นอกเหนือจากสถานการณ์การสู้รบไทย–กัมพูชา ที่คนไทยกำลังให้ความสนใจติดตามข้อมูลข่าวสาร อีกเรื่องหนึ่ง ที่ประชาชนจับตาเช่นกัน คือกรณีที่นายกฯ ได้ประกาศยุบสภา และจะมีการเลือกตั้งใหม่ในต้นปีหน้า ทำให้ขณะนี้บรรยากาศความเคลื่อนไหว การเตรียมความพร้อมของพรรคการเมืองเริ่มคึกคักไปตามลำดับจุดจับจ้องที่สำคัญ นอกจากการเตรียมผู้สมัครลงเลือกตั้ง อีกเรื่องคือนโยบายที่พรรคการเมืองต่างๆจะใช้หาเสียง เรื่องที่ประชาชนอยากเห็นและคาดหวังกับพรรคการเมืองนั้นๆหากได้เข้าไปบริหารประเทศ นอกจากนโยบายความมั่นคง จัดการภัยคุกคามของประเทศ อีกโจทย์สำคัญคือนโยบายเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านเรื่องนี้สะท้อนจากผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากสำนักโพลต่างๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลสรุปสอดคล้องกันว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นอีกนโยบายสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกพรรคต่างๆ ไล่ตั้ง แต่ผลโพลของสถาบันพระปกเกล้า หรือ KPI Poll ในหัวข้อ ความต้องการจากนายกฯคนใหม่โดยนโยบายเร่งด่วนที่อยากให้ดำเนินการ และคุณสมบัติที่นายกฯคนใหม่ต้องมี คือประชาชนต้องการผู้นำที่แก้เศรษฐกิจได้จริง ทั้งแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพ หนี้สินครัวเรือน โดยหัวข้อนี้ในภาพรวม ผลสำรวจออกมาเป็นอันดับต้นๆ สะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจมากกว่าเรื่องอื่นๆขณะที่ผลสำรวจ “สวนดุสิตโพล” ระบุ สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนมากที่สุด คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพได้จริง นอกจากนี้มีผลสำรวจของ “ซูเปอร์โพลล์” ระบุถึงความต้องการของประชาชนต่อพรรคการเมือง ให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ การค้าขาย ธุรกิจ การทำมาหากินจากผลการสำรวจของทั้ง 3 สำนักโพล สะท้อนว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ เป็นอีกประเด็นสำคัญของบ้านเมือง ที่พรรคการเมืองต่างๆจะต้องนำไปพิจารณา วางแผน และกำหนดเป็นนโยบายของพรรค เพื่อนำเสนอต่อสาธารณะ ใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แข่งขันเรียกความสนใจ ดึงการสนับสนุนจากประชาชนเช่นเดียวกับนายกฯและรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ยังอยู่ทำหน้าที่ แม้จะมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจบางเรื่อง แต่ยังต้องบริหารบ้านเมือง และการออกมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเท่าที่ทำได้ในเวลานี้ก็ยังมีความจำเป็น นั่นเพราะปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ ภาระหนี้สินประชาชนรอไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายที่มีหน้าที่จะใส่เกียร์ว่าง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม