ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้และต้นไผ่จนนำมาซึ่งการทำข้าวหลามอย่างแพร่หลาย....!ในแต่ละภาคแต่ละถิ่นวิธีทำและรูปทรงจะแตกต่าง บางแห่งเวลาเปิบต้องทุบกระบอกไม้ไผ่ให้แตก ไม่ก็ทำไม้พายเล็กๆให้ตักเปิบได้เลย แต่สำหรับ บ้านควนเสม็ด หมู่ 10 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา มีดีไม่มีใครเหมือนไม่ว่าวิธีทำและวิธีแกะเปิบ เพียงดึงข้าวหลามออกจากกระบอกไม้ไผ่เสียงดังพรุด ก็โชว์ให้เห็นข้าวหลามสีเหลืองสวยงาม แถมกรอบนอกนุ่มในอย่างง่ายดาย นี่แหละที่เขาเรียก ข้าวหลามชักพรุด 1 เดียวในโลกจากข้อมูลของ นายจรัญ แก้วห่อทอง และ นายขัน แก้วมี 2ผู้เฒ่าแห่งบ้านควนเสม็ด ที่อาสาออกมาเผยถึงเคล็ดวิธีทำข้าวหลามชักพรุด ซึ่งทุกปีชาวบ้านจะทำเฉพาะในงานบุญเดือน 5 เท่านั้นต่อมาเมื่อปี 2532 นายสุภาพ แก้วได้ปาน ครูใหญ่ ร.ร.บ้านควนเสม็ด ได้เห็นความแปลกนี้ในงานวันฉลอง 50 ปีโรงเรียน จึงตั้งชื่อให้ว่าข้าวหลามชักพรุด พร้อมบรรจุสูตรการทำให้นักเรียนได้เรียนรู้นายขัน เล่าด้วยว่า วัตถุดิบที่ใช้ห่อข้าวหลาม เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่า ต้นยี่เร็ด มีใบคล้ายใบขิงใบข่า โดยต้องนำมาทำความสะอาดทั้งใบและก้าน เสร็จแล้วฉีกครึ่งจากปลายใบให้เหลือก้านไว้ยาวประมาณ 60ซม.นำมาม้วนขึ้นรูปกับไม้ไผ่ (ตัวนำ) เมื่อพับปลายแล้วแหย่ลงไปในกระบอกข้าวหลามที่เตรียมไว้ พอสุดก้นกระบอกจึงดึงไม้ไผ่ตัวนำย้อนกลับออกมาอีกข้างหนึ่ง ก็จะได้ใบยี่เร็ดที่มีก้านโผล่เหนือปากกระบอกต่อด้วยการกรอกข้าวเหนียวที่ทำความสะอาดแล้วลงไป จะถั่วดำหรือไม่ก็แล้วแต่ หลังจากใส่กะทิตามลงไปแล้ว จึงอุดปากกระบอกด้วยจุกทำจากใบตองแห้ง ก่อนนำไปเผาไฟด้วยเตาถ่าน ประมาณ 30 นาทีเมื่อข้าวเหนียวกับกะทิถูกความร้อนจะส่งกลิ่นหอมฉุย พอสุกได้ที่ค่อยๆดึงก้านใบยี่เร็ดที่ห่อหุ้มข้าวหลามในกระบอกออกมา แต่ถ้าดึงแรงๆจะส่งเสียงดังพรุดหลุดออกมาพร้อมกลิ่นหอมโชยยั่วยวนน้ำลายเสียดายที่ท้องตลาดยังไม่มีขาย แต่ถ้าผลักดันเป็นสินค้าโอทอปได้ก็น่าสร้างรายได้ให้อย่างดี...!สุวิทย์ แก้วห่อทอง