรู้ว่ามันเครียด ซีเรียส หนูก็พยายามเรียนรู้จากเค้า เพราะหลังๆพี่ไผ่เค้าเล่นร้ายเยอะ เค้าก็บอกว่าเล่นอย่างนี้ๆสิ ก็ช่วยได้แต่เค้าจะไม่ค่อยได้เล่นบทพีเรียด”พอเค้าเราเห็นในจอจริงๆ ไผ่ว่าไง? “เค้าบอกว่าสวยค่ะ จบ (หัวเราะ) บอกว่าน้องใส่ชุดไทยสวยนะเนี่ย (ยิ้ม) ส่วนอารมณ์เราในการแสดง เค้าเห็นตั้งแต่ตอนต่อบทกันค่ะ”.เช็กวันออกอากาศ ละคร "พรหมลิขิต" เดือน พ.ย.-ธ.ค.เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ