เปิดประสบการณ์ใหม่ของนักแสดงหนุ่มสุดฮอต “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” ที่พลิกคาแรกเตอร์สดใสขี้เล่นมารับบท “อาจิน” ชายลึกลับผู้มีคาถาอาคม ปลอมตัวเป็นครู โคจรมาพบกันอีกครั้งกับสาว “พรีม-ชนิกานต์ ตังกบดี” ผู้รับบท ฟา นักเรียนชั้น ม.6 ที่สงสัยในเหตุการณ์ประหลาดๆที่โรงเรียน ในแนวลึกลับ ระทึกขวัญ ในซีรีส์ “Enigma คนมนตร์เวท” ทุกวันเสาร์ 20.30 น. ทางช่อง GMM25 และทาง Prime Video เริ่มวันเสาร์ที่ 15 ก.ค.นี้ ทำเอา วิน ตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ เล่าถึง บท “อาจิน” เริ่มจากบทนี้มีความน่าสนใจยังไงทำไมถึงเลือกที่จะรับเล่น? “เป็นคาแรกเตอร์ที่ผมไม่เคยรับเล่นมาก่อน มันใหม่สำหรับตัวผมมาก “อาจิน” เป็นคนที่มีความดุดัน จริงจัง และมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก มีคาแรกเตอร์ที่เอาจริง ฉลาด และต้องพร้อมสู้กับคนร้ายตลอดเวลา เราก็เลยต้องทำการบ้าน ทำเวิร์กช็อปและเรียนแอ็กติ้งกับคาแรกเตอร์นี้เยอะมาก เพราะฉะนั้นจะได้เห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงของผมในอีกรูปแบบนึง ต่างจากคาแรกเตอร์ก่อนหน้านี้ที่จะมีความใสๆ น่ารัก ขี้เล่น และก็จะมีแอ็กชันนิดหน่อยด้วยครับ ถ้าถามว่าแตกต่างจากตัวจริงของเราเยอะมั้ย ผมว่าเรามีความจริงจังที่เหมือนกัน แต่ว่าความดุดันไม่เหมือนกัน คาแรกเตอร์นี้มีภูมิหลังที่ผ่านเรื่องร้ายๆมา ก็เลยหล่อหลอมให้มีทัศนคติที่พร้อมจะตั้งแง่กับคนร้าย หรือคนอื่น ทำให้เหมือนเป็นคนที่มีกำแพงอยู่ตลอด พร้อมจะสู้ พร้อมรบ พร้อมที่จะไสยเวท ไสยศาสตร์ ได้เลยทันที” ตัววินมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องคาถาอาคมเวทมนตร์มากแค่ไหน ทั้งเรื่องไสยศาสตร์หรือเรื่องความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ? “ผมเชื่อว่าเรื่องพวกนี้มีอยู่จริงนะครับ มันต้องมีคนกลุ่มนี้ ที่อยู่ในวงการไสยศาสตร์ แต่ถามว่าเราเคยใช้มั้ย เราไม่เคยใช้ไสยศาสตร์อะไรอย่างนั้น ถ้าเป็นไสยศาสตร์สายขาว เช่น นั่งสมาธิ เดินจงกรม อะไรพวกนี้ เราเคยทำครับ แต่ถ้าเป็นสายดำ เราไม่เคย”แล้วถ้าเป็นสายมูไหว้พระขอพรล่ะ มีมูบ้างมั้ย? “เราก็มูครับ (หัวเราะ) ก็มีไปไหว้ตามสถานที่ที่เค้าบอกว่าดี หรือบอกว่าแม่น ก็ไป ผมนับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่ได้มีวัดประจำครับ ล่าสุดที่ผมไปมาคือ วัดโนนหัวช้าง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งถนนหนทางยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราเลยอยากจะไปช่วยทำนุบำรุงตรงนั้นให้มันเกิดความเจริญขึ้นมา เราก็พาแฟนคลับไปช่วยทำบุญ หล่อพระ” จากการสวมคาแรกเตอร์ “อาจิน” ชายลึกลับคนนี้ ทำให้วินได้ข้อคิดมุมมองอะไรมาปรับใช้ได้บ้าง? “ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะในเรื่องที่เค้าเจอมันค่อนข้างแตกต่างเหมือนอยู่คนละโลกกับเรา แต่บางอย่าง เช่น ความจริงจัง ความหนักแน่นที่เรารู้สึกว่าเราดึงออกมาจากคาแรกเตอร์นี้ และเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ” ประสบการณ์ที่ประทับใจระหว่างถ่ายทำ? “ผมว่าเป็นอีกเรื่องนึงที่เต็มที่มากๆ แล้วก็โปรดักชันดีมากๆ เป็นเรื่องแรกที่ผมใช้สลิงถ่ายด้วย เพราะมันมีซีนต่อสู้ มีซีนลอยตัว (หัวเราะ) ก็เรียกได้ว่าประทับใจภาพรวมทั้งหมดเลย ถึงแม้จะมีแค่ 4 ตอน แต่คิวถ่ายจริงเหมือนมีเป็น 10 ตอนเลย เพราะเราใช้คิวถ่ายเยอะมากๆแต่ละซีน แต่ละช็อต เราไม่ได้ปล่อยผ่านไปง่ายๆ เราเน้นคุณภาพจริงๆ ผมดีใจที่มีโอกาสได้ทำงานกับกองถ่ายนี้”เล่นซีรีส์แนวลึกลับสยองขวัญแบบนี้ ทำให้รู้สึกกลัวบ้างมั้ย? “ตอนแรกผมกลัวนะ คือต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนกลัวผี (หัวเราะ) ตอนแรกคิดว่าจะเจออะไรหรือเปล่าเพราะเราเล่นกับพวกไสยศาสตร์ด้วย แต่พอผ่านไปคิวแรกก็รู้สึกว่าปลอดภัยดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะก่อนที่เราจะถ่ายทำก็มีการไหว้ขอสถานที่ ไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน” เล่นเรื่องนี้ยังมีความกดดันอยู่มั้ย? “กดดันทุกเรื่องที่ผมรับเลย ผมรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกอยากจะทำให้มันเต็มที่มากๆ มันเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับผมอยู่ตลอดเวลา จริงๆผมก็เพิ่งอยู่ในวงการ 3-4 ปี และเรื่องที่รับเล่นก็มีแค่ 3-4 เรื่องเท่านั้นเอง มันยังมีอีกหลายคาแรกเตอร์มากให้เราค้นหาต่อไปเรื่อยๆ อยากจะทำให้มันเต็มที่ในทุกๆคาแรกเตอร์”มีคาแรกเตอร์ไหนอยากลองทำ? “ผมอยากเล่นแนวแอ็กชัน แบบต่อสู้แอ็กชันจริงๆทั้งเรื่อง แบบ John Wick”บทบาทและการทำงานใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆสำหรับ วิน เตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอยังไง? “ไม่ว่าจะเป็นอาชีพนี้ หรืออาชีพไหนก็ตาม ผมมองว่าเราจะต้องรักษาคุณภาพของตัวเอง ถ้าเราไม่ได้รักษาคุณภาพไว้ มันก็จะทำให้คุณภาพของเราค่อยๆตกต่ำไปเรื่อยๆ และในวันหนึ่งเราก็อาจจะหายไป เพราะว่าจะมีคนที่พร้อมที่มีคุณภาพมากกว่าเรา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือเราต้องคอยพัฒนาตัวเอง ต้องเรียน ต้องเสริมและต้องคอยอัปเดตเกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆ เทคนิคที่เค้าใช้ตอนนี้มันมีอะไรบ้าง คือเราต้องรู้รอบด้านทั้งหมดในสิ่งที่เราทำอยู่ เช่น ร้องเพลง การแสดง เต้น หรืออะไรต่างๆ พอมีเวลาว่างก็พยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายของผมคือ อยากจะทำงานกับชาวต่างชาติ และศิลปินต่างชาติมากยิ่งขึ้น เพราะผมเชื่อว่าตอนนี้คอนเทนต์ของไทยมีคุณภาพมากๆและเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ของประเทศได้เลย ซึ่งเมื่อคุณภาพเราแข็งแรงแล้ว ผมว่ามันไม่ยากที่จะไปร่วมงานกับศิลปินชาว ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนัง ซีรีส์ หรือเพลงต่างๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะ collab และร่วมทำงานกัน”.