ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกหลังยุติความรัก 10 ปี กับ “โบว์-เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์” นักแสดงหนุ่ม “ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล” งานแถลงข่าวภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ “ปิดเมืองล่า PATTAYA HEAT” ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 4 True5G Pro Hub เริ่มจาก “จริงๆเรื่องที่จำเป็นต้องพูด ผมก็พูดไปในพื้นที่ส่วนตัวจนหมดแล้ว แล้วก็ไม่ได้เพิ่งพูดก่อนเข้ารายการเหมือนที่ออกอากาศไปตอนนั้น ผมว่าทางเค้าและพิธีกรน่าจะมีการสื่อสารกันผิดพลาด จริงๆแล้วเราคุยกันก่อนหน้านั้นแล้ว”ยืนยันว่าไม่ได้โทร.บอกเลิกโบว์ก่อนเข้ารายการวันนั้น?“(ส่ายหัว) ผมว่าน่าจะเป็นการสื่อสารกันเข้าใจผิด ผมเชื่อว่าเค้าทั้ง 2 คน ไม่มีเจตนาที่จะพูดออกไปแบบนั้น แต่พอเรื่องมันออกไปแบบนั้นแล้ว ณ ตอนนั้นผมยังไม่อยากอธิบายอะไร เหมือนกับว่าทั้งคนไกลตัวและคนรอบตัวก็ยังเต็มใจที่จะเข้าใจผิดอยู่ ผมก็เลยเลือกที่จะเงียบ”ทำไมเราไม่เลือกที่จะอธิบาย หลายคนก็ตีความไปโดยที่เข้าใจตามข่าว?“สาเหตุที่เงียบ เอาตรงๆเลย ผมกลัวว่าสื่อจะเอาไปขยายต่อจนมันกลายเป็นประเด็น คือผมเห็นว่าเรื่องการแยกทางกันของคน 2 คน แต่พอสื่อเอาไปกระจายต่อบางทีมันมีผลต่อคนรอบตัว มีผลต่อความรู้สึกเรา ดูเหมือนเราแข็งแรง ความจริงแล้วเราก็มีมุมเซนซิทีฟเหมือนกัน แค่เลือกที่จะเงียบดีกว่า”แล้วหลังจากนั้นได้คุยกับเค้ามั้ย?“(ส่ายหัว) ไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ”ไม่กลัวว่าเค้าจะเข้าใจแบบนั้นเหรอ?“ความเข้าใจของคนอื่นผมหาทางปรับไม่ได้ เพราะแม้แต่ผมกับเค้ายังไม่เข้าใจกัน นับประสาอะไรกับคนจะมาเข้าใจเรื่องของเรา 2 คน”เค้าบอกว่ายังรักเราอยู่?“จริงๆ ผมก็ยังรักเค้านะ แค่เราตัดสินใจออกมาเป็นเพื่อนเพราะว่าเราคิดว่าการเป็นเพื่อนน่าจะดีที่สุดแค่นั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น”โบว์พูดว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้น ยังไม่อธิบาย?“ผมก็พูดไปหมดแล้วในพื้นที่ส่วนตัวแต่เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูด และผมก็ไม่พูดในที่สาธารณะ”วันที่ตัดสินใจมันยากมั้ย เพราะคบกันก็นาน?“การตัดสินใจมันยาก อยู่แล้วครับ ผมเข้าใจความรู้สึกเค้า แล้วผมก็เข้าใจความรู้สึกตัวเอง ผมก็อยากจะให้มันเป็นแบบที่เค้าต้องการเหมือนกัน ครั้งนี้ผมจำเป็นที่ผมต้องให้มันเป็นในแบบที่ผมอยากให้เป็น ที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไรเยอะ เพราะเรารู้สึกว่าเราก็ทำดีที่สุดแล้ว ผมไม่อยากเอาชนะใครทั้งสิ้น ผมไม่อยากให้เรื่องมันตีกลับไปมา เพราะสุดท้ายแล้วมันเจ็บด้วยกันทั้งคู่”เป็นห่วงอะไรเค้ามั้ย เค้าเองก็มีโดนดราม่าด้วย?“เป็นห่วงเค้าครับ แต่สุดท้ายเราได้แต่มองอยู่ไกลๆ แล้วก็มีความคาดหวังว่าเค้าจะจัดการทุกอย่างได้ด้วยหัวใจที่เค้าเข้มแข็งพอ” เยียวยาตัวเองยังไงในมุมที่เราอ่อนแอ?“ผมโชคดีที่แม่พ่อและคนรอบตัวผมไม่รีบที่จะตัดสินผม คนภายในครอบครัวมีการถาม วันนี้มันเข้าไม่ได้แล้วก็แค่แยกออกมาแค่นั้นเอง”มันเกิดจากวันนึงเคยยอมได้ วันนี้ยอมไม่ได้?“มันไม่ใช่เรื่องยอมหรือไม่ยอม มันเหมือนวิถีชีวิตเราค่อยๆต่างกันไปวันละนิดๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่ความรักมันต้องมีความพยายามนั่นแสดงว่าเรากำลังผิดทิศผิดทางหรือเปล่า”ในเมื่อยังรักกันอยู่ มีโอกาสกลับมามั้ย?“อันนั้นพูดไม่ได้เลย ไม่อยากพูดอะไรตอนนี้เลย ตอนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไป”สภาพจิตใจตอนนี้?“ผมโอเคนะ ผมยังรับได้อยู่กับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น แต่ถามความมุ่งหวังดีกว่า ว่ามุ่งหวังอะไร ผมมุ่งหวังให้มันจบกันแบบเงียบๆ ก็ทุกครั้งที่ยังมองเค้าอยู่ก็ยังมองด้วยสายตาของความรัก สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือวันนี้ วันที่จะต้องมาพูด กลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป มันจะไปกระทบเค้าหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้ววันนี้มันก็มาถึง (ยิ้ม)”พอโดนสังคมตัดสินไปแล้วเราอยากอธิบายยังไงมั้ย?“ไม่ครับ คนที่เค้าเลือกที่จะเงียบก็มี คนที่เค้าจะเลือกคอมเมนต์ไม่ดีก็เยอะ แต่ลึกเข้าไปเค้ารู้อยู่แก่ใจว่าเค้าพิมพ์ในสิ่งที่เค้าไม่ได้รู้จริง เค้ากำลังสร้างจินตนาการของเค้าขึ้นมา”เสียน้ำตาให้กับการจากลาครั้งนี้มั้ย?“เราเสียใจอยู่แล้วแหละครับ และมันก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ใช่ง่ายๆ”ได้ย้อนกลับไปถึงเวลาที่ได้อยู่กับเค้ามั้ย?“ตอนนี้ผมน่าจะเดินหน้าเต็มที่ เพราะว่าผมแพลนที่จะไปต่างประเทศหลายประเทศมาก ล่าสุดก็ไปญี่ปุ่นมาคนเดียว แต่ไปเจอเดอะแก๊งที่นู่น มีอะไรที่เราอยากทำเยอะมาก”แพลนจะไปเที่ยวหลายประเทศ เพื่อไปรักษาหัวใจหรือเปล่า?“ไม่นะ ผมไม่ได้แคร์เรื่องฮีลใจ ผมเหมือนอยู่ในช่วงที่อยากมีประสบการณ์หลายๆรูปแบบเต็มที่ และผมต้องการไปโดยที่ไม่มีพันธะ ผมอยากไปอยู่ทิเบตเดือนนึง อยากไปอยู่ญี่ปุ่นเดือนนึง อยากไปดูไบเดือนนึง อยากไปทำอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด”มุมมองความรักเปลี่ยนไปมั้ย?“เปลี่ยนนะ แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจใหม่?“พักก่อน ขอใช้ชีวิตก่อน (ยิ้ม)”.