ชายแดนไทย-กัมพูชาเดือดข้ามคืน โดย ทร.ประสาน ทอ. ส่ง F-16 บินหย่อนระเบิดหลายเที่ยว ถล่มยับบ่อน-ที่ตั้งทหาร ตัดเส้นทางกองทัพกัมพูชาส่งกำลังหนุนชายแดน จ.ตราด ส่วนฝั่งอีสานใต้ระอุหนักกัมพูชายิง BM-21 ถล่มใส่ไทยไม่ยั้งที่ จ.ศรีสะเกษ กระสุนตกใส่บ้านพัง คนไทยเจ็บสาหัส ขณะที่ทหารไทย พลีชีพอีก 4 นาย หลังกัมพูชายิงปืนใหญ่ถล่มเนิน 677 ช่องอานม้า แต่ก็สามารถยึดหลักฐานสำคัญ “สมุดบันทึกการวางทุ่นระเบิด-ระเบิดแสวงเครื่อง” เตรียมขยายผลประกาศโลกให้รู้กัมพูชายังใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำร้ายทหารไทย หนำซ้ำกักตัวคนไทย ในปอยเปต ไม่ยอมปล่อยข้ามแดน ขณะที่ “อนุทิน” จวก “ทรัมป์” หาว่าการเหยียบทุ่นระเบิดเป็นแค่อุบัติเหตุ พร้อมเมิน “อันวาร์” ที่สั่งให้ไทย-กัมพูชาหยุดยิง 4 ทุ่มสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพไทยกับกัมพูชาที่ยังมีการปะทะดุเดือดตั้งแต่เช้ายันดึกในหลายจุดของ 6 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา มาร่วมสัปดาห์ ไทยก็ยังถูกกองทัพกัมพูชายิงจรวดข้ามแดนเข้ามาถล่มบ้านเรือนไม่หยุดปะทะเดือดแต่เช้าหลายจุดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย เนิน 350 ช่องกร่าง และปราสาทตาเมือมธม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงปืนใหญ่และยิงปะทะเข้ามาตั้งแต่เวลา 06.10 น.วันที่ 13 ธ.ค.ที่ชายแดนปราสาทตาควาย จากนั้นเวลา 07.40 น. กัมพูชาเริ่มยิงจรวด BM-21 เข้ามาเป็นชุดแรก สลับปืนใหญ่ และไทยยิงตอบโต้เป็นระยะๆ ก่อนจะยิงปะทะกันตลอดแนวชายแดนอีกครั้ง ขณะที่ผู้นำชุมชน ชุด ชรบ.หมู่บ้านและชาวบ้านจิตอาสา ต่างรีบพากันเข้าหลุมหลบภัยเพื่อความปลอดภัยBM–21 ถล่มเสาธงชัย เจ็บ 2ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ แต่เช้าตรู่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.เสาธงชัย แจ้งว่ามีราษฎรถูกกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิดของฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ ขณะเกิดเหตุรถพยาบาลสนามได้เข้าพื้นที่เร่งนำผู้บาดเจ็บส่งรักษาเป็นการด่วน โดยผู้บาดเจ็บคือ นายสุดใจ สีแดงดี อาชีพนักการภารโรง โรงเรียนบ้านเสาธงชัย ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด และนายแก้ว กุณรา ราษฎรหมู่ที่ 1 ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดบริเวณแขนขาดอาการสาหัส นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน 2 หลัง บริเวณทางขึ้นวัดภูสามสวรรค์ ต.เสาธงชัย เป็นบ้านของนายจันดา สุทธิสน และบ้านของนายจรัส ชินโสภา ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่งผลให้ต่อมา ทางจังหวัดศรีสะเกษ “ประกาศ” ขอให้ประชาชนงดเดินทางกลับภูมิลำเนาใน “พื้นที่ใกล้ชายแดน” ให้พักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางราชการจัดให้หรือสถานที่ต่างๆ ชะลอการเดินทางกลับเข้าภูมิลำเนาจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายทบ.ประณามเขมรโจมตี ปชช.จากนั้นไม่นาน กองทัพบก ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่าฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงตกเข้ามาในพื้นที่พลเรือน บริเวณด้านหน้าบังเกอร์หลบภัย ม.1 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน กำลังวิ่งเข้าหลบภัยในบังเกอร์ ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด มีอาการสาหัส 2 ราย ได้แก่ นายแก้ว แขนขวาขาด และนายรำไพ สุวรรณศิลป์ ได้รับแรงกระแทกที่ศีรษะ มีเลือดออกในสมองผู้บาดเจ็บถูกส่งโรงพยาบาลเบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 รายคือ นายคมสัน ศรีอ้วน โดนสะเก็ดระเบิดบริเวณหลังคอ และนายเสรีปัถอินทรี มีอาการบวมที่ศีรษะ เนื่องจากโดนสะเก็ดระเบิด เร่งนำส่ง รพ.ศรีรัตนะ กองทัพบกขอประณามการกระทำทหารกัมพูชาอย่างรุนแรงต่อเวทีประชาคมระหว่างประเทศ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นหลักฐานชัดเจนถึงการใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือนที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหาร ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตทรัพย์สินประชาชนผู้บริสุทธิ์ทร.ยิงถล่มฐานปืนใหญ่เกาะยอส่วนสถานการณ์ที่ จ.ตราด เวลา 02.00 น.วันที่ 13 ธ.ค.เกิดเสียงปืนที่บ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ตรวจข้อมูลพบว่า ฝ่ายไทยระดมยิงปืนใหญ่กว่า 10 นัด ไปยังเป้าหมายในพื้นที่ เกาะยอ บ้านปากคลอง จังหวัดเกาะกง หลังการข่าวพบว่ามีความเคลื่อนไหวที่อาจจะเป็นภัยต่อฝ่ายไทย คือฐานปืนใหญ่ 4 จุด จึงได้ดำเนินการทำลายฐานปืนใหญ่ทั้งสี่จุดจนสำเร็จ ด้านสื่อมวลชนกัมพูชา รายงานข่าวตรงกันว่า กองทัพเรือยิงปืนใหญ่ใส่บ้านปากคลอง จ.เกาะกง กว่า 20 นัด ส่งผลให้ชาวบ้านในหมู่บ้านปากคลอง ต้องอพยพเร่งด่วนจนการจราจรติดขัดF–16 บอมบ์สะพาน–บ่อนกาสิโนจากนั้น เวลา 06.10 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กองทัพเรือ (ทร.) ร่วมกับกองทัพอากาศ (ทอ.) เปิดปฏิบัติการตราดปราบปรปักษ์ เข้าทำลายเป้าหมายทางทหารกัมพูชา โดย ทอ.ส่งเครื่อง F-16 ทำลายที่มั่นทางทหาร พร้อมเส้นทางที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ลำเลียงอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่สะพานจัยจุมเนี้ยะ บ้านทมอดา จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา หลังจากกองทัพเรือตรวจพบกัมพูชาได้เสริมกำลังและอาวุธหนักมาประชิดชายแดนด้าน จ.ตราด อย่างต่อเนื่อง และตั้งอาวุธหนักบนที่สูงยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยเครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิดเข้าบริเวณช่องด้านบนตัวอาคารบ่อนกาสิโน แรงระเบิดทำให้ภายในตึกกาสิโนที่คาดว่ามี 8-10 ชั้น ภายในเสียหายทั้งหมดจัดบินทิ้งบอมบ์ 3 รอบเบื้องต้น F-16 บินวน 2 รอบ ก่อนจะทิ้งระเบิดครั้งแรกในเวลา 06.00 น. ครั้งที่ 2 เวลา 06.07 น. และครั้งที่ 3 เวลา 06.12 น. เบื้องต้นได้รับรายงานว่า สะพานได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่ถล่ม ซึ่งต่อมาทหารโพสต์ภาพความเสียหายของตัวอาคารกาสิโน พร้อมบรรยายว่าเป็นตัวอาคารกาสิโนที่ทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ตรงข้ามชายแดนบ้านชำราก ทั้งสองสะพานได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดของ F-16 ในช่วงเช้าตรู่ เบื้องต้นสะพานปูนได้รับความเสียหายเกือบครึ่งสะพาน ใช้งานได้เพียงรถเล็ก ส่วนตัวสะพานเหล็กแผ่นเหล็กหลุดจากพื้นสะพานจนใช้การไม่ได้ ขัดขวางการลำเลียงอาวุธของฝ่ายกัมพูชา เพื่อไม่ให้มาเสริมกำลังตามแนวชายแดนระเบิดเขมรตกใส่บ้าน–สวนขณะที่ในช่วงสาย ฝ่ายปกครอง บ้านหนองปรี ต.ชำราก อ.เมืองตราด ประสานตำรวจ สภ.บ้านท่าเลื่อน และชุด EOD เข้าตรวจสอบหลุมระเบิดที่ตกมาจากฝั่งประเทศกัมพูชา ภายในสวนทุเรียนแห่งหนึ่งของพื้นที่บ้านหนองรี ตำบลชำราก ตรวจสอบหลุมระเบิดไปได้ 13 หลุม แบ่งเป็นหลุมระเบิดที่อยู่ตามสวน 11 หลุม ซึ่งระเบิดสมบูรณ์หมดแล้ว และหลุมที่ตกบนถนนสายที่ 3 ตราด-คลองใหญ่ 2 หลุม หนึ่งในจำนวนนี้มีหนึ่งหลุมที่ยังเก็บกู้ระเบิดไม่ได้“ทรัมป์” ชี้เหยียบกับระเบิดแค่อุบัติเหตุสำหรับความคืบหน้าการเจรจาหยุดยิงที่มีรายงานว่าผู้นำสหรัฐอเมริกาได้พูดคุยกับนายกฯ ของไทยและกัมพูชาแล้ว ต่อมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบทแพลตฟอร์ม “ทรูธโซเชียล” มีใจความระบุได้คุยกับผู้นำไทยและกัมพูชาแล้ว การพูดคุยเป็นไปอย่างดีมาก ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหยุดยิงตั้งแต่เย็นนี้เป็นต้นไป (หมายถึงเช้าวันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย) และจะกลับไปปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพที่เคยทำไว้กับตนเอง ขณะเดียวกันยังบอกว่าปฏิญญาสันติภาพครั้งนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลือจากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯบอกว่าเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนี้เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ แต่ประเทศไทยกลับตอบโต้อย่างรุนแรง กระนั้นยังยืนยันว่าทั้งสองประเทศพร้อมสำหรับสันติภาพ ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับอนุทิน และฮุน มาเนต ในการแก้ไขสิ่งที่อาจพัฒนาไปสู่สงครามระหว่างสองประเทศ“ฮุน มาเนต” ขอข่าวกรองมะกันช่วยขณะที่ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโพสต์ข้อความบทเฟซบุ๊ก ว่า ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค. หลังจากสนทนาทางโทรศัพท์กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เพื่อแสวงหาหนทางนำไปสู่การหยุดยิง และให้กัมพูชาและไทยกลับไปดำเนินการตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ ผู้นำกัมพูชาได้ขอบคุณผู้นำมาเลเซียและสหรัฐฯ สำหรับความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมย้ำว่ากัมพูชายืนยันในจุดยืนที่จะยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ ฮุน มาเนต ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ยิงปะทะเมื่อบ่ายวันที่ 7 ธ.ค. ซึ่งนำไปสู่การสู้รบระลอกใหม่ โดยเสนอให้หน่วยงานทหารหรือหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ หรือ มาเลเซีย ใช้ขีดความสามารถในการรวบรวมข้อมูล เช่นภาพถ่ายจากดาวเทียม เพื่อตรวจสอบอย่างโปร่งใสว่าฝ่ายใดเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน“อนุทิน” โต้กลับ “ทรัมป์”อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐ มนตรี และ รมว.มหาดไทย โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษตอบโต้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ระบุเหตุระเบิดที่ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตจำนวนมาก เป็นอุบัติเหตุ แต่ประเทศไทยตอบโต้กลับอย่างรุนแรงว่า It’s definitely not a roadside accident. Thailand will continue to perform military actions until we feel no more harm and threats to our land and people. I want to make it clear. Our actions this morning already spoke แปลเป็นภาษาไทยว่า “นี่ไม่ใช่เหตุการณ์อุบัติเหตุริมถนนอย่างแน่นอน ประเทศไทยจะยังคงดำเนินการทางทหารต่อไป จนกว่าเราจะรู้สึกว่าไม่มีอันตรายหรือภัยคุกคามใดๆต่อแผ่นดินและประชาชนของเราอีกต่อไป ผมขอชี้แจงให้ชัดเจน การกระทำของเราในเช้าวันนี้ได้แสดงให้เห็นแล้ว”ย้ำไม่มีข้อตกลงหยุดยิงต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีการพูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ถึงการพูดคุยเรื่องการหยุดยิงว่า ไม่ได้คุย ยังไม่มีการตกลงใดๆ หารืออัปเดตกันธรรมดา ได้ยืนยันว่าเรื่องความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศนั้น ประเทศไทยต้องดำเนินการปกป้องอธิปไตย และประชาชนเต็มที่ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พูดว่า จะต้องหยุดยิงหรือไม่ รวมถึงไม่ได้บอกว่าไทยจะไม่หยุดยิงก่อน เราทำตามภารกิจของเราที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องต้องให้เกียรติมิตรประเทศ ไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียง เราดำเนินการตามที่เห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ย้ำไทยไม่ต้องฟังคำสั่งใครเมื่อถามว่า สิ่งที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าไทย-กัมพูชาจะหยุดยิงช่วงเย็นวันที่ 13 ธ.ค.เป็นการมัดมือชกหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า แล้วหยุดยิงมั้ย เช้าวันที่ 13 ธ.ค.กัมพูชายิง BM-21 มาในพื้นที่ชุมชน ประชาชนบาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะ ดังนั้น ตอนนี้ประเทศไทยต้องฟังใครมั้ย ถ้ามัวไปฟังคนนั้นคนนี้แล้วจะมีเวลาคุ้มครองอธิปไตยและความปลอดภัยประชาชนหรือไม่ เมื่อถามว่า จะชี้แจงอย่างไรกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุไทยใช้วิธีตอบโต้กัมพูชาที่แรงมาก นายอนุทินตอบว่า กี่ขา กี่ศพแล้ว ต้องถามแบบคนไทยถาม เป็นคนไทยถาม อย่าถามแบบคนข้างนอกถามยึดปราสาทคนา–ฝังเขมร 165 ศพด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ช่วงสายวันที่ 13 ธ.ค. ได้รับแจ้งจากหน่วยในพื้นที่ว่า กองทัพยึดพื้นที่ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ประมาณการความสูญเสียฝ่ายกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7-12 ธ.ค. คาดว่า ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 165 นาย ทำลาย BM-21 ได้ 1 ระบบ รถยานเกราะ-รถถัง 11 คัน โดรน 68 ลำ ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 2 ระบบ Anti-Drone 3 ระบบ เสาสื่อสาร 3 จุด และจุดตรวจการฐานทหาร 5 แห่ง ในการทำลายที่หมายต่างๆ ยอมรับว่า ภูมิประเทศพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เป็นป่าเขา มีการหลบหลีก ใช้ยุทธวิธีที่ต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบกัน ขณะที่พื้นที่กองกำลังบูรพา กองทัพภาค 1 เป็นพื้นที่โล่ง แต่บริเวณนั้นมีสิ่งปลูกสร้างถือเป็นการรบในเมือง ยุทธวิธีทางการทหารจึงแตกต่างกัน และมีความยากลำบาก ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ เพราะการทำลายยุทโธปกรณ์สำคัญ โดยเฉพาะจรวดอาวุธระยะไกล หากมีการโจมตีเข้ามา พลเรือนจะได้รับผลกระทบทร.ทำลาย 2 ฐานยิงเกาะยอน.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงการปฏิบัติงานของกองทัพเรือว่า เมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค. กองทัพเรือ ปฏิบัติการ 2 พื้นที่สำคัญคือ พื้นที่เกาะยอ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ที่เป็นฐานตั้งปืนขนาด 130 มิลลิเมตร 2 ฐานยิง เป็นภัยคุกคามต่อกำลังทางเรือไทยในพื้นที่ จึงเปิดปฏิบัติการโจมตีทำลายที่มั่นทางทหารบนเกาะยอ ส่วนพื้นที่บ้าน 3 หลัง กองทัพเรือถูกโจมตีด้วยอาวุธสนับสนุนฝ่ายกัมพูชา ทำให้ไทยไม่สามารถนำกำลังพลทหารราบของนาวิกโยธินเข้าไปยึดพื้นที่ได้ จำเป็นต้องลิดรอนทำลายอาวุธสนับสนุนปืนใหญ่ ปืน ค. และ BM-21 จึงได้ร้องขอการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอากาศต่อเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์ทอ.บอมบ์สะพานจัยจุมเนี้ยะน.อ.นรา กล่าวว่า ขณะเดียวกันช่วงเช้าวันที่ 13 ธ.ค. กองทัพอากาศโจมตีคือ สะพานจัยจุมเนี้ยะ จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ที่ใช้ลำเลียงกำลังและยุทโธปกรณ์ฝ่ายกัมพูชา ผลการโจมตีสามารถทำลายสะพานได้เรียบร้อย ส่วนอาคารกาสิโนทมอดา ในพื้นที่บ้านหนองรี ตรงข้ามบ้านท่าเส้น จ.ตราด ที่กัมพูชาดัดแปลงเป็นที่ตั้งทางทหารใช้บัญชาการซ่องสุมกำลัง มีอุปกรณ์ควบคุมโดรน ได้ร้องขอกำลังทางอากาศจากกองทัพอากาศ ผลการทำลาย สามารถทำลายเป้าหมายได้ แม้จะไม่ราบ แต่ภายในเสียหายหนัก ไม่สามารถใช้เป็นที่ตั้งทางทหารได้ โดย พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ยืนยันว่า กองทัพอากาศใช้ขีดความสามารถทั้งหมดที่มีโจมตีเป้าหมายทางการทหารที่มีความแม่นยำสูง ป้องกันผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวกับการสู้รบ การปฏิบัติการของกองทัพอากาศอยู่บนพื้นฐานป้องกันตนเอง และได้สัดส่วนกับภัยคุกคามที่มีอยู่ เพื่อปกป้องอธิปไตยชาติ ความปลอดภัยประชาชนเร่งช่วย 700 คนไทยตกค้างขณะที่ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการสนทนาระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า เป็นโอกาสดีที่นายอนุทินได้ชี้แจงถึงสถานการณ์และท่าทีประเทศไทยที่ต้องการสันติภาพ ส่วนการช่วยเหลือคนไทยติดค้างในกัมพูชา มีการแจ้งความจำนงขอกลับไทย 200-300 ราย แต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินพาณิชย์ไปรับกลับ แต่ได้วางแผนเตรียมความพร้อม ทราบว่ามีคนไทยตกค้าง 600-700 คน หากมีความจำเป็นจริงๆ สามารถช่วยเหลือได้อย่างเร่งด่วน4 ทหารสละชีพที่ช่องอานม้าขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการปะทะหนักหน่วงที่บริเวณช่องอานม้า เนิน 677 อ.น้ำยืน เมื่อช่วงบ่าย ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ จ.ส.อ.ดำรงเกียรติ แก้วกระจ่าง พลทหารมุสตากีม เจ๊ะมะ จ.ส.อ.ทวีรัตน์ รัตนบุรี หน่วยรบพิเศษ พลทหารกิตติกร สร้อยระย้า ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ได้แก่ พลทหารอุสมาน ฮาลี พลทหารโชคชัย เนียมแสง ส.อ.กฤษฎากร ถาวร จ.ส.ต.นพนันท์ จันดาแดง พลทหารคอลิต หมุดกะเหล็ม จ.ส.อ.เอกวัส ปาลวัฒน์ และ ส.อ.อนุสรณ์ ชนะชัย เบื้องต้นนายทหารเสนารักษ์ทยอยส่งตัวลงมาจากด้านบนอย่างเร่งด่วน โดยเวลา 13.57 น. แพทย์ได้ส่งตัว พลทหารคอลิต หมุดกะเหล็ม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 จากสนาม ฮ.ชั่วคราว อบต.กลาง ไปยังถึงสนาม ฮ. มทบ.22 เวลา 15.30 น. จากนั้นได้เคลื่อนย้ายขึ้นรถพยาบาลที่จอดรอเพื่อนำส่งไป รพ.สรรพสิทธิประสงค์ในหลวงทรงรับดูแลกำลังพลขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 11-12 ธ.ค. และเข้ารักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมืองอุบลราชธานี ประกอบด้วย สิบโทฐากูล ปัญญาดี จ่าสิบเอกป้องปราชญ์ ทองหมื่นไวย์ สิบเอกศุภกฤต คำชมภู พล ทหารศิรวิทย์ เมืองพิน อาสาทหารพรานชุมพล ศุภดล พลทหารธีระวัฒน์ ไชยภู พลทหารชินวุฒ ยี่ห้อคง พลทหารจิราภัทร์ ขันตี จ่าสิบตรีปรารีส สะอาดเอี่ยม พลทหารวรฤทธิ์ ตาลสิทธ์ พลทหารภาณุวัฒน์ ศิริลาภ พลทหารวรเชษ เรืองฤทัย พลทหารพงศธร หงส์มาลา พลทหารนฤเบศภ์ เทพผง จ่าสิบตรีวรวิทย์ บุญโนนแต้ ในการนี้ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯทรงรับกำลังพลทั้งหมดไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ส่งร่าง “สอ.พชร” กลับลพบุรีส่วนที่พุทธสถานมณฑล ทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีพิธีส่งร่างสิบเอก พชรแย้มแตงอ่อน หรือหมู่เกมส์ ผู้เสียสละพลีชีพจากเหตุการณ์ปะทะที่สมรภูมิเนิน 677 ช่องอานม้า บ.น้ำยืน ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 อย่างสมเกียรติ โดยมีพันเอก ณัฐดนัย ผาคํา เสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 22 นายทหารสัญญาบัตร ทหารผ่านศึก นายทหารประทวน ร่วมในพิธีสดุดีวีรกรรม ทอดผ้าบังสุกุล ก่อนส่งร่างกลับไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาจ.ลพบุรี โดยเครื่องบินกองทัพบก C295 และเมื่อถึงกองบิน 2 กองทัพอากาศ จ.ลพบุรี กองเกียรติยศตั้งขบวนรอรับร่างของ ส.อ.พชร อย่างสมเกียรติ ก่อนเคลื่อนขบวนมายังวัดซาก ต.ถนนใหญ่ อ.เมืองลพบุรี มีพิธีรดน้ำศพ และ ผวจ.ลพบุรี เป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมเชิญพวงมาลาพระราชทาน และพวงมาลาประทาน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ วางหน้าหีบศพ โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศลวันที่ 13-19 ธ.ค.และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 20 ธ.ค.นี้นายกฯน้ำตาคลอพิธีศพทหารกล้าส่วนที่วัดพรหมพิทักษ์วนาราม อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเวลา 15.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต “จ่าเพียว” ทหารไทยที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยนายอนุทินร่วมแสดงความเสียใจ และให้กำลังใจครอบครัว จ.ส.อ.ศตวรรษ ซึ่งนายกฯมีน้ำตาคลอเบ้าพูดคุยกับบุตรสาวทั้ง 2 คนของ จ.ส.อ.ศตวรรษ พร้อมสวมกอดขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือ พร้อมกล่าวกับครอบครัว จ.ส.อ.ศตวรรษว่า เงินที่ได้รับการช่วยเหลือขอให้เก็บไว้ดูแลบุตรทั้งสองของ จ.ส.อ.ศตวรรษ จากนั้น นายกฯเป็นสักขีพยานพิธีมอบธงชาติคลุมหีบศพ จ.ส.อ.ศตวรรษ พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณ และเงินช่วยเหลือจากกองทัพบก ก่อนเดินทางกลับได้เดินทักทายประชาชนที่กล่าว ให้กำลังใจให้นายกฯสู้ๆ ขอให้จบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่รุ่นเรา ขณะที่นายกฯชูกำปั้นแสดงสัญลักษณ์สู้ ก่อนชี้ไปที่ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก พร้อมบอกว่า คนนี้เป็นแม่ทัพใหญ่เมิน “อันวาร์” ให้หยุดยิง 4 ทุ่มนายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ข้อความระบุ ในเวลา 22.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.ไทยและกัมพูชาจะเริ่มกระบวนหยุดยิงว่า ยังไม่ทราบ น่าจะเป็นความเข้าใจผิด ขณะนี้มีการสื่อสารเยอะไปหมด ขอให้ฟังการแถลงกองทัพใน 2 ช่วงเวลาจะดีที่สุด ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาหยุดยิงเลื่อน 5 ชั้นยศพลฯเทิดศักดิ์ส่วนที่วัดกลาง ต.ห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เวลา 15.30 น. มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย อายุ 20 ปี ที่ถูกสะเก็ดระเบิดจากการยิงสนับสนุนอาวุธ BM-21 ของฝ่ายกัมพูชาใกล้พื้นที่ปราสาทคนา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่ รพ.พนมดงรัก ท่ามกลางบรรยากาศอันโศกเศร้า โดยมีพลเอกอนุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นประธานขึ้นวางผ้าไตรพระราช ทาน วางดอกไม้จันทน์ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผวจ.ศรีสะเกษ นำหัวหน้าส่วนราชการ ญาติและประชาชนร่วมพิธี ทั้งนี้ เบื้องต้นกองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ ขอพระราชทานเลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษให้แก่พลทหารเทิดศักดิ์ 7 ขั้น เงินเดือน 5 ชั้นยศ จากยศพลทหาร เป็นยศจ่าสิบโท พร้อมมอบเงินพระราชทาน เงินสินไหมทดแทนภัยสงคราม ประกันชีวิตกองทัพบก เงินช่วยเหลือ และบำเหน็จตกทอดแก่ทายาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 11 ล้านบาทพลีชีพ 15 เจ็บกว่า 270 นายจากนั้นพลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดวันที่ 13 ธ.ค. จนถึงเวลา 16.00 น.ว่ายังคงมีการปะทะตลอดแนวชายแดนกัมพูชายังมีการโจมตีเข้ามาต่อเนื่อง ไม่เลือกเป้าหมาย ทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ มีทหารเสียชีวิตเพิ่มเติม 4 นาย จากเหตุการณ์ปะทะพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ยอดรวมการเสียชีวิต 14 นาย และอีก 1 นาย เป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 15 นาย บาดเจ็บ 270 กว่านาย ขณะที่ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ณ วันที่ 13 ธ.ค. มีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) บาดเจ็บแล้ว 24 รายคุมช่องอานม้า–ยึดเพิ่มเนิน 500ส่วนผลปฏิการทางทหาร ฝ่ายไทยเข้ายึดเพิ่มเนิน 500 และฐานห้วยบอนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ปากช่องอานม้า สรุปยึดช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ได้แล้ว 75 เปอร์เซ็นต์ รวมพื้นที่เนิน 677 แต่ยังไม่ได้รับรายงานการเคลื่อนย้ายอาวุธ PHL-03 มายังบริเวณเขาพระวิหาร สำหรับพื้นที่ปราสาทคนา เวลา 16.00 น. เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความระบุว่า ยึดครบทั้ง 4 ที่หมาย ทำลายบันไดส่วนบน ทหารกัมพูชายังคงตอบโต้ด้วยจรวด BM-21 และการใช้โดรน FPV พุ่งชน ทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังอยู่ที่บริเวณทางลงบันไดขยายผลสมุดบันทึกทหารเขมรด้าน พ.อ.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส รองโฆษก ทบ.กล่าวถึงการเข้าควบคุมพื้นที่เนิน 677 ช่องอานม้า ว่าตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง ลูกระเบิด RPG กระสุนปืน จรวด ที่สำคัญสุดคือ สมุดบันทึกการปฏิบัติงานทหารกัมพูชาที่ระบุพื้นที่และพิกัดวางทุ่นระเบิดกับระเบิดแสวงเครื่อง จึงรวบรวมหลักฐานส่งตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยที่อาจลักลอบวางทุ่นระเบิดกับระเบิดแสวงเครื่อง และจะนำข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ สมุดปฏิบัติงานส่งให้กระทรวงการต่างประเทศนำไปขยายผล ประกาศให้รู้ว่ากัมพูชายังใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ละเมิดสนธิสัญญาและทำร้ายทหารไทยทร.เปิดยุทธการใหม่ทำลายที่ตั้งทหารด้าน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ แถลงว่า กองทัพเรือเปิดยุทธการใหม่ “ประจวบ คีรีขันธ์ ประจันตคีรีเขตร” ภายหลังเกิดภัยคุกคามในพื้นที่ท้องทะเล ยุทธการ ดังกล่าวจัดตั้งหมวดเรือเฉพาะกิจพิทักษ์อ่าวไทย ค้นหา-ทำลายที่ตั้งทางทหารและกำลังทางเรือฝ่ายกัมพูชา เพื่อความปลอดภัยประชาชนตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย และลดทอนการนำเข้ายุทธปัจจัยสำคัญเข้าสู่ประเทศกัมพูชา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ปฏิบัติการที่เกาะยอ ในพื้นที่ จ.เกาะกง พบปืนใหญ่ขนาด 130 มม. มีรัศมีการยิงครอบคลุมไปถึงชุมชนบ้านหาดเล็ก จ.ตราด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนได้ จึงต้องรีบดำเนินการกับภัยคุกคามตรงหน้าให้หมดไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่