จะนอยด์ไปทำไมแค่เพื่อนชวนกันไปไหนโดยไม่ชวนเรา หรือคนที่เรารักไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมตามความคาดหวังของเรา เพราะเอาจริงๆแล้วเราไม่สามารถควบคุมใครได้เลย นอกจากใจของเราเองนี่คือแก่นของหนังสือดังแห่งปี “The Let Them Theory” ทฤษฎีปล่อยเขา เขียนโดย “เมล ร็อบบินส์” เพื่อช่วยถอนพิษความเครียดในยุคที่ทุกคนพยายามควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามความคาดหวังของตัวเองเครียดไหมกับการพยายามควบคุมคนอื่น หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนรอบข้าง ให้เป็นไปตามความคาดหวังของเรา “ทฤษฎีปล่อยเขา” บอกให้เราหยุดเสียพลังไปกับการควบคุมคนอื่น ผู้เขียนชี้ว่า เราทุกคนหมกมุ่นกับคนอื่นมากเกินไป เรายอมให้การกระทำ และความคิดของคนอื่นมีผลเหนือตัวเองมากเกินไป จนสะสมเป็นความเครียดไม่รู้ตัวแก่นของทฤษฎีนี้คือ “การปล่อยเขา” หรือ “การปล่อยวาง” เพื่อให้ใจเราเบา ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ยอมคนอื่นมาตลอด หรือรู้สึกเสมอว่าตัวเองไร้ตัวตน ก็ให้ฮึบขึ้นมาว่า “ปล่อยเขา” ปล่อยให้คนอื่นได้เป็นในแบบที่พวกเขาเป็น...ได้คิดในสิ่งที่พวกเขาอยากคิด...ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ เพื่อที่ว่าเราจะได้มีพลังงานเหลือเฟือมาจดจ่อกับชีวิตและการสร้างความสุขให้ตัวเอง“ปล่อยเขา” ไม่ได้แปลว่าแพ้ หรือยอมจำนน แต่คือการบอกกับใจตัวเองว่า ฉันจะไม่เสียพลังไปกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น เพื่อนนัดกันไปเที่ยวโดยไม่บอกเรา ก็ให้ “ปล่อยเขา” หรือเจ้านายไม่เห็นคุณค่าของงานเรา ก็ให้ “ปล่อยเขา” หรือแฟนไม่เห็นอกเห็นใจเรา ก็ให้ “ปล่อยเขา” หรือถูกนินทาว่าร้ายลับหลัง ก็ให้ “ปล่อยเขา” เพราะทุกครั้งที่เรา “ยื้อยุด” ให้เขาเป็นในแบบที่เราคิด เรากำลังแบกก้อนหินก้อนใหญ่ไว้บนบ่า ทั้งๆที่ก้อนหินนั้นไม่ใช่ความทุกข์ของเราเลยเมื่อ “ปล่อยเขา” เพื่อยอมรับตัวตนของคนอื่นได้แล้ว ก็ถึงเวลา “Let Me” คือ “ให้ฉัน” หันกลับมาถามตัวเองว่า แล้วฉันอยากทำอะไร ฉันจะใช้เวลาที่เหลือกับสิ่งที่ทำให้ใจเบาได้อย่างไร ถ้าฉันรักตัวเองมากพอ ฉันจะเลือกอะไรในตอนนี้ ถึงเวลาโฟกัสในสิ่งที่ตัวเรามีอำนาจ ทั้งการกระทำ, ความคิด, คำพูด และการตัดสินใจ แทนที่จะมัวจิตตกอารมณ์เสียกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา“Let Me” คือการมุ่งเน้นพัฒนาตนเอง เพื่อช่วยลดการสูญเสียพลังงานไปกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และหันมาสนใจการเติบโตและพัฒนาตนเองแทน เมื่อเราปล่อยคนอื่นเป็นอิสระ ตัวเราก็จะเป็นอิสระ เมื่อเราไม่ผูกความสุขไว้กับการกระทำของคนอื่น ตัวเราก็มีสิทธิ์สร้างความสุขได้เอง ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเราใช้พลังงานทั้งหมดที่เคยเสียไปกับการคาดหวังในตัวคนอื่น แล้วเปลี่ยนมาทุ่มเทให้กับตัวเอง ชีวิตเราจะเบาและเป็นสุขมากขึ้นขนาดไหน คาถาใจเบา เมื่อใจเริ่มเดือด หรือน้อยอกน้อยใจ ขอให้ปิดสวิตช์ทันที แล้วบอกตัวเองว่า เขาเป็นเขา และฉันเป็นฉัน...ฉันไม่ต้องตามแก้ทุกเรื่อง...พลังของฉันมีค่าเกินกว่าจะเสียไปกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จงปล่อยให้เขาเป็นเขา ไม่ต้องคิดโต้เถียงหาเหตุผลให้เปลืองเวลา ใครไม่มีน้ำใจกับเราก็ปล่อยเขา แล้วหันกลับมาหา “ตัวฉัน” ในแบบที่เราเลือกเองได้ นี่คือศิลปะการคืนพลังใจให้ตัวเองที่เรียบง่ายทรงพลังที่สุด.มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม