พริกไทย พืชที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย บริเวณเทือกเขาทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ในบ้านเรานิยมปลูกพริกไทยกันมากในภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด ระยอง และภาคใต้พริกไทยดำ ได้จากการนำพริกไทยมาทำให้แห้งทั้งเปลือกจะได้พริกไทยสีดำ เพราะผงของเปลือกเป็นสีดำ ส่วนพริกไทยขาว ได้จากการลอกเปลือกออกก่อนนำมาทำเป็นผงตามตำรายาไทย เมล็ดพริกไทยยังมีสรรพคุณทางยา เช่น ช่วยขับลม ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย ช่วยแก้หวัด แก้อ่อนเพลีย ทำให้น้ำลายออกมาก ช่วยให้น้ำย่อยหลั่งมากขึ้น ทำให้อยากอาหาร เป็นต้นแม้พริกไทยดำจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากเก็บรักษาไว้ในสภาวะที่ชื้นหรือบรรจุไว้ในภาชนะที่ปิดไม่สนิท ที่ความชื้น อากาศ หรือน้ำปนเปื้อนเข้าไปได้ ก็อาจทำให้มีเชื้อรา เช่น Aspergillus achraceus และ Penicillium viridicatum ปนเปื้อนในพริกไทยดำได้เชื้อ 2 ชนิดนี้ เมื่อปนเปื้อนในอาหาร มันสามารถผลิตสารพิษที่ชื่อว่า โอคราท็อกซิน เอ ที่ปกติมักพบปนเปื้อนในอาหารประเภท เมล็ดธัญพืช ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดโกโก้ เมล็ดกาแฟ เมล็ดถั่วเหลือง ถั่วชีส ผลไม้อบแห้ง และเครื่องเทศแห้งสารพิษโอคราท็อกซิน เอ จะทนความร้อน และความร้อนระดับหุงต้มปกติไม่สามารถทำลายสารพิษชนิดนี้ได้ เมื่อร่างกายได้รับสารพิษนี้เข้าไป จะทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อเนื่องจากขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง เกิดอาการติดเชื้อของไตนำไปสู่การเกิดเนื้องอกในต่อมไต ที่สำคัญยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งในคนด้วยสถาบันอาหารได้สุ่มเก็บตัวอย่างพริกไทยดำเม็ด จำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ยี่ห้อ ที่วางขายในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์สาร โอคราท็อกซิน เอ ปนเปื้อนผลปรากฏว่า ไม่พบสาร โอคราท็อกซิน เอ ปนเปื้อนในพริกไทยดำเม็ดทั้ง 5 ตัวอย่าง วันนี้ท่านที่ชอบเมนูพริกไทยดำสบายใจกันได้.