ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ประสาน ปอศ. ตะครุบหนุ่มจีนเทาเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์คาคอนโดหรูบางละมุงยึดเงินสด 1.5 ล้านบาท หลังพบเครือข่ายเปิดแพลตฟอร์มขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ หลอกเหยื่อลงทุนสมัครสมาชิกและโปรโมชันรับเงินรางวัลจากการขายเสื้อผ้า แฉมีพฤติการณ์หลายพื้นที่มีคดีกว่า 10 คดี สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยจะถอนเงินที่หลอกมาได้จากบัญชีม้าโอนต่อมายังบัญชีนิติบุคคลที่ทำทีเปิดกิจการบังหน้า เมื่อได้จำนวนสูงพอจะถอนออกมาทั้งหมดมาเก็บรวบรวมไว้ที่คอนโดแห่งนี้ ก่อนส่งต่อนายทุนเบื้องหลังACSC ประสาน ปอศ.ตะครุบจีนเทาเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ยึดเงินสด 1.5 ล้านบาท เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./หัวหน้าศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ศปอส. ตร., พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ในฐานะผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ศปอส.ตร. สั่งการ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.ชวพล เชื้อเพ็ชร์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม นายจงเถียน หู อายุ 40 ปี ชาวจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 1 ธ.ค.68 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือได้เป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน” จับได้ที่ห้องพักภายในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลาง เงินสดทั้งสกุลไทยและสกุลต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,563,559 บาท, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่มสืบเนื่องจากศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ANTI-CYBER SCAM CENTERZ ACSCX ตรวจสอบและวิเคราะห์พบคนร้ายหลอกให้เข้าเว็บไซต์แพลตฟอร์มกลุ่มจำหน่ายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ ทำทีติดต่อรับซื้อเสื้อผ้าที่ผู้เสียหายต้องการจำหน่าย จากนั้นจะหลอกลวงให้ลงทุนสมัครสมาชิกและลงทุนสมัครโปรโมชันเพื่อรับเงินรางวัลจากการจำหน่ายเสื้อผ้า พฤติการณ์คนร้ายเกิดขึ้นต่างพื้นที่กันสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง มีคดีกว่า 10 คดีจากการสืบสวนของ กก.2 ปอศ.ร่วมกับ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทราบว่าคนร้ายใช้บัญชีม้าแถวที่ 1 รับโอนเงินโดยใช้แพลตฟอร์มทรูมันนี่วอลเล็ต ส่วนบัญชีม้าแต่ละบัญชีจะรวมเงินจากการหลอกลวงก่อนโอนเงินมายังบัญชีนิติบุคคล มีลักษณะการประกอบกิจการจริงเพื่อบังหน้า แล้วรวมเงินที่ได้มาจนเป็นยอดจำนวนสูง จึงถอนออกมาเป็นเงินสดเกือบหมดบัญชี ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามสะกดรอยจนเห็นพฤติกรรมนำเงินสดที่รวบรวมไว้ไปเก็บซุกซ่อนไว้ในคอนโดดังกล่าว ลักษณะเป็นการแปรสภาพเงินที่มาจากการกระทำความผิด ผิดวิสัยทางการค้าที่ควรมีกระแสเงินสดในบัญชี เข้าข่ายการฟอกเงิน ขอศาลออกหมายจับและหมายค้น กระทั่งจับกุมและยึดทรัพย์สินได้ในที่สุด สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ นำตัวพร้อมของกลาง ส่ง สภ.คลองหลวง ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องที่น่าเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่