พสกนิกรไทยทั้งในประเทศและทั่วโลก พร้อมใจน้อมถวายความอาลัยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวดมนต์ตั้งจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศล ด้านกระทรวงวัฒนธรรมเตรียม บูรณะราชรถ พระยานมาศ พร้อมจัดงานทุกอย่างถูกต้องตามโบราณราชประเพณี มีความสง่างามสมพระเกียรติ อธิบดีกรมศิลปากรคาดได้แบบก่อสร้างพระเมรุมาศในเวลา 2-3 เดือน แล้วก่อสร้างเสร็จไม่เกิน 1 ปี โดยคณะทำงานเป็นชุดเดียวกับที่จัดสร้างพระเมรุฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อให้สมพระเกียรติสูงสุด ส่วนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ยืนยันจัดแสดง “โขน” ตามเดิม แต่ปรับบทเป็นถวายความอาลัย พร้อมเชิญชวนรับเสด็จในหลวง-พระราชินี เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดง วันที่ 2 พ.ย. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยพสกนิกรไทยและทั่วโลกพร้อมใจน้อมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ การสวดพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาและดุอาร์ ถวายเป็นพระราชกุศลทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพฯ เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 27 ต.ค. พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราช กุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระ บรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน ทรงรอรับเสด็จ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวังครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังมุขหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก แล้วประทับพระราชอาสน์เมื่อพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทอดผ้าไตรพระราชาคณะ 1 รูปที่ถวายอดิเรก และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 8 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าพระโกศ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละออง ธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราช ดำเนินกลับกรมสมเด็จพระเทพฯเสด็จฯเช้าทั้งนี้ ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมประจำทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้า วันละ 8 รูป เพลวันละ 8 รูป และประโคมย่ำยามกำหนด 100 วันนั้น เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 27 ต.ค. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทพระบรมมหาราชวังทรงน้อมรำลึกถึงพระพันปีหลวงนอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.25 น.วันที่ 26 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า สิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนพระองค์ HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya รำลึกถึงสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “สมเด็จย่า” ความว่า “หลานจ๊ะ” เป็นพระสุรเสียงที่ก้องอยู่ในใจหลานเสมอ ทรงแนะนำกับผู้คนที่มาเฝ้าว่า “นี่หลานฉัน...หลานสิริวัณวรี” ชื่อสิริวัณวรี (เดิม) เป็นชื่อที่ทรงเลือกพระราชทานด้วยพระองค์เอง พระนามนี้เหมือนเปลี่ยนชีวิตหลานให้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทรงเลี้ยง อบรม สั่งสอนหลานเปรียบเสมือนแม่ ทรงส่งเข้านอน พาสวดมนต์ด้วยกัน สอนในเรื่องกิริยา มารยาทไทย และแบบสากล สอนประวัติศาสตร์ และมีเรื่องเล่าสนุกมากมาย ทรงให้ความเมตตาหลานเสมอ หลานมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร่วมกิจกรรมกับสมเด็จย่าในทุกโมเม้นท์ ตามเสด็จไปว่ายน้ำที่หัวหิน ทรงสอนหลานว่ายน้ำ ซึ่งท่านโปรดทะเลมากความทรงจำครั้งตามเสด็จถิ่นกันดารอีกหนึ่งความทรงจำ คือการได้ตามเสด็จสมเด็จย่าไปตามที่ต่างๆ เหนือ อีสาน ใต้ ในช่วงเวลาตอนปิดเทอม ที่เด็กๆหลายคนจะได้ไปเที่ยวเล่น เรียนพิเศษ แต่หลานรู้สึกว่าการได้ตามเสด็จสมเด็จย่าไปตามถิ่นทุรกันดาร นับเป็นการฝึกงานแบบไม่รู้ตัว ได้ซึมซับการทรงงานในแบบวิธีของท่าน และท่านจะมีวิธีการสอนหลานในแบบประสบการณ์จริง ให้ไปพูดคุยกับชาวบ้าน ลงมือทำเอง ได้เรียนรู้ เรื่องต่างๆอย่าง ใกล้ชิด เกิดการซึมซับทำให้อยากเรียนรู้ อยากทำต่อไปสมเด็จย่าทรงเป็นแรงบันดาลใจจุดที่อยากเป็นนักออกแบบและเรียนศิลปะ ก็เพราะมีสมเด็จย่าเป็นแรงบันดาลใจ รวมถึงการเรียนภาษาฝรั่งเศส ด้วยความคิดที่ว่าอยากรู้ว่าปู่กับย่าคุยอะไรกัน สมเด็จย่าส่งเสริมให้เรียนรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม ให้เรียนรู้ดนตรีไทย ดนตรีสากล ทรงให้กำลังใจและตรัสชมการแสดงของหลานทุกครั้ง ทั้งๆที่ก็ดีบ้าง ไม่ดีบ้างทรงให้ข้อคิดก่อนไปเรียนต่อจำได้ว่า 7 โมงเช้าของวันหนึ่ง หลานได้ไปทูลลาสมเด็จย่าก่อนไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ท่านทรงให้ข้อคิดที่มีค่ามาก ทรงเน้นย้ำเรื่องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย การไปเรียนเมืองนอกแต่อย่าลืมความเป็นไทย นำส่วนดีของเขาเอามาปรับใช้ ท่านทรงเล่าให้ฟังว่าในยุคของท่านท่านมีวิธีการศึกษาอย่างไร ท่านไม่ได้สอนตรงๆ แต่เป็นการสอนให้หลานรู้จักหาวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองและต้องรู้อย่างถ่องแท้ทรงรับสานต่องานสมเด็จย่าเมื่อมาถึงวันนี้ หลานก็ไม่เคยคิดเลยว่าหลานจะทำได้ ทรงสอนให้มีความเข้มแข็ง อดทน มุ่งมั่น และมีเมตตา ท่านมักจะตรัสชมประชาชนของท่านอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งที่หลานจำฝังใจคือ สิ่งที่สมเด็จย่า ตรัสว่าคนไทยมีเลือดศิลปินอยู่ในตัว ต่อให้เขาเป็นชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร เมื่อได้รับการฝึกฝนทางศิลปะเข้าก็สามารถสร้างสรรค์งานได้อย่างงดงาม สำหรับหลาน สมเด็จย่าจะไม่มีวันจากลาไปไหน ทุกสิ่งที่ท่านทรงห่วง ทุกสิ่งที่ท่านทรงรัก หลานจะเป็นธุระสานต่อให้ตลอดไปคณะทูตร่วมถวายความอาลัยส่วนตามที่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ของทุกวัน ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง โดยวันที่ 27 ต.ค.เป็นวันแรก ปรากฏว่าตลอดทั้งวัน มีบุคคลสำคัญ สมาชิกราชสกุล ทูตานุทูต และประชาชนจากทั่วสารทิศจำนวนมากแต่งกายไว้ทุกข์เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ ด้วยความอาลัยและจงรักภักดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ ราชสกุลบุรฉัตร ราชสกุลมาลากุล ราชสกุลสายสั่น คุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ รวมถึงเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรเบลเยียม ราชอาณาจักรนอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา ซาอุดีอาระเบีย และสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ฯลฯกทม.พร้อมอำนวยความสะดวกทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกประชาชน ด้วยการตั้งจุดคัดกรอง และจุดพักคอยที่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งถนนหน้าพระธาตุ เมื่อประชาชนมาถึงบริเวณท้องสนามหลวง ให้ไปผ่านจุดคัดกรอง จุดตรวจเครื่องสแกน แล้วมานั่งรอที่เต็นท์ ที่มีการจัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้นั่งพัก จากนั้นเจ้าหน้าที่จิตอาสาจะพาลงไปที่อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณทางเข้าที่ 1 ซึ่งภายในอุโมงค์จะมีเก้าอี้ไว้บริการและมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบเรื่องการแต่งกายให้มีความพร้อม โดยผู้ชายสวมเสื้อสีดำกางเกงขายาวรองเท้าหุ้มส้น แต่งกายด้วยชุดไว้ทุกข์สุภาพสีดำ ส่วนผู้หญิงต้องสวมกระโปรงยาวคลุมเข่าหรือสวมผ้าถุงสีดำ และสวมใส่รองเท้าหุ้มส้นเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่จัดคิวให้ประชาชนเข้าสักการะภายในพระบรมมหาราชวัง ครั้งละ 20 คนตรวจเข้มก่อนเข้าถวายสักการะจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พามาที่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ และต้องตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ และผ่านเข้าเครื่องสแกนเพื่อถ่ายรูปหน้าเครื่องสแกน เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะพามานั่งรอบริเวณเต็นท์ด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคม และเจ้าหน้าที่พาเข้าไปทีละชุด เพื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก่อนจะลงนามถวายความอาลัย และเมื่อถวายสักการะ และลงนามแล้วเสร็จจะต้องออกประตูอีกทางหนึ่ง และเดินตามทางออกนอกพระบรมมหาราชวังที่บริเวณประตูวิมานเทเวศร์แนะนำมารถสาธารณะส่วนการเดินทางมานั้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ประชาชนสามารถเดินทางมาได้ทั้งทางเรือ ทางรถโดยสารสาธารณะ แนะนำให้ประชาชนเดินทางด้วยรถสาธารณะ แม้ว่าจะมีการจัดเตรียมที่จอดรถส่วนบุคคลไว้ให้ แต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีประชาชนทยอยเดินทางเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีจิตอาสามาดูแลความเรียบร้อยอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเก็บขยะมีบริการรถสุขาเคลื่อนที่ของกรุงเทพมหานครไว้บริการพี่น้องประชาชนบริเวณท้องสนามหลวงจัดเต็นท์–สุขารอบสนามหลวงด้านนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของ กทม. เปิดเผยว่า กทม.เตรียมการดูแลและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะเดินทางมา อาทิ การตั้งเต็นท์พักคอย การจัดจุดประชาสัมพันธ์ข้อมูล จุดแจกจ่ายน้ำดื่มและอาหาร จุดดูแลความปลอดภัย จุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้เจ็บป่วย รถสุขาเคลื่อนที่ จัดการจราจร จัดรถ Shuttle Bus รับ-ส่ง พร้อมสนับสนุนน้ำประปา และรถสุขาติดตั้ง ด้วยการติดตั้งถังประปา ขนาด 1,000 ลิตร บริเวณโรงครัวพระราชทาน จำนวน 12 ใบ และบริเวณโรงครัวบ้านอิ่มใจ 4 ใบ รวม 16 ใบ ตั้งตู้สุขาลากจูง ภายในพระบรมมหาราชวัง จำนวน 2 ตู้ ติดตั้งรถสุขาเคลื่อนที่ภายในและพื้นที่รอบสนามหลวง จำนวน 9 คัน ประกอบด้วย ฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุ 4 คัน จุดหับเผย จำนวน 2 คัน จุดพระแม่ธรณี 3 คัน รถสูบสิ่งปฏิกูล จำนวน 2 คัน รถบรรทุกสิ่งปฏิกูล จำนวน 2 คัน รถบรรทุกน้ำเติมน้ำในรถสุขา จำนวน 2 คัน รวมถึงมีการจัดรถน้ำดื่ม จำนวน 2 คัน บริเวณเต็นท์พักคอย ด้านฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดรถช่างซ่อมบำรุง 1 คัน และเจ้าหน้าที่ รวม 50 คน สแตนด์บายเตรียมพร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวก นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 27-30 ต.ค.ได้จัดทีมปฐมพยาบาลเคลื่อนที่ 3 จุด ได้แก่ อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณโรงครัวพระราชทาน และจุดพักคอยประชาชน กทม.ตั้ง ศปพ.ดูแลทุกภาคส่วนส่วนที่ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล เช้าวันเดียวกัน นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สปน. เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ว่านายกฯได้สั่งการให้จัดงานอย่างสมพระเกียรติมากที่สุด จึงได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมทุกฝ่าย มีการตั้งคณะกรรมการทั้ง 8 คณะขึ้นมาแล้ว ยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (ศปพ.) เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยทั้งส่วนงานราชการและภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะประชาชนที่อยากจะเข้ามามีส่วนร่วม นายกฯเน้นย้ำเสมอว่าขอให้ดูแลการจัดงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมกันนี้ยังเป็นการประชุมเตรียมความพร้อมจัดพิธีทำบุญครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัณรสมวาร (15 วัน) ปัญญสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ด้วยจัดงานอย่างสมพระเกียรติขณะที่ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมการดำเนินงานของกรมศิลปากรในส่วนที่ได้รับมอบหมายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ที่พิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ พระนคร ว่า กรมศิลปากร รายงานการมอบหมายภารกิจให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่การออกแบบและจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ดำเนินการโดยสำนักสถาปัตยกรรม การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ พระยาน มาศ โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ การจัดสร้างเครื่องประกอบพระเมรุมาศ และเครื่องสังเค็ด ดำเนินการโดยสำนักช่างสิบหมู่ การประโคมในพระราชพิธีสวดพระอภิธรรมและการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ ตลอดระยะเวลาการจัดงานพระราชพิธี ดำเนินการโดยสำนักการสังคีต และการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุงานพระบรมศพงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดำเนินการโดยสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามโบราณราชประเพณี มีความสง่างามสมพระเกียรติในฐานะแม่แห่งแผ่นดินบูรณะราชรถเสร็จไม่เกิน 1 ปีรมว.วธ.ยังกล่าวถึงการสำรวจตรวจสอบสภาพราชรถ ราชยาน ให้มีการเตรียมการอนุรักษ์บูรณะ ซ่อมแซม และตกแต่งให้งดงามสมพระเกียรติ โดยนักวิทยาศาสตร์ ภัณฑารักษ์ และช่างสิบหมู่ คาดว่าจะดำเนินการบูรณะราชรถ ราชยาน คานหามทุกองค์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยหลังจากวันนี้จะได้ขอฤกษ์วันทำพิธีบวงสรวงราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระเกียรติยศ เพื่อเริ่มงานบูรณะราชรถตามขนบธรรมเนียมประเพณีต่อไป ขณะเดียวกันจะปิดให้บริการเข้าชมโรงราชรถตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมเป็นต้นไป จนกว่าการพระราชพิธีจะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมศิลปากรจะร่างแบบพระเมรุมาศและจะมีการประชุมการเตรียมความพร้อมทุกสัปดาห์ ซึ่งได้เน้นย้ำให้บุคลากรเตรียมความพร้อม หากขาดสิ่งใดขอให้นำเสนอมา ซึ่งจะหารือกับรัฐบาล เพื่อขอจัดสรรงบประมาณเพื่อให้การดำเนินการสมพระเกียรติอย่างสูงสุดปรับรูปแบบงานลอยกระทงน.ส.ซาบีดากล่าวอีกว่า สำหรับการจัดงานเทศกาลลอยกระทงในปีนี้ ยังคงจัดงานประเพณีได้ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนภายใต้แนวคิด ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัย พระแม่แห่งแผ่นดิน จะมีการลอยกระทงและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง จะเชิดชูพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะที่พระองค์ได้ทรงริเริ่มให้มีการฟื้นฟูชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ และขอเชิญชวนให้คนไทยสวมใส่ อย่างไรก็ตาม การจัดงานในส่วนของ วธ. ขอให้มีการควบคุมโทนแสง คุมเสียง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหน่วยงานที่จัดงานเพื่อให้มีความเหมาะสมมากที่สุด ขณะที่การแสดงของศิลปินพื้นบ้าน นาฏศิลป์ ดนตรี ที่เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมสามารถจัดแสดงได้2–3 เดือนได้แบบก่อสร้างพระเมรุฯด้านนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแบบร่างพระเมรุมาศเพื่อนำเสนอองค์ที่ปรึกษา ทรงมีพระราชวินิจฉัย ก่อนจะนำไปพัฒนาเพื่อเขียนแบบก่อสร้างจริงต่อไป ในขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน หลังจากแบบก่อสร้างแล้วเสร็จ จะนำไปสู่การประมาณราคาและเสนอของบประมาณไปยังรัฐบาล คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างไม่เกิน 1 ปี อาคารประกอบ อาทิ พระที่นั่งทรงธรรม ศาลา ลูกขุน ได้ใช้การออกแบบจากข้อมูลเดิม เพราะโครงสร้างต่างๆไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งสำคัญคณะทำงานไม่ว่าจะเป็นมัณฑนากร สถาปนิก ประติมากร จิตรกร นายช่างศิลปกรรม เป็นชุดเดียวกับเมื่อครั้งการจัดสร้างพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งหมดนี้กรมศิลปากรจะทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างเพื่อให้การดำเนินการสมพระเกียรติสูงสุดจัดโขนถวายความอาลัย นางนฤมล ล้อมทอง กรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กล่าวว่า มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ยังมีการจัดแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” แต่จะปรับบทถวายพระพร เป็นบทถวายความอาลัยแด่สมเด็จฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่วนเนื้อเรื่องการแสดงยังคงดำเนินต่อไปเช่นเดิม โดยในวันที่ 28 ต.ค.นี้ เวลา 09.09 น. มีพิธีบวงสรวงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ โดย พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เป็นประธาน ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สำหรับการชมการแสดงทุกรอบ ขอความร่วมมือผู้ชมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ ทั้งนี้ ในวันที่ 2 พ.ย.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จ พระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดง ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยขอให้ผู้ที่มาชมในรอบนี้แต่งกายให้เหมาะสม โดยผู้ชายสวมใส่สูทสากลสีดำ ผูกไทดำ และสวมปลอกแขนทุกข์ ส่วนผู้หญิงให้สวมใส่ชุดไทยจิตรลดาสีดำ3 ศาสนาในกุสินาราจัดสวดมนต์ที่ลานพระบรมรูป ร.9 วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย เวลา 09.00 น. พระราชโพธิวิเทศวัชรมุนี วิ. (สมพงศ์ ดร.) เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เลขานุการพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล มอบหมายให้ พระโพธิวิเทศวชิรสิริ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นาย Rajanikant Mani Tripathi สส.จังหวัดกุศินาคาร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำนานาชาติ 3 ศาสนา จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ สวดพระอภิธรรม เจริญจิตตภาวนา ทอดผ้าไตรบังสุกุล เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีพระสงฆ์นานาชาติ เจ้าอาวาส 9 ชาติ ไทย พม่า อินเดีย กัมพูชา ศรีลังกา ธิเบต ภูฏาน เวียดนาม เนปาล ทั้งผู้นำศาสนาต่างๆ พุทธ พราหมณ์-ฮินดู อิสลาม ร่วมในพิธี ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ที่มีต่อประชาชนชาวเมืองกุสินารา และวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีของไทย และในฐานะคู่พระราชหฤทัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กล่าวคือทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจทั้งหลายไปได้เป็นอันมาก ทั้งยังมีพระราชดำริเริ่มใหม่เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศอย่างอเนกอนันต์ โครงการพระราชดำริเหล่านั้นได้ยังประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชนสืบมาจนทุกวันนี้“ฟีฟ่า” ลดธงร่วมถวายอาลัยขณะเดียวกันสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และสมาคมสมาชิกทั้ง 211 ประเทศ ถึงการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ก่อนที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จะร่วมแสดงความอาลัยต่อเหตุการณ์โศกเศร้าของประเทศไทย และปวงชนชาวไทยในครั้งนี้ ด้วยการลดธงชาติไทยรวมถึงธงของสหพันธ์ฟุตบอลและสมาพันธ์ฟุตบอลทั้ง 6 องค์กร ลงครึ่งเสา โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำโดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และคณะผู้บริหารทั้งหมด ได้ขอบคุณสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่นำโดยจานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ด้วยใจจริง ต่อการแสดงออกถึงความอาลัย พร้อมกันนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่