พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯไปทอดพระ เนตรการแสดงโขนมูลนิธิส่ง เสริมศิลปาชีพฯที่จัดขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ “พระพันปีหลวง” ขณะที่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าหลั่งไหลมาถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ด้วยความอาลัยและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างต่อเนื่อง ด้านครอบครัวชาวญี่ปุ่นเผยสุดประทับใจพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่นและศิลปวัฒนธรรมที่ทรงทำให้ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้านเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เวลาประมาณ 19.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขน เพื่อสืบทอด ธำรงนาฏศิลป์อันทรงคุณค่าของชาติให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิฯเฝ้าฯรับเสด็จ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในการนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายธนวพรรษ โตกระโทก (ผู้แสดงองคต) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเด็กชายรพี สิทธิชัย (ผู้แสดงองคตกุมาร) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ประธานกรรมการอำนวยการโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กราบบังคมทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดการแสดงโขน รอบปฐมทัศน์ เรื่องรามเกียรติ์ ตอนสัตยาพาลี พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญทอดพระเนตรการแสดงรำหน้าพาทย์ถวาย โดยคณะครูอาวุโส การแสดงรำอาศิรวาทรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ วีดิทัศน์เบื้องหลังการจัดการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์เรื่องรามเกียรติ์ ตอนสัตยาพาลี และการแสดงตามลำดับสำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สัตยาพาลี” จับตอนตั้งแต่ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นปูยักษ์หมายทำลายพิธีโสกันต์องคตกุมาร แต่พาลีผู้ได้พรจากพระอิศวรปราบได้ ต่อมาเกิดเหตุการณ์ทรพีบุตรทรพา โอหังไม่กตัญญู จนถูกพาลีฆ่าตายในถ้ำ และทำให้พาลีกับสุครีพ น้องชาย เข้าใจผิดแตกคอกัน สุครีพจึงไปพึ่งพระรามและร่วมต่อสู้จนพาลีต้องยอมมรณภาพ โดยฝากฝังบ้านเมืองไว้กับพระราม เรื่องราวดำเนินต่อด้วยทศกัณฐ์ให้นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ชุบชีวิตพลยักษ์ แต่พระรามส่งหนุมานและเหล่าวานรไปทำลายพิธีได้สำเร็จ ก่อนที่กองทัพอธรรมจะพ่ายแพ้และทศกัณฐ์ต้องถอยทัพ เป็นการแสดงโขนที่สร้างความประทับใจ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ความบันเทิงให้กับผู้ชม ครบทุกอรรถรส ได้ข้อคิดเรื่องของการรักษาสัจจะ รวมทั้งด้านคุณธรรม ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รู้รักสามัคคี รู้จักหน้าที่ถ่ายทอดการแสดงโดยนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่มากฝีมือ ซึ่งผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ คีตศิลป์ หลากหลายแขนงเมื่อจบการแสดง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต กราบบังคมทูลเบิกผู้แทนคณะทำงาน และนักแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานช่อดอกไม้ตามลำดับทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2562 “โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ” ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระทัยใส่ทุกมิติ เพื่อสืบทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติให้มีผู้สืบทอดต่อไปการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” จะจัดแสดงในวันที่ 6 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา 2,000 บาท 1,800 บาท 1,000 บาท 800 บาท และ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 200 บาท) จำหน่ายบัตรแล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร.0-2262-3456 และเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.comขณะที่เมื่อเวลา 07.18 น.วันเดียวกัน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหาร และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้นเสด็จฯไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับจากนั้นในเวลา 10.40 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรี สวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังในการนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬา ภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับส่วนที่ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวัน มีสมาชิกราชสกุล พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศที่จงรักภักดี และชาวต่างชาติที่เคารพรักในพระจริยวัตรที่งดงามและพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง แต่งกายไว้ทุกข์เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ด้วยความอาลัยและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างต่อเนื่อง ไม่หวั่นสภาพที่ร้อนอบอ้าว อาทิ ราชสกุลลดาวัลย์ นางสุพร สังฆะภิบาล นักแสดงอาวุโส ฯลฯ โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ตำรวจ ทหาร และสำนักงานเขตพระนคร รวมถึงจิตอาสา คอยอำนวยความสะดวก และสำนักพระราชวังได้มอบรูปพระฉายาลักษณ์เป็นที่ระลึก มีให้เลือก 2 ภาพ คือ ภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวง และภาพพระบรมโกศของสมเด็จพระพันปีหลวง เพื่อเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อมอันหาที่สุดมิได้ที่มีต่อพระองค์ที่ทรงพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทย และน้อมถวายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยด้านนายโยซูเกะและนางอายาโกะ อิวาซากิ สามีภรรยาชาวญี่ปุ่น พร้อมลูกสาว ซึ่งมาทำงานธนาคารในไทยมากกว่า 1 ปี เดินทางมาลงนามถวายความอาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ศาลาสหทัยสมาคม โดยนายโยซูเกะกล่าวว่า เคยมากราบสักการะถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อ 9 ปีที่แล้ว กระทั่งสมเด็จพระพันปีหลวงสวรรคต ตั้งใจมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัยด้วยความรักและเทิดทูนพระองค์ท่านเป็นอย่างสูง“ราชวงศ์ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาช้านาน มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน ส่งผลให้เกิดการค้าในหลายด้าน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือปัจจุบันที่ทำงานของผมมีพนักงานชาวญี่ปุ่นราว 6,000 คน ประจำสาขาต่างๆของธนาคาร คอยทำหน้าที่ประสานงานด้านการลงทุนระหว่างนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย” นายโยซูเกะกล่าว เช่นเดียวกับนางอายาโกะ ภรรยาของนายโยซูเกะ กล่าวว่า ชื่นชอบและประทับใจในพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น และศิลปวัฒนธรรมของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้านท้องถิ่นต่างๆเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหมู่ชาวญี่ปุ่นและนานาชาติ นอกจากนี้ พระองค์ยังส่งเสริมศิลปะการแสดงโขนที่มีความสวยงามตระการตา ทำให้ตนและสามีรักเมืองไทยและสนใจศึกษา เรียนรู้เรื่องราวของเมืองไทยและพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ท่านอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่