ทันทีที่โลกร้อนขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส น้ำแข็งที่เคยปิดตายและละลาย กลายเป็นเส้นทางการเดินเรือถาวร เป็นมิติใหม่ของมหาสมุทรอาร์กติกจากดินแดนที่ไม่มีราคาค่างวด อาร์กติกจะมีค่าสูงถึงขนาดสองกลุ่มมหาอำนาจต้องทำสงครามแย่งชิง หัวใจของความขัดแย้งคือ ‘เส้นทางเดินเรือเหนือ’ หรือ Northern Sea Route (NSR) ซึ่งทำให้เรือแล่นจากมหาสมุทรแปซิฟิกสู่ยุโรป เพราะ NSR สั้นกว่าคลองสุเอซร้อยละ 40 ทำให้การขนส่งทางทะเลประหยัดเวลาได้มากกว่า 10–15 วันรัสเซียมีชายฝั่งอาร์กติกยาวที่สุดในโลก คนรัสเซียจึงมองเส้นทางอาร์กติกเป็นทรัพย์สมบัติแห่งชาติ รัฐบาลรัสเซียทุ่มทุนพัฒนาฐานทัพ ท่าเรือ เรือตัดน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์ ทำทั้งปวงเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของอาร์กติกจีนปรารถนาขนส่งสินค้าไปสู่ประเทศผู้ซื้อ จึงต้องการเส้นทางการค้าใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่แผ่นดินจีนอยู่ห่างจากอาร์กติก จีนทำให้เพียงสถาปนาตนเป็นผู้เล่นนอกอาร์กติก ด้วยการสร้าง Polar Silk Road ให้อยู่ในยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative หรือ BRI ข้อริเริ่มแถบและเส้นทางที่จีนเล่นซ้ำย้ำบ่อยจนเป็นที่รับรู้และมีความชอบธรรมในการเล่นในระดับสากลไปแล้วจีนกับรัสเซียผนึกกำลังเพื่อครองอาร์กติก รัสเซียต้องการทุนและเทคโนโลยีมาพัฒนาท่าเรือและโครงสร้างพื้นฐาน จีนต้องการสิทธิในเส้นทางเดินเรือใหม่และทรัพยากรธรรมชาติอันมากมายมหาศาลบานเบอะในอาร์กติกจีนมีสิ่งที่รัสเซียต้องการ รัสเซียมีสิ่งที่จีนต้องการ สองประเทศจึงชุมนุมสุมศีรษะช่วยกันสร้างวงแหวนทางเหนือ ขณะที่สหรัฐฯกำลังเลอะเทอะเปรอะเปื้อนและมั่วกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพื่อคุมจีนจากทิศตะวันออกและทิศใต้ช่วงถามตอบของการบรรยายเรื่องยุทธศาสตร์อาร์กติก นายทหารท่านหนึ่งถามผมว่า ผมคิดว่าประเทศไหนจะประสบความสำเร็จทั้งยุทธศาสตร์อาร์กติกและอินโด-แปซิฟิกผมตอบอย่างไม่ลังเลว่า ‘จีนและรัสเซีย’ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านอาวุธของจีน ทำให้จีนจะสามารถควบคุมอินโด–แปซิฟิกได้ แต่อาร์กติกที่จีนพึ่งพารัสเซียเพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดไปยุโรปนั้น สหรัฐฯควบคุมไม่ได้ สหรัฐฯทำได้แค่เต้นแร้งเต้นกาอวดโลกว่า ‘อ้า สหรัฐฯยังมีอิทธิพล’ เท่านั้นสหรัฐฯเอาผ้าขาวไปปู หัวหมูไปวาง ปักธูปเก้าดอก และกราบอัญเชิญแคนาดา นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และสวีเดน ว่า “อ้า โปรดเข้ามาร่วมในขบวนการแย่งอาร์กติกกับรัสเซียและจีนกับข้าพเจ้าด้วยเถิด”สิ่งที่สหรัฐฯและนาโตทำให้เห็นเป็นรูปธรรมบ้างแล้วก็คือ 1.สร้างสงครามรัสเซีย-อูเครน เพื่อไม่ให้รัสเซียมีเวลาว่างมากพอที่ไปยุ่งกับอาร์กติก 2.ดึงหลายประเทศมาเป็นสมาชิก เพื่อให้นาโตมีพรมแดนติดกับรัสเซียเพิ่มขึ้นอีกหลายพันกิโลเมตร และ 3.ซ้อมรบในอาร์กติกเพื่ออวดกล้ามให้รัสเซียเห็นบ้างเป็นบางระยะรัสเซียและจีนมีวิสัยทัศน์และมีการเตรียมความพร้อมมากกว่าสหรัฐฯและนาโต จึงทุ่มซุ่มซ่อนสร้างเรือตัดน้ำแข็ง จนปัจจุบัน รัสเซียมีเรือตัดน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์มากถึง 40 ลำ ส่วนสหรัฐฯเองเพิ่งตื่น ตาลีตาเหลือกเช็ดขี้ตามาสร้างเรือตัดน้ำแข็งกระป๋องป๋องแป๋งเสร็จไปเพียง 2 ลำชาติใดตั้งฐานทัพในอาร์กติกได้มาก ชาตินั้นจะได้เปรียบในสงครามนิวเคลียร์ อาร์กติกเป็นพื้นที่สำคัญที่ระบบเรดาร์ใช้ตรวจจับขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ไม่ว่าจะยิงมาจากรัสเซียหรือสหรัฐฯใต้น้ำแข็งอาร์กติก มีน้ำมันสำรองอยู่มากถึงร้อยละ 13 และก๊าซธรรมชาติกว่าร้อยละ 30 ของโลก จีนสะกิดรัสเซียให้เอาน้ำมันและก๊าซมาขายให้จีนในราคาถูก โดยจีนจะช่วยเหลือเกื้อกูลเรื่องการลงทุนให้ก่อนสหรัฐฯสร้างความกลัวให้ลิเกคณะนาโตเห็นว่า ถ้าให้รัสเซียและจีนได้ทรัพยากรใต้น้ำแข็งในอาร์กติก จะทำให้หมีและมังกรมีปีก เมื่อบินได้แล้วก็ยากที่จะไปลากให้ลงมาจากฟากฟ้า ดีที่สุดก็คืออย่าให้หมีและมังกรมีปีก เราต้องชุมนุมสุมศีรษะเด็ดปีกสองประเทศนี้เสียก่อนวันหน้า ผมมารับใช้ว่า อ้า ทำไมไทยควรเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับอาร์กติกด้วยตั้งแต่แรก และไทยจะได้อะไร.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม