ทหารเรือสนธิกำลังตรวจยึดเรือ บรรทุกน้ำมันดีเซลเถื่อน 1 หมื่น ลิตร หลังเรือหลวงออกตรวจการณ์อ่าวไทยพบเรือไม่ระบุสัญชาติ ไม่แสดง ชื่อและเลขทะเบียนเรือ จอดทอดสมอทางทิศใต้ของ เกาะเสม็ด ตรวจพบไต๋เรือและลูกเรือ 8 คน เป็นคนไทย 3 คน เมียนมา 1 คน และกัมพูชา 4 คน สารภาพรับจ้างขนน้ำมันมาจากน่านน้ำมาเลเซียขนเข้าไทย ยังไม่รู้ส่งต่อไปที่ไหน เจ้าหน้าที่เร่งขยายผลทหารเรือตรวจยึดเรือขนน้ำมันดีเซลเถื่อน เปิดเผยเมื่อช่วงสายวันที่ 29 ธ.ค. พล.ร.ท.เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 บูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ กรมสรรพสามิต สำนักเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา ตำรวจสภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และกรมศุลกากร ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมไต๋เรือและลูกเรือรวม 8 คน เรือบรรทุกน้ำมัน M/T PHOENIX พร้อมของกลางน้ำมันดีเซล 10,000 ลิตรพล.ร.ท.เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทัพเรือภาคที่ 1 ปฏิบัติการตามคำสั่งจักรพงศ์ภูวนารถ 682 ในการป้องกันอาณาเขตทางทะเลของไทยไม่ให้เรือของประเทศกัมพูชารุกล้ำเข้ามา และยับยั้งไม่ให้เรือไทยบรรทุกน้ำมันและยุทธปัจจัยส่งให้กัมพูชา การปฏิบัติที่ผ่านมาทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรือและอากาศยานตรวจการณ์ในอ่าวไทยเป็นประจำ ตลอดจนบูรณาการกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือและกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้กับผู้ประกอบการเรือไทยกระทั่งเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. ทหารประจำเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ลาดตระเวนในอ่าวไทย ตรวจพบเรือบรรทุกน้ำมันมีพฤติกรรมน่าสงสัย ไม่แสดงชื่อเรือ เลขทะเบียนเรือ ไม่ชักธงแสดงสัญชาติ และไม่เปิดระบบแสดงตนเอง AIS จอดเรือทิ้งสมอบริเวณระยะ 50 ไมล์ทะเล หรือ 90 กิโลเมตร ทางทิศใต้ของเกาะเสม็ด จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบนเรือพบไต๋เรือและลูกเรือ 8 คน เป็นคนไทย 3 คน เมียนมา 1 คน และกัมพูชา 4 คน ชาวต่างด้าวไม่มีเอกสารการทำงาน ไม่มีหนังสือเดินทาง คนประจำเรือให้การวกวนมีพิรุธไม่สอดคล้องกัน ไม่มีเอกสารสำคัญประจำเรือ ในระวางของเรือบรรทุกน้ำมันดีเซล 10,000 ลิตรสอบสวนไต๋เรือให้การว่า รับจ้างขับเรือไปรับน้ำมันมาจากกลางทะเล น่านน้ำมาเลเซียนำกลับเข้าน่านน้ำไทย ไม่ทราบแน่ชัดว่าน้ำมันจะถูกนําไปใช้ทำอะไรและส่งต่อไปที่ไหน ทหารควบคุมเรือเข้าเทียบท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ผลการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของเรือ และสอบสวนคนประจำเรือมีความผิดตาม พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 คุมตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีที่ สภ.สัตหีบ ส่วนพฤติกรรมการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผล และดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่