“อนุทิน” โชว์บทมือประสานอาเซียนผนึกเกาหลีใต้ ล่าแก๊งสแกมเมอร์-ยกระดับการค้าเสรีในปี 2026-พัฒนา AI ร่วมรับรองแถลงการณ์อาเซียนบวกสาม จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เสนอตัวเป็นเจ้าภาพถกปราบอาชญากรรมไซเบอร์ ฟุ้งไทยกลับสู่จอเรดาร์นานาชาติอีกครั้ง ย้ำเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯผลประโยชน์ร่วมกัน หวังใช้ปูทางเจรจากำแพงภาษีต่อ ประสานเสียง มทภ.1 ยังไม่มีกำหนดเปิดด่านตอนนี้ จัดคิวต่อเนื่องบินร่วมวงเอเปก ปชน.ฉะนายกฯทำตัวเบี้ยล่าง ห่วงเอื้อประโยชน์พี่เบิ้มฝ่ายเดียว เขมรตีปี๊บถอนอาวุธหนัก พท.สายม็อบหนุน “จาตุรนต์” หัวหน้าพรรค “ชาดา” ป้อง “ธรรมนัส” รู้จัก “เบน สมิท” ผิดหรือ แนะมองมุมเอาโจรไปจับโจรดีกว่า “อิ๊งค์” เผย “ทักษิณ” เสียดายอดกราบ “พระพันปี”นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 วันที่สอง ชี้เหมือนกลับมาอยู่ในจอเรดาร์ของนานาประเทศอีกครั้ง ในการประชุมมีการพูดถึง และให้เกียรติประเทศไทยในหลายด้าน วางคิวต่อเนื่องเข้าร่วมวงประชุมเอเปก ที่เกาหลีใต้ 29 ต.ค.-1 พ.ย.68อาเซียนผนึกเกาหลีล่าแก๊งสแกม เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ เร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) วันที่สองของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่ห้องประชุมใหญ่ 2 ศูนย์การประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 ถือเป็นการพบผู้นำอาเซียนเป็นครั้งแรกของนายอี แชมย็อง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีคนใหม่ มีไทยทำหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทินกล่าวถ้อยแถลงต้อนรับประธานาธิบดีอีแชมย็อง พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ในนามอาเซียน ยืนยันความมุ่งมั่นของอาเซียนในการขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านอาเซียน-สาธารณรัฐ เกาหลี ทั้งด้านความมั่นคง เช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ ผ่านความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น เสนอความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับเกาหลีในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ด้านเศรษฐกิจจะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ผ่านการยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี ในปี 2026 ด้านดิจิทัลและนวัตกรรม ส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพัฒนาทักษะดิจิทัล“หนู” ชงโมเดลความมั่นคง 3 ด้านต่อมาเวลา 10.45 น. นายอนุทินเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Summit : APT) ครั้งที่ 28 พร้อมผู้นำ ผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจาบวกสาม ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี นายสิริพงศ์แถลงหลังการประชุมว่า นายอนุทินกล่าวถ้อยแถลงว่า อาเซียนและประเทศบวกสามจำเป็นต้องเสริมสร้างความร่วมมือให้เข้มแข็งและเท่าทัน เสนอแนวคิด “3 Securities Approach” หรือ “ความมั่นคง 3 ด้าน” เป็นทิศทางขับเคลื่อน ได้แก่ ความมั่นคงทางการเงิน ควรยกระดับข้อริเริ่มเชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ไปสู่การจัดตั้งกลไก “Rapid Financing Facility” เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินได้อย่างทันท่วงทีในยามเกิดวิกฤติความมั่นคงทางดิจิทัล (Digital Security) ควรเร่งความร่วมมือในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีคอมเมิร์ซ และการพัฒนาแรงงานดิจิทัล พร้อมทั้งเข้มงวดป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ สร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืน และความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security) เสนอให้อาเซียนและพันธมิตร ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและจริงจังยิ่งขึ้น ในการปราบปรามสแกมเมอร์ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมรับรองแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนบวกสามว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินระดับภูมิภาค (ASEAN Plus Three Leaders’ Statement on Strengthening Regional Economic and Financial Cooperation)เวิลด์แบงก์หนุนไทยเป็นเจ้าภาพจากนั้นเวลา 15.15 น. นายอนุทินพบหารือกับนายคาร์ลอส เฟลิเป ฮารามิโย รองประธานธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก หลังเสร็จการหารือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า นายอนุทินยืนยันความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประจำปี 2569 เชื่อมั่นว่าจะเป็นเวทีส่งเสริมบทบาทและศักยภาพเศรษฐกิจไทย ด้านนายคาร์ลอสแสดงความพร้อมสนับสนุนไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและ IMF (World Bank-IMF Annual Meetings) ประจำปี 2569 ที่กรุงเทพฯ คณะทำงานของธนาคารโลกพร้อมทำงานร่วมกับคณะทำงานฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การประชุมประสบความสำเร็จเสนอตัวเจ้าภาพถกปราบสแกมเมอร์นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีการประชุมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี และอาเซียนบวกสาม ไทยยืนยันให้ความร่วมมือร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ หรือสแกมเมอร์ พร้อมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุม เพื่อหาพลังของภูมิภาคในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรมและจริงจัง เป็นการร่วมมือกันในระดับนานาชาติ มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการแล้ว หน่วยงานที่รับข้อสั่งการจะนำไปดำเนินการ ได้เจอประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พูดคุยวิธีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อถามถึงภาพที่เดินพูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา และนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกฯสิงคโปร์ ก่อนเข้าร่วมประชุม นายอนุทินตอบว่า นายกฯสิงคโปร์และนายกฯกัมพูชาได้พบพูดคุยกันที่ห้องพัก ช่วงพักเบรกฟุ้งไทยกลับสู่จอเรดาร์นานาชาตินายอนุทินกล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้เหมือนกลับมาอยู่ในจอเรดาร์ของนานาประเทศ ทำให้เห็นว่าในการประชุมมีการพูดถึงประเทศไทย และให้เกียรติประเทศไทยหลายด้าน มีการพบหารือทั้งในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหาแนวทางแสวงหาความร่วมมือและแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อกังวลของบางประเทศที่มีต่อไทย เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับเกาหลีใต้เรื่องปราบปรามสแกมเมอร์อย่างไร นายอนุทินตอบว่า ในรายละเอียดไม่ได้พูดกันถึงวิธีการ เกาหลีใต้เชิญชวนให้มีการร่วมมือเรื่องปราบปรามแก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เข้มข้นมากขึ้น ได้รับทาบทามจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทยขอเข้าพูดคุย ซึ่งไทยยินดีเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปราบปรามสแกมเมอร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจจริง และพร้อมจะเข้ามาปราบปรามให้สิ้นซากเร็วที่สุด ที่ผ่านมา ผบ.ตร.รายงานต่อเนื่องว่าได้ดำเนินคดียึดทรัพย์จับกุมรวมวงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาทแล้ว เมื่อ 2-3 วันได้เซ็นเพิกถอนสัญชาตินายลียง พัด ที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รายงานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและมีเครือข่ายที่เชื่อได้ว่าใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงินเซ็นเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯนายอนุทินยังกล่าวถึงการลงนามเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯว่า แรร์เอิร์ธเป็นแร่ธาตุหายาก เราอาจยังไม่ได้ลงไปดูเต็มที่ สหรัฐฯอยากขอมีส่วนร่วมเข้ามาพัฒนา ประเทศไทยเราต้องยินดี เพราะของที่เรามีอยู่แล้วยังไม่ได้พัฒนา องค์ความรู้ของเราไม่เพียงพอ ต้องแสวงหาเทคโนโลยีเข้ามา แต่เขียนไว้ชัดเจนในเอ็มโอยูว่า ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ความเป็นธรรม หลักธรรมาภิบาล และภายใต้กฎระเบียบ กฎหมายของไทย ไม่ผิดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นเงื่อนไขทั่วไปที่เรายอมรับได้ ส่วนที่หลายคนกังวล อย่าไปฟังแต่หัวข้อแล้ววิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว และไม่มีการจำกัด ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดโอกาสไปหาความร่วมมือกับประเทศอื่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็สามารถยกเลิกข้อสัญญานี้ได้เลย โดยไม่ต้องรับการยินยอมจากอีกฝ่าย เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง เหมือนเป็นการจุดประกายนำไปสู่การพูดคุยเรื่องอื่น สิ่งต่อไปที่เราจะพูดคุยกับสหรัฐฯ คือข้อตกลงทางการค้า ที่กระทรวงพาณิชย์กำลังเจรจากับทางสหรัฐฯอยู่ลั่นยังไม่มีกำหนดเปิดด่านตอนนี้นายอนุทินกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเปิดด่านจะเป็นเรื่องสุดท้ายของตน เมื่อสถานการณ์ที่อันตรายหมดไปแล้ว ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตของ 2 ประเทศ หวังว่าความเป็นปกติสุขจะเกิดขึ้น ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการเปิดด่านในวันที่ 1 พ.ย. ยืนยันว่า ยัง ไม่ทราบว่าใครไปกำหนดวัน แต่ทั้งหมดจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่ความจริงใจในการเร่งแก้ไขปัญหาของ 2 ประเทศ หากกัมพูชาดำเนินการไทยจะประเมินโดยเร็ว และตอบสนองในแต่ละเรื่อง โชคดีที่กรณีนี้ประเทศไทยสามารถอยู่ในสถานะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขได้ เพราะเราเป็นฝ่ายถูกรุกราน ดังนั้น เมื่อกำหนดเงื่อนไขแล้วและเขาทำตาม เราก็ต้องเร่งประเมินและทำให้ความขัดแย้งในทุกมิติลดลงไป กัมพูชาต้องดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างเป็นรูปธรรมก่อน ถึงจะมีการพิจารณาภารกิจอาเซียนวันที่ 2 แน่นเอี้ยดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายกฯยังมีภารกิจร่วมประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 5 ผลักดันการขยายผลประโยชน์ของความตกลงการค้าเสรี ให้เกิดผลเชิงรูปธรรมต่อภาคธุรกิจและประชาชน จากนั้นจะพบหารือกับรองประธานธนาคารโลก ก่อนเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 20 ซึ่งไทยจะร่วมผลักดันการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาระบบภูมิรัฐศาสตร์ที่สมดุลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังจากนั้นนายกฯมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และในเวลา 18.30 น. นายอนุทินจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 เพื่อหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จากนั้นจะหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่นายกฯมาเลเซียและภริยาเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำอาเซียนที่เข้าร่วมการประชุมจัดคิวต่อเนื่องบินร่วมวงเอเปกผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกสมัยที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย. 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะพิจารณาว่าจะไปร่วมประชุมด้วยตัวเองหรือไม่นั้น ล่าสุดนายอนุทินมีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมด้วยตัวเองปชน.จวก “อนุทิน” เบี้ยล่างสหรัฐฯด้านนายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถาม “กรณีเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธ ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ลงนามร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไทยได้อะไร” ว่า รัฐบาลยอมให้ประเทศเสียเปรียบขนาดนี้ได้อย่างไร ทำให้ไทยกลายเป็นแค่หมากในสงครามแรร์เอิร์ธระหว่างจีน-สหรัฐฯไปแล้ว เอ็มโอยูฉบับนี้ถูกบีบเอาไว้หลายประการ 1.ให้สิทธิสหรัฐฯมาวิเคราะห์การขยายพื้นที่ และพิกัดของแร่หายากในประเทศไทย 2.หากเจอพื้นที่แร่หายาก ต้องบอกสหรัฐฯให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และสหรัฐฯคาดหวังว่าจะได้โอกาสในการลงทุนก่อนเจ้าอื่น 3.กระบวนการอนุญาตต่างๆ จากผู้ลงทุนของสหรัฐฯ ทั้งจากกฎหมายระดับชาติ หรือท้องถิ่น ต้องถูกทำให้รวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น 4.แม้การยกเลิกเอ็มโอยูฉบับนี้ถูกระบุให้สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ระบุแนบท้ายไว้ด้วยว่า โครงการใดที่ตกลงกันแล้ว ก่อนยกเลิกให้ยึดถือการดำเนินการตามเอ็มโอยูฉบับนี้ต่อ แม้จะถูกยกเลิกไปแล้ว นี่ทรัพยากรของประเทศ ไม่ใช่สิ่งที่เอาไปต่อรองเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงอะไรแบบนี้ ผมไม่สามารถเชื่อได้เลยว่ารัฐบาลจะยอมเซ็นเอ็มโอยู ที่ประเทศไทยเสียเปรียบทุกทางแบบนี้ โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆเลย”ห่วงเอื้อประโยชน์พี่เบิ้มฝ่ายเดียวนายภัทรพงษ์ระบุอีกว่า “รัฐบาลทำพลาดมากหากจะอ้างว่าเอ็มโอยูผูกพันทั้ง 2 ฝ่ายเท่าๆกัน ในลักษณะที่ไม่ใช่สนธิสัญญา แต่อ่านถ้อยคำที่ระบุล้วนแต่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ฝ่ายไทยไม่สามารถไปลงทุนแรร์เอิร์ธในสหรัฐฯแน่นอน เพราะต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าหลายเท่า ผมไม่เห็นด้วยกับการลงนามเอ็มโอยูฉบับนี้ การเป็นรัฐบาลชั่วคราวก่อนยุบสภาต้องไม่พิจารณาการทำเหมืองแรร์เอิร์ธ และห้ามเปิดช่องให้สหรัฐฯใช้เอ็มโอยูฉบับนี้มาบีบให้ไทยต้องเปิดทางการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธให้กับสหรัฐฯ และเร่งการทำ domestic law ตามเอ็มโอยูให้เข้มขึ้น จากการออกกฎหมายลูกต่างๆ ตาม พ.ร.บ.แร่ให้เข้มงวด ในระหว่างที่รอการแก้พ.ร.บ.แร่ เพื่อเพิ่มความรัดกุมรอบด้าน ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของชาติ”มทภ.1 โต้เปิดด่านบ้านเขาดินไม่จริงวันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลอ้างทหารได้รับแจ้งให้เตรียมเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจุดผ่านถาวรบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ กองทัพภาคที่ 1 ขอเรียนชี้แจงว่า ไม่มีการสั่งการให้เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในความรับผิดชอบของกองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) ในพื้นที่ จ.สระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 ยังคงยึดถือปฏิบัติตามนโยบายการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบเช่นเดิม พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่ากระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตามที่นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนเขมรตีปี๊บถอนยุทโธปกรณ์อาวุธหนักช่วงเช้าวันเดียวกัน สื่อฝ่ายกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาได้เริ่มถอนอาวุธหนักและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างออกจากพื้นที่ชายแดนไปไว้ที่ จ.เสียมราฐ ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะสังเกตการณ์ของอาเซียน (AOT) หลังการลงนามร่วมในถ้อยแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ขณะที่กระทรวงต่างๆ และหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงเอกชนทุกภาคส่วนของกัมพูชา แสดงความยินดีต่อถ้อยแถลงร่วมครั้งนี้ เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาให้คืนสู่ภาวะปกติ และเปลี่ยนพื้นที่ขัดแย้งให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพ มิตรภาพและความร่วมมือต่อไปวุฒิขยายเวลา กมธ.ศึกษาเอ็มโอยูที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานความคืบหน้าการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 ที่มีนายนพดล อินนา สว. เป็นประธาน นายคำนูณ สิทธิสมาน ที่ปรึกษา กมธ. ชี้แจงรายงานว่า จากการตรวจสอบรายละเอียดที่มาเอ็มโอยู 2543 พบมีความเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มติ ครม. และบันทึกการประชุมเจบีซี ครั้งที่ 2 เอ ปี 2543 เนื่องจากมีข้อกำหนดกระบวนการจัดทำเอ็มโอยู 2543 ต้องส่งให้ ครม. เห็นชอบ แต่ตรวจสอบไม่พบมีการเสนอให้ ครม.เห็นชอบ มีเพียงเสนอให้รับทราบเท่านั้น เกรงจะขัดต่อกฎหมาย จำเป็นต้องเสนอรายงานเบื้องต้นนี้ให้ ครม.พิจารณาต่อไป ขณะที่เอ็มโอยู 2544 กมธ.ตรวจสอบพบว่าค่อนข้างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้ขยายเวลาการศึกษาออกไปเป็นกรณีพิเศษอีก 90 วัน ตามที่ กมธ.เสนอ“สมคิด” หนุน “จาตุรนต์” หัวหน้า พท.ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการเตรียมสรรหาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ว่า ที่ผ่านมามีผู้เสนอชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่หลายชื่อ หนึ่งในนั้นคือนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ มองว่านายจาตุรนต์เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน มีประสบการณ์การเมือง มีความเป็นผู้นำ เป็นคนคิดอะไรตรงไปตรงมา เป็นนักการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจน เดินในแนวทางประชาธิปไตยมาตลอดชีวิตการเมือง เป็นสิ่งที่จับต้องได้ รวมทั้งเป็นคนมีความรู้ความสามารถไม่เป็นสองรองใคร แต่ยังไม่ได้คุยกับนายจาตุรนต์ ไม่ได้ปรึกษาใครในพรรค ถือเป็นความเห็นสมาชิกพรรคคนหนึ่ง มั่นใจว่านายจาตุรนต์จะฉายแสงของตัวเองออกมา แต่เป็นเพียงเสียงเล็กๆ ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน“วรชัย” ชมเปาะนักประชาธิปไตยนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมาจากรากเหง้าพรรคไทยรักไทย ยืนหยัดต่อสู่กับอำนาจเผด็จการและอำนาจ นิยมมาตลอด มาวันนี้แม้บางครั้งถูกมองว่าจุดยืนเปลี่ยนไปบ้าง แต่พรรคเพื่อไทยยังคงยืนหยัดสู้กับอำนาจนิยม เมื่อถึงวาระต้องเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ มองว่าคนที่เหมาะสมคือนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ยืนอยู่กับพรรคจนถึงวันนี้ มองว่าสถานการณ์ในวันนี้ นายจาตุรนต์สามารถเชื่อมคนรักประชาธิปไตยกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างแนบเนียน เหมาะสมกับการนำพรรคเพื่อไทยในสถานการณ์นี้ หวังว่าคนในพรรคทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่จะประสานกันเลือกนายจาตุรนต์มานำพรรคต่อไป“ชาดา” แซะยื่นซักฟอกเกมการเมืองนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทำให้อาจมีการยุบสภาภายในปลายปีนี้ว่า เป็นเกมการเมือง ประชาชนดูอยู่จะเป็นการอาฆาตไปหรือไม่ เพราะรัฐบาลนี้เพิ่งทำงาน มีผลงานมากมายยังไม่มีอะไรบกพร่อง แต่เป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านและอยู่ที่ประชาชนยอมรับหรือไม่ ส่วนการยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯคนเดียว ส่วนผู้ที่จะยื่นซักฟอกเพิ่งลุกจากโคลนมาแป๊บๆ ถ้าคิดว่าตัวท่านเกลี้ยงก็ว่าไป เมื่อถามว่าอาจถูกอภิปรายประเด็นนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง นายชาดาตอบว่า นายวรภัคแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมืองโดยการลาออกไม่ยึดติดกับอะไร ถือว่าต้องชื่นชม จะผิดจะถูกไม่ทราบ แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมคือท่านมีสปิริตที่ไม่มีในนักการเมืองทั่วไป ที่ยิ่งถ้าผิดก็ยิ่งกั๊กรักษาอำนาจ จนบางคนพรรคต้องบีบให้ออก อยากให้สังคมและสื่อมวลชนนึกว่าวันนี้มีนักการเมืองที่แสดงสปิริตแล้ว เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากกว่า“ธรรมนัส” รู้จัก “เบน สมิท” ผิดหรือผู้สื่อข่าวถามว่ายังมีรัฐมนตรีอีกคนที่มีข้อครหาคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายชาดาตอบว่า ร.อ.ธรรมนัสโดนอภิปรายมาหลายครั้งแล้ว ถ้าผิดคงไปแล้ว กรณีเรื่องมูลนิธิต้องให้ความเป็นธรรมกับ “กัน จอมพลัง” ด้วย คนที่จะจดทะเบียนมูลนิธิจะให้ใครก็ต้องนึก มองในมุมของคนที่เคยทำงานมูลนิธิมารู้สภาพการทำงาน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เมื่อถามว่ากรณี ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เกี่ยวกับ “กัน จอมพลัง” โดยตรง แต่เกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ นายชาดาตอบว่าไม่รู้จักนายเบนจามิน แต่นายเบนจามิน รู้จักคนเยอะทั้งในไทยและกัมพูชา ถามว่าแค่รู้จักผิดแล้วหรือ ร.อ.ธรรมนัสไปรู้จักนายเบนจามินไม่ใช่เรื่องเสียหาย เมื่อถามย้ำว่าแต่คนไม่เชื่อมั่นเรื่องการตั้ง ร.อ.ธรรมนัสมาเป็นประธานปราบแก๊งสแกมเมอร์ นายชาดาย้อนถามว่า “ใครตั้ง รัฐบาลตั้งหรือ ไม่ทราบจริงๆก็ทำไม ถ้าคุณเข้าใจแบบนั้น ทำไมคุณไม่เข้าใจว่า เอาโจรไปปราบโจรดีไหมล่ะ ขอให้คุณธรรมนัสรู้เรื่องจริงเถอะ ผมว่าเขาต้องทำได้”ชายพิการปรี่หา “อิ๊งค์” ทวงชดเชยช่วงสายที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เป็นตัวแทนครอบครัวเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อมาถึงได้เดินตรงไปทักทายกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีชายสูงวัยที่มีบัตรผู้พิการตลอดชีวิตได้รับบาดเจ็บจากการร่วมชุมนุมถูกยิงบริเวณแขน ตรงปรี่เข้าไปหา น.ส.แพทองธารเพื่อติดตามรับความช่วยเหลือเงินเยียวยาหลักแสนบาท หลังจากที่เคยไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ในสมัย น.ส.แพทองธารดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม แต่มีเพียงการรับเรื่องไว้ของเจ้าหน้าที่กระทรวง จนถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า ซึ่ง น.ส.แพทองธารรับฟังเรื่องร้องเรียนก่อนมอบหมายให้ทีมงานรับเรื่องร้องทุกข์ไว้“ทักษิณ” เสียดายอดกราบ “พระพันปี”ต่อมา น.ส.แพทองธารเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้นๆ หลังเข้าเยี่ยมว่าเรื่องสุขภาพคุณพ่อถือว่าดี มีอาการเครียดบ้าง คุณพ่อบอกว่าเสียใจที่ไม่มีโอกาสไปกราบพระบรมศพ เพราะคุณพ่อเคยถวายงานรับใช้หลายปี คุณพ่อฝากมาแบบนี้ ทั้งนี้ในส่วนของการพูดคุยเรื่องรายละเอียดการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ มีพูดรายละเอียดกันภายในครอบครัว ก่อนจะย้ำว่า “เสียดาย” พร้อมเดินขึ้นรถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางออกไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่