กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ขณะที่พสกนิกรหลั่งไหลเข้าสักการะพระบรมศพหน้า พระฉายาลักษณ์อย่างไม่ขาดสาย โดยมี “ลี เซียนลุง” อดีตนายกฯสิงคโปร์ วางพวงมาลาถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ เพื่อถวายเกียรติสูงสุด ด้าน ศปพ.ประชุมบูรณาการแผนรับมือประชาชนที่คาดจะมีจำนวนมากขึ้นหลังวันที่ 9 พ.ย.นี้ โดย กทม.จัดพื้นที่พักคอยบริเวณสนามหลวง รองรับได้ราว 3 หมื่นคนต่อวันเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 3 พ.ย. สมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในการนี้ ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน รอรับเสด็จในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหาร และทรง ประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม จำนวน 8 รูป แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้นเสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ วันเดียวกัน เวลา 19.00 น. สมเด็จพระ กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยขณะที่ท้องสนามหลวง แม้จะเป็นวันเปิดเทอมวันแรกแต่ประชาชนทุกหมู่เหล่าจากทั่วทุกสารทิศยังหลั่งไหลเข้ามาถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคมและเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระพันปีหลวงอย่างไม่เสื่อมคลาย ขณะเดียวกันมีบุคคลสำคัญทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ “สมเด็จ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” อาทิ นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะผู้บริหารสมาคมฯ คณะนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน (สวตท.) คณะมรดกสยาม ฯลฯรวมถึงนายลี เซียนลุง รัฐมนตรีอาวุโสแห่งสิงคโปร์ และอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่เดินทางมาวางพวงมาลาถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อถวายเกียรติสูงสุด ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และลงนามแสดงความอาลัยในสมุดหลวง ณ อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ทิศตะวันตกจากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้การต้อนรับนายลี เซียนลุง รัฐมนตรีอาวุโสแห่งสิงคโปร์ และอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่เข้าพบในโอกาสถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงส่วนที่ด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง โดยมีคุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยรอง ผบ.ตร., จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.), ผู้ช่วย ผบ.ตร., รอง จตช., ผู้บัญชาการ และข้าราชการตำรวจ หน่วยที่มีที่ตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, อุปนายก และกรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมพิธีนอกจากนี้ วันเดียวกันมีการประชุมศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ (ศปพ.) ครั้งที่ 2/2568 ณ ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อบูรณาการแผนงานอำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นหลังวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้การประชุมครั้งนี้มีสาระสำคัญ อาทิ การแต่งตั้ง คณะทำงานขับเคลื่อนภารกิจ ศปพ. การกำหนดหลักเกณฑ์ การพิจารณาและแนวทางการขอใช้งบประมาณ และการรายงานผลการดำเนินงานของ ศปพ. โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จากแต่ละหน่วยงาน อาทิ กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการจัดพื้นที่พักคอยบริเวณสนามหลวง สามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 10,000 คนต่อรอบ หรือประมาณ 30,000 คนต่อวัน และได้รับมอบหมายให้ เป็นหน่วยงานหลักในการรับบริจาคอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของต่างๆ โดยสำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี จะทำหน้าที่ประสานเครือข่ายภาคราชการและเอกชนเพื่อส่งต่อสิ่งของมายัง กทม. เพื่อแจกจ่ายด้านการดูแลกลุ่มเปราะบาง มีการหารือถึงปัญหาวีลแชร์ที่ไม่เพียงพอและมีการชำรุดง่าย ที่ประชุม จึงมีข้อสั่งการให้ กทม.ประสานงานโดยตรงกับกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการจัดหาวีลแชร์เพิ่มเติม ด้านการแพทย์ กทม. และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันเตรียมพร้อมขยาย จุดบริการทางการแพทย์เพิ่มเติม นอกจากนี้ รองปลัดยังได้รายงานปัญหาคนเร่ร่อนที่เข้ามารับอาหารบริจาค ในช่วงเย็น ซึ่งจะต้องประสานงานกับ พม. เพื่อจัดระเบียบต่อไปทั้งนี้ นายภราดรเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า กระทรวงมหาดไทย ได้ประเมินตัวเลขไว้ว่าจะมี ประชาชนจากแต่ละจังหวัดเข้ามาประมาณ 3,000-5,000 คน จึงให้จัดลำดับคิวเรียงลำดับตามตัวอักษรของจังหวัด ให้เดินทางมาในวัน-เวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดมากจนเกินไป และเมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ก็จะมีรถรับ-ส่งที่บริเวณสนามหลวง ซึ่ง ประสานงานกับทางกระทรวงคมนาคม แล้วประชาชนจะเดินจากสนามหลวง เข้าไปที่พระบรมมหาราชวัง และเมื่อทำพิธีสักการะเสร็จแล้ว หากเป็นผู้สูงอายุ มีการจัด Shuttle bus ของกระทรวงคมนาคม ไว้คอยบริการจากจุดที่เดินออกจากพระบรมมหาราชวัง ย้อนกลับมาที่สนามหลวงส่วนการจัดจิตอาสาดูแลประชาชน โดยสำนักงาน จิตอาสาภาครัฐ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมการจัดจิตอาสา 904 และจิตอาสาพระราชทาน โดยประสาน เชิญชวนจิตอาสา ทั้ง 2 ส่วน สมัครเข้าร่วมเป็นจิตอาสา เฉพาะกิจงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพปฏิบัติงานสนับสนุนในเรื่องของการบริการประชาชน การอำนวยความสะดวกและการดูแลความเรียบร้อยทั่วไป รวมทั้งขอความร่วมมือจิตอาสาหน่วยงานภาครัฐ เข้าร่วมเป็นจิตอาสาเฉพาะกิจในการปฏิบัติงานทั้งนี้ สำนักงานจิตอาสาภาครัฐ สำนักนายก รัฐมนตรี จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานจิตอาสา ภาครัฐเข้าร่วมดูแลประชาชน โดยได้ประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ ประชาสัมพันธ์และเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา สามารถสมัครเข้าร่วมเป็นจิตอาสา บริการประชาชนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่