ส่งเพลงเข้าไปอยู่ในใจแฟนเพลงมายาวนาน สำหรับวง “P.O.P” (พีโอพี) อีกหนึ่งสุดยอดวงจากค่ายเบเกอรี่ ศิลปินโปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงมือทองยุค 90s ที่กลุ่มคนดนตรีกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเติบโตไปไกลในเส้นทางของตัวเองแค่ไหน แต่เมื่อกลับมารวมตัวเป็นวง “P.O.P” เมื่อไหร่ ก็ยังปลุกหัวใจและความคิดถึงจากแฟนๆได้เสมอ ล่าสุด “P.O.P” กับสมาชิก “นภ พรชำนิ, สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์, ก้อ–ณฐพล ศรีจอมขวัญ, เจอร์รี่–ศศิศ มิลินทวนิช” คัมแบ็กอัลบั้มใหม่ในรอบ 12 ปี มาพร้อมซิงเกิล “เคียงข้าง” เพื่อขอบคุณแฟนเพลง พร้อมมีคอนเสิร์ตใหญ่ในเดือน ก.ค. ปี 2026 เลยชวน P.O.P เล่าเรื่องราววันนี้คัมแบ็กในรอบ 12 ปีครั้งนี้ มีความตื่นเต้นยังไงบ้าง? นภ “ความรู้สึกของผม ตื่นเต้นที่จะได้ทำงานกลุ่มอีกครั้งนึง มันได้เพิ่มความสามารถตัวเอง เพราะว่าแต่ละคนเก่งแบบสุดยอดหมด ผมจะอ่อนด้อยในเรื่องดนตรีที่สุดเลยรู้สึกเวลาได้ทำงานร่วมกับ P.O.P เหมือนเราได้อัปเกรดความรู้ความสามารถเราอีกครั้งนึง” ก้อ “ผมว่าจริงๆเราก็เจอกันอยู่เรื่อยๆ แต่เป็นความรู้สึกของการคัมแบ็กในนาม P.O.P เราค่อนข้างเจอกันน้อยเพราะว่าแต่ละคนก็มีภารกิจของตัวเอง อย่างที่พี่นภว่า พอได้กลับมาทำงานกลุ่ม มันก็อีกความรู้สึกนึง มันเป็นอะไรที่พิเศษ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของเราก็เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ส่วนอัลบั้มสุดท้ายก็เมื่อ 12 ปีที่แล้ว นานพอสมควร การกลับมาครั้งนี้เราก็อยากทำอะไรที่ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ทำอะไรที่เราไม่เคยทำ แต่แน่นอนโครงของความเป็น P.O.P มันก็ยังเหมือนเดิมคือเรายังยึดถือดนตรีแนว Pop ที่มีเนื้อหาดี ที่มีความหมายดี ดนตรีเข้าใจง่าย ในขณะเดียวกันเราก็ยังอยากจะทำอะไรใหม่ๆ เพื่อที่จะหาวิธีสื่อสาร message ต่างๆกลับไปหาแฟนเพลงของเรา เลยเป็นที่มาของเพลงแรก “เคียงข้าง” เราอยากบอกแฟนเพลงเราว่ายังไงก็ตาม P.O.P ก็ยังอยู่เคียงข้างทุกคน แล้วก็ขอบคุณที่เรายังอยู่เคียงข้างกันตลอดมา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราก็ยังจะมีกันและกันแบบนี้ แล้วก็ยังอยากจะมีกันและกันตลอดไป ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมารวมกันในนาม P.O.P แล้วก็ยาวจนไปจนถึงปีหน้า ซึ่งเราตั้งใจว่าจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 8 ปีของเราด้วยในแบบสมาชิก 4 คน”สมเกียรติ “ดีใจแล้วก็ตื่นเต้นที่ได้กลับมาทำงานกับ P.O.P ชุดนี้มันทิ้งช่วงไป เราผ่านประสบการณ์ผ่านชีวิต เรามีภารกิจ มีอะไรที่แตกต่าง เราก็เอาสิ่งพวกนั้นมากลั่นกรองมาเป็นวัตถุดิบในการทำชุดนี้ แต่ว่าในลึกๆ จริงๆแล้วคือ เราคิดถึงแฟนเพลง อยากทำเพลงให้ทุกคนได้ฟังกันว่าเรารู้สึกยังไง แต่สไตล์ดนตรีหลายๆอย่างเราก็เอาหลายๆอย่างมาผสมกัน เติบโตขึ้น” เจอร์รี่ “สำหรับผมเรื่องการที่เราสูญเสีย คุณโต้ง– มณเฑียร แก้วกำเนิดไป ซึ่งเป็นกำลังสำคัญ ตอนแรกก็คิดว่าภาพจะออกมาเป็นไง เราจะทำกันเองได้ไหม แต่เราก็คุยกันแล้วว่าเราจะไปต่อด้วย 4 คนเท่านั้น เราก็ต้องหาวิธีการ ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับผม จากนี้ไปจะเป็นความท้าทาย ความน่าตื่นเต้นที่รอคอยที่จะได้เจอมันครับ”ในอัลบั้มนี้ แฟนๆจะได้เจอกับอะไรบ้าง?นภ “เป็นแนวทางที่เราใช้คำจำกัดความว่า 70s senti mental pop rock เป็นกลุ่มเพลงแบบนึงที่ในช่วงประมาณปลายยุค 70s คอร์ดมันจะมีความแบบฟังแล้วโอ๊ยเพราะจังเลย เนื้อหาให้กำลังใจ ให้ความรู้สึกที่ดี” สมเกียรติ “มันจะเล่าเรื่องไป ด้วยดนตรีเราจะไม่ใส่สีสันอะไร เล่าเรื่องง่ายๆ เราอยากจะพูดอะไรเราก็พูด” นภ “ทุกโน้ตจะมาดีไซน์กันโดยเฉพาะเจอร์รี่กับก้อพิถีพิถันมาก เลยออกมาฟังแล้วฟังง่ายสบายใจดี พี่สมเกียรติก็ทำเรื่องซาวด์ เรื่องบรรยากาศ ซึ่งตรงนี้พวกเรา 3 คนทำไม่ได้ มันคือซาวด์ภาพรวม” นภ “โครงสร้างของเพลงของเรา ผมว่ามันเหมือนบ้าน เวลามีทั้ง 4 คนเป็นสถาปนิกเหมือนกัน มานั่งดีไซน์บ้านด้วยกัน แทนที่จะออกมาแบบนู่นนี่นั่น มันกลายเป็นอยู่สบาย แล้วก็เข้าใจโลก อันนี้คือความโตของพวกเรามากขึ้น แล้วก็เราคิดว่าผมเชื่อเลยว่าเด็กๆเดินเข้ามาในบ้านนี้ก็อยู่ได้ ปลอดภัย เป็นมิตร มัน มินิมอลมากๆ เป็นงานอาร์ตแบบนึงที่ต้องเป็นงานกลุ่ม 4 คนเท่านั้น ถึงจะออกมาเป็นอย่างงี้ได้ แล้วก็คาดหวังครับว่าเด็กรุ่นใหม่ถ้าได้ฟังเพลงของเราอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเห็นว่าพี่ๆพวกนี้อายุ 50 อัปก็ยังทำงานใหม่ออกมานะ แล้วเป็นงานใหม่ที่สะท้อนมุมมองของพวกเขาทั้ง 4 คนชัดเจน”ที่ผ่านมาแต่ละคนแยกย้ายกันทำงาน แล้วเวลาเข้าโหมด P.O.P ปุ๊บ ปรับจูนกันยังไง?นภ “ผมว่าไม่ต่างจากทุกๆคนที่เจอในชีวิตประจำวัน เวลาเข้าบ้านก็ทำตัวแบบนึง อยู่กับเพื่อนก็แบบนึง เหมือนกันเลยครับ ผมทำงานส่วนตัวก็แบบนึง แต่พออยู่ใน P.O.P เนี่ย มันจะมีกฎเกณฑ์ของ P.O.P ซึ่งพวกเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นวงที่ค่อนข้างซีเรียสกับการทำงานเพลงมากๆ คือไม่เล่นเลย โน้ตทุกตัวเนี่ย มันจะเป็นแบบจริงจังจริงใจล้วนๆ เวลามารวมกัน 4 คน ทั้ง 4 คนจะทราบดีอยู่แล้วว่าเราจะทำแค่นี้ ผมจะไม่ไปวอแว ผมก็จะขรึมๆอยู่บนเวทีเพราะว่าเราเป็น P.O.P เหมือนกัน และครั้งนี้เหลือ 4 คนเนี่ย อย่างที่เจอร์รี่ว่ามันคงต้องหาวิธีการพรีเซนต์แบบใหม่ เราจะเล่าเรื่อง ยังไงในความเป็น 4 คนที่คิดเหมือนกัน คิดตรงกัน ปีหน้าก็จะได้ดูคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเรา จะเรียบเรียงเรื่องราวมาเล่าใหม่ เพลงทุกเพลงที่ทุกคนคุ้นเคยมาร้องกันแบบร้องไปปาดน้ำตาไป ซาบซึ้งกันไป” เรียกว่าเป็นโหมดการทำงานที่นภรู้สึกว่าต้องจริงจังที่สุด?นภ “ในด้านดนตรีเนี่ยจริงจังจริงใจ เป็นวงที่ไม่โชว์ด้วยหมายถึงไม่โชว์ออฟ เล่นน้อยๆแต่คนฟังจะรู้สึกว่ามันอิ่มเอม มันคือความพอดีที่ถูกดีไซน์มาแล้ว ผมรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงของ P.O.P ร่วมกับ P.O.P มันจะไม่เหมือนกับเวลาเราไปเล่นคนเดียว” สมเกียรติ “เวลาเล่น P.O.P เนี่ย เรามีความซิงก์อยู่อย่างนึงนั่นคือดนตรีของเรา นั่นคือการเล่า แฟนเพลงจะรีแอ็กกับแนวดนตรี กับ P.O.P อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาในการที่เรารู้จักกันมา เดินทางมาด้วยกัน ซึ่งอันนี้แหละที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเราที่ทำให้เดินทางมาถึงตรงนี้ได้” การที่ P.O.P เข้าไปอยู่ในชีวิตของแฟนๆ มีเรื่องไหนแบบเป็นเรื่องประทับใจ?นภ “บังเอิญ P.O.P เป็นวงที่เฉพาะกิจมากๆเวลาเราเจอกันที เสร็จแล้วเราก็ไปทำงานเดี่ยว ผมว่าครั้งนี้น่าจะเป็น portfolio อันใหม่ของพวกเรา 4 คน ที่จะได้เริ่มเปิดรับรู้เรื่องราวของชีวิตแฟนเพลงเราแล้วว่าเพลงของเราไปทำปฏิกิริยาอะไรกับชีวิตเค้าบ้าง เพลงของ P.O.P จะเป็นเพลงที่มันประกอบซาวด์แทร็กชีวิตมากกว่า แต่เรายังไม่เคยเก็บรวบรวมข้อมูลจริงๆว่าเพลงของ P.O.P มีบทบาทที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเค้าอย่างไรบ้าง ผมคงคิดว่าน่าจะเริ่มจากชุดนี้แหละครับ” สมเกียรติ “ของพี่บางทีเวลาเรารวมกันเล่นเพลง P.O.P เป็นคอนเสิร์ตหรือ เฟสติวัลคนจะร้องดังมากเหมือนคนเค้าคิดถึงเรา อย่างตอน Fat Cat อันนั้นคือร้องเพลงดังมากจนตกใจ” นภ “ยอมรับว่าร้องทั้งน้ำตาเลย สนุกมากแล้วก็ประทับใจ เป็นกำลังใจเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเรา เราก็ได้รับพลังใจกับพลังที่แฟนเพลงคิดถึงพวกเรา” ก้อ “บางทีเราอยู่กับมันใกล้ๆ เราก็ทำดนตรีของเรา ยอมรับว่าเราก็เผลอเรอกับสิ่งที่เราทำ เราทำมันเป็นปกติ เราก็ไม่เคยรู้ว่าเพลงของเรามันไปมีผลกับคนกับใครบ้างยังไงแค่ไหน จนกระทั่งเวลาเราได้เล่นคอนเสิร์ตไปสัมผัสกับแฟนเพลง หรือได้ไปเจอเค้าข้างนอกถึงจะรู้ว่า อ๋อ เค้ามีเพลงของเราเป็นซาวด์แทร็กที่ว่าในชีวิตของเค้าในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เรากลับมาเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันมีค่านะ ก็เป็นเรื่องเตือนใจของเราในฐานะเป็นศิลปินเหมือนกัน”ทำยังไงไฟถึงไม่เคยหมดในการเดินทางในวงการนี้?เจอร์รี่ “ผมทำอย่างอื่นไม่เป็น ไม่มีชอยส์ (หัวเราะ)” สมเกียรติ “สำหรับผม เราเป็นตัวเราอยู่แล้ว เราทำตรงนี้ เราโตมากับดนตรีกับการฟังเพลง สำหรับผมการที่อยู่ตรงนี้ได้ทำกับเพื่อน มันยิ่งมีความสุข โชคดีที่มันเป็นงานได้ด้วย เราทำเพราะว่าเรารักมัน จะไม่ค่อยมีเรื่องว่าหมดไฟ การได้แชร์ไอเดีย การได้สร้างงาน การได้ทำและประสบการณ์เนื้อหา มันเป็นงานที่มันเกิดจากชีวิตที่เราเจอมา มาเขียนมาผลิตเป็นมีเดีย คือดนตรี มีกระบวนการคิดตลอด เรารู้สึกว่าเราได้แลกเปลี่ยนพลังกันระหว่างคนฟังกับพวกเรา”นภ “ผมเนี่ยยังเหลืออีกที่ยังไม่ทำอีกเยอะมากเลยนะ ไฟเนี่ยไม่มีทางหมด ผมคิดว่าเรายังทัวร์ตัวเองไปได้อีกเป็นสิบๆปี ผมมั่นใจว่าเพลง P.O.P จะไปเพิ่มเติมแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังได้ไปอีกนาน” ก้อ “ผมว่าก็ง่ายๆคือเราก็ทำสิ่งที่เรารัก love what you do, do what you love เหมือนกับที่ทุกคนว่า หวังว่าปีหน้าเราก็อยากจะมีเวลาทำ P.O.P อัลบั้มใหม่ให้ได้ ทำงานใหม่ของเรา อาจจะอย่างที่พี่เจอร์รี่ว่าก็ได้นะ คือทำอย่างอื่นไม่เป็น (ยิ้ม) แต่ว่าอันเนี้ยคือสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ เรารักที่จะทำมัน และยังรู้สึกว่าเรายังทำได้อยู่”.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่