ปกติเป็น “สายมู” ตัวยงอยู่แล้ว พอรายการ “จิ้งจกทัก” ชักชวนมา เก่ง–ธชย ประทุมวรรณ ศิลปินมากความสามารถตกปากรับคำทันที เจอหน้าเลยต้องอัปเดตชีวิตตอนนี้สุดฮอตได้ร่วมงานใหญ่ๆระดับประเทศ โชว์วัฒนธรรมไทยจนถูกมองว่าเป็นซอฟต์เพาเวอร์มาแรง รวมทั้งความสัมพันธ์กับนักร้องพระเอกหมอลำ นุกเกอร์ อีสานนครศิลป์ จะมีโอกาสพัฒนาไปต่อหรือพอแค่นี้เริ่มจากมารายการ “จิ้งจกทัก” เป็นยังไงบ้าง? “เป็นครั้งแรกนะครับ ตื่นเต้นมากๆ แล้วก็มาลุ้นด้วย ได้รับความรู้เรื่องมู และเรื่องของดวงดาวด้วย”คนจะมองว่าเราเป็นสายมูอยู่แล้ว? “เก่งชอบมูที่สุดของตัวเองน่าจะเป็นการถือศีล เพราะเก่งเชื่อว่าการถือศีลทำให้ร่างกายเราบริสุทธิ์ที่สุด ชอบไปถือศีลที่วัดสระมณี ทุกๆครั้งที่ลาสิกขาออกมาหลังถือศีลจะปังทุกรอบ”ล่าสุดที่โพสต์รูปเพิ่งลงมาจากถ้ำนาคาเหรอ? “ไปถ่ายรายการมาเมื่อเดือนสองเดือนที่แล้วแต่รายการเพิ่งออนแอร์ก็เลยลงโปรโมตรายการ เพิ่งขึ้นไปแค่ครั้งแรก ตั้งใจจะไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไป เราก็เลยอธิษฐานว่าถ้าไปก็ขอให้ได้ไปทำงาน คือเราชอบทำงาน ชอบมูด้วย แล้วก็ได้ไปจริงๆ ได้ไปถ่ายรายการ” รู้สึกยังไงที่ตอนนี้ดนตรีไทย อาหารไทย ถูกมองว่าเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่กำลังมาแรง? “ตัวเราเป็นคนที่อยู่สายด้านนี้อยู่แล้ว เราเชื่อแบบนี้มานานแล้ว แต่เราดีใจที่ตอนนี้ภาครัฐหรือใครๆ ก็ดีเห็นความสำคัญของตรงนี้แล้วมาช่วยขยายเสียงกระซิบที่เราเคยกระซิบให้มันดังกังวานไปทั่วทั้งโลก ดังนั้นเก่งเชื่อว่าตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แล้วเราก็เห็นหลากหลายแบบ เมื่อก่อนเราคิดว่าซอฟต์เพาวอร์หรือว่าพวกศิลปวัฒนธรรมมีแค่การร่ายรำ การร้องเพลง หรือดนตรีไทย แต่เปล่า อาหารก็มีเสื้อผ้าก็ได้ มันออกมาทางหลากหลายแบบ” จากเมื่อก่อนเราเป็นคนรุ่นแรกๆที่ออกมาผลักดันสิ่งเหล่านี้ แต่ตอนนี้มันเห็นผล เราที่เป็นรุ่นบุกเบิกรู้สึกยังไง? “รู้สึกดีใจ ทุกครั้งที่เราเห็นงานที่เป็นซอฟต์เพาเวอร์ออกในสื่อต่างๆ เราภาคภูมิใจกับทุกๆคนที่มาช่วยกันทำตรงนี้ เพราะเก่งเชื่อว่าเราก็คือคนไทยหนึ่งคน ดังนั้น การที่คนไทยอีกหลายๆ คนมาช่วยกันซัพพอร์ตศิลปวัฒนธรรมหรือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ เราก็ภาคภูมิใจอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย มันปีติมากๆ”เรื่องส่วนตัวก็ฮอตมาก หลังจากออกมาแย็บว่าจีบพระเอกหมอลำ แล้วกระแสฟู่ฟ่า เป็นยังไงบ้าง? “ตัวเก่งเคยมีข่าวเรื่องความรัก เรื่องคอนเทนต์ มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนไดเรกต์มาถาม เพื่อนมาถาม คนเจอทุกคนทัก เก่งรู้สึกว่าข่าวนี้มันเร็วและแรงมาก” หลังมีข่าวออกไปทางนุกเกอร์ว่ายังไงบ้าง? “ตอนแรกกังวลน้อง เพราะน้องไม่ได้เคยมาอยู่วงการบันเทิงแบบเต็มตัว ก็บอกเขาว่าอย่าอ่านคอมเมนต์ แต่ตัวน้องเขาบอกว่าเขาชอบอ่าน ก็ลองอ่านดูแต่เราแค่แนะนำน้องว่าถ้าอ่านอย่าให้มันเป็นพลังลบ แต่เก่งไม่ค่อยอ่าน เราเคยแล้ว บางทีเราคิดว่าเราควบคุมความรู้สึกได้แต่แค่ตัวอักษรมันอิมแพกต์ มีผลกระทบกับใจเรา ก็เลยแค่ดูยอดเฉยๆ ข่าวคนดูเยอะแต่ไม่อ่านคอมเมนต์ กลัว เรากลัวจิตใจเราไม่แข็งพอกับคอมเมนต์ เพราะปัจจุบันเราไม่รู้ว่าคนคิดยังไง บางทีเหมือนมีคนเปิดอีกคนตามอะไรแบบนี้”พอน้องเขาอ่านคอมเมนต์แล้วมีฟีดแบ็กกลับมาที่เรายังไงบ้าง? “ด้วยจังหวะเวลาของพฤศจิกา-ธันวาด้วยครับ ก็เลยทำให้ยุ่งทั้งคู่ แล้วน้องโฟกัสเรื่องงานกับสุขภาพเป็นหลัก เรื่องเส้นเสียงก็เป็นห่วงกันเรื่องงานมากกว่า เรื่องข่าวเนี่ยจริงๆแล้วรู้สึกว่าเรายังควบคุมกันได้อยู่”เสียงคอมเมนต์มีเอฟเฟกต์กับความสัมพันธ์ไหม? “กับน้องไม่รู้ แต่กับเราก็มีบ้าง อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น บางทีเราเปรยไปนิดเดียวทุกคนตีต่อ เรื่องก็เลยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจากคลิปแรกที่เราสัมภาษณ์มันประมาณหนึ่ง แต่มันตีความได้ใหญ่มาก เราก็อาจจะต้องคิดมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานที่เราสัมภาษณ์ น้อยมากที่จะเป็นเรื่องความรัก หรืออะไรแบบนี้ เราอยู่วงการมา 10 ปี แต่ประสบการณ์น้อยมากสำหรับเรื่องแบบนี้ ในการให้ข่าวเรื่องแบบนี้ ดังนั้น ตัวเราต้องมีสติมากขึ้นในการที่จะพูดอะไรเพราะว่าคนสามารถเอาไปขยายได้อีก หลังจากนี้ก็เลยสแตนด์บาย” ตอนนี้เราอยู่ในโหมดไหน ถอยหรืออยู่นิ่งๆรักษาระยะ? “รักษาระยะอยู่ ตอนนี้เหมือนทุกคนจับตามองเรา ไม่ทิ้งโอกาสนี้ให้มันสูญเปล่าเพราะว่าเราเป็นคนชอบทำงานทั้งคู่ ก็ยังมีนัดกันเรื่องงานทำคอนเทนต์ ถ่าย TikTok หรืออะไรแบบนี้ให้มันเกิดรีเลชัน ชิปบางอย่าง” บางคน อาจจะมองแง่ลบว่าทำเรียกกระแส เรียกงานกันหรือเปล่า? “มองกลางๆ เพราะเก่งเชื่อว่าคนเราคิดได้หลากหลาย และเราก็เห็นแล้วว่าคอมเมนต์ก็มีหลายจริงๆ ดังนั้น ไม่มีใครรู้ทุกอย่างดีเท่าตัวเราเอง ถ้าน้องไหวก็โอเค เราก็ไหวก็ไปกันต่อ” อยากฝากอะไรถึงคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? “โปรดติดตามตอนต่อไปครับ”.