นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ช่วงนี้ดวงกำลังขึ้นมาก เป็นนายกฯได้เดือนกว่าก็ได้ออกเดินสายประชุมใหญ่ระดับโลกถึงสองงาน ได้กระทบไหล่ผู้นำประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกเป็นว่าเล่น เริ่มตั้งแต่ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายกฯหนู ก็ได้กระทบไหล่จับมือสนทนากับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดหลายรอบ ได้เจรจาขอลดภาษีการค้าแบบตัวต่อตัว จากกัวลาลัมเปอร์ นายกฯหนู ก็บินต่อไปร่วมประชุม การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ได้พบปะสนทนากับ ประธานาธิบดีทรัมป์ อีกครั้ง ได้เจรจาขอลดภาษีนำเข้าอีก ได้รับการตอบสนองจากทรัมป์เป็นอย่างดี แต่ซีนที่สำคัญที่สุดคือ ซีนดินเนอร์ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เชิญ นายกฯอนุทิน ร่วมโต๊ะดินเนอร์กับ ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีผู้นำเพียง 8 ประเทศที่ได้ร่วมโต๊ะดินเนอร์ครั้งนี้ทำให้ นายกฯอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้ร่วมโต๊ะดินเนอร์กับ ผู้นำสหรัฐฯ ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกที่น่าปลื้มที่สุดก็คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งมีประชาชนได้รับสิทธิ 20 ล้านคน มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 9 แสนร้านค้า โดยต้องซื้อขายผ่านระบบ Digital Payment หรือ “แอปเป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทยเท่านั้น ได้รับความชื่นชมอย่างมากจากนักธุรกิจสหรัฐฯที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ชื่นชมความมุ่งมั่นของรัฐบาล ทำให้อยากเข้ามาลงทุนในเมืองไทย อยากเข้าร่วมโครงการ Digital Payment ของรัฐบาล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นายกฯอนุทิน ตัดสินใจ ตั้งรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนนอกเข้ามาเพียง 3 คน คือ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีพลังงาน คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ เพราะมีโควตารัฐมนตรีเหลือเฟือ เนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคส้มไม่เข้าร่วมรัฐบาลแต่นโยบายเศรษฐกิจที่ 3 รัฐมนตรีคนนอกผลิตออกมา ภายใต้แนวคิด Quick Big Win ที่ปฏิบัติได้จริงใน 4 เดือนที่เป็นรัฐบาล ทำให้รัฐบาลได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก ทั้งจากคนไทยในประเทศและดังไกลไปถึงที่ประชุมเอเปก และนักธุรกิจสหรัฐฯเลยทีเดียวคุณสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกสำนักนายกฯ แถลงจากกรุงโซลว่า ช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกที่กรุงโซล นายกฯอนุทิน ได้มีการหารือกับ ผู้แทนกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐฯ สมาชิกองค์กร US—APEC Business Coalition มีตัวแทนบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯเข้าร่วมมากมาย อาทิ Amazon, Boeing, Citi, Moody’s, Paypal, Mastercard, Merck, Johnson&Johnson เป็นต้นนายกฯอนุทิน ได้เล่าให้นักธุรกิจสหรัฐฯฟังว่า ได้พบหารือกับ ประธานาธิบดีทรัมป์ ช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทน และได้พบอีกครั้งในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ได้ขอให้พิจารณาเรื่องภาษีต่างตอบแทนต่อไทย ประธานาธิบดีทรัมป์รับปากจะให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯหารือกับไทย ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการค้าการลงทุนของสองประเทศ จึงขอให้ทุกท่านมีความมั่นใจ และยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญกับภาคเอกชนสหรัฐฯ เดือนหน้า (พ.ย.) คณะ US—ASEAN Business Council ก็จะเดินทางมาเยือนไทย เพื่อหารือความร่วมมือกันนายกฯหนู ยังได้เล่าถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Big Win เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ลดหนี้ครัวเรือน หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ดึงดูดการลงทุนใหม่ๆสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ตั้งเป้าผลิตแรงงานทักษะสูง 280,000 คน ภายในปี 2571เมื่อ นายกฯอนุทิน พูดจบ ผู้แทนบริษัทสหรัฐฯก็ขึ้นมากล่าวชมนโยบายเศรษฐกิจของไทย ชมไปถึง “โครงการคนละครึ่งพลัส” ที่กระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน “แอปเป๋าตัง” ทำให้นักลงทุนไฮเทคสหรัฐฯอยากเข้ามาลงทุนในไทยมั่ง นายกฯที่มีประสบการณ์ กับ นายกฯที่ไม่มีประสบการณ์ มันต่างกันลิบลับอย่างนี้แล.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม