แผ่นดินร่ำไห้ สำนักพระราชวังประกาศกลางดึก “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” สวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาฯ วันศุกร์ 24 ต.ค.68 เวลา 21.21 น. ด้วยพระอาการสงบ พระชนมพรรษา 93 พรรษา “ในหลวง” โปรดเกล้าฯจัดการพระบรมศพถวายพระเกียรติยศสูงสุด ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิต มหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง “นายกฯ” แถลง เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศ เชิญชวนปวงชน ชาวไทยร่วมถวายความอาลัย พร้อมให้กำลังพระราชหฤทัยในหลวง-พระบรมวงศานุวงศ์ “กรมศิลป์” เรียกประชุมทีมงานออกแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ และซ่อมแซมราชรถ-ราชยาน ตามโบราณราชประเพณี ด้านสื่อทั่วโลกรายงานข่าวสวรรคต เทิดพระเกียรติ “พระมารดาแห่งชาติ” ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมและ เป็นแรงบันดาลใจให้ประชาชนชาวไทยและนานาชาติดวงใจแตกสลายทั้งแผ่นดิน หลังสำนักพระราชวังออกประกาศผ่านสื่อโซเชียลกลางดึก “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต” สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้พสกนิกรไทยทั่วประเทศ หลั่งน้ำตาร่ำไห้อาลัยรักต่อพระองค์ท่าน และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยตลอดพระชนม์ชีพทรงทุ่มเทประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เสด็จพระราชดำเนินเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปยังทุกท้องถิ่นทุรกันดาร ทรงงานหนักด้วยพระวิริยะอุตสาหะและพระเมตตา สร้างประโยชน์สุขแก่ราษฎรผู้ยากไร้ให้อยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทรงงานศิลปาชีพพิเศษอย่างมิทรงเห็นแก่ความทุกข์ยากเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย เป็นภาพตราตรึงอยู่ในหัวใจคนไทยไม่เสื่อมคลายสมเด็จพระพันปีฯ สวรรคตเหตุการณ์สำคัญที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ชาติไทย วันที่สูญเสีย “แม่แห่งแผ่นดิน” ครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 ต.ค. สำนักพระราชวังได้ประกาศ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต” ความว่า ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่างๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้นติดเชื้อในกระแสพระโลหิตในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปกติทางระบบต่างๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93ราชสำนักกำหนดไว้ทุกข์ 1 ปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระบรมศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม 2568เส้นทางเคลื่อนพระบรมศพสำนักพระราชวังแจ้งว่าจะเคลื่อนพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระบรมมหาราชวัง ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม2568 เวลา 16.00 น. กำหนดเส้นทางขบวนอัญเชิญพระบรมศพออกจาก รพ.จุฬาฯ เข้าสู่ถนนอังรีดูนังต์ เลี้ยวขวาออกถนนพระรามสี่ ผ่านแยกสามย่าน เข้าสู่ถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีอยุธยา ผ่านอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เข้าสู่ถนนราชดำเนิน และถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวเข้าประตูวิเศษไชยชัยศรี พระบรมมหาราชวัง จากนั้นรถเชิญพระบรมศพ เข้าเทียบพระที่นั่งพิมานรัตยา เสร็จแล้วเจ้าพนักงานเชิญพระบรมศพขึ้นสู่พระแท่นสรงพระบรมศพ บนพระที่นั่งพิมานรัตยา เมื่อสิ้นพระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ เจ้าพนักงานเชิญพระบรมศพประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเศวตฉัตร 9 ชั้นกางกั้นพระโกศสำนักพระราชวังเผยแพร่หมายกำหนดการ พระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 17.00 น. พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระบรมมหาราชวัง ถวายน้ำสรงพระบรมศพ เสร็จแล้วเจ้าพนักงานเชิญพระบรมศพลงสู่พระหีบ ทหารเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์เชิญไปประดิษฐานหลังพระแท่นสุวรรณเบญจดล ประกอบพระโกศทองใหญ่ ภายใต้พระเศวตฉัตร 9 ชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องสูง หักทองขวางมีชุมสาย ฉัตร 5 ชั้น บังแทรก ต้นไม้ทองเงิน ณ มุกตะวันตก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทโปรดให้สวดพระอภิธรรม 100 วันจากนั้นทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ กราบถวายพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร และทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ 93 รูป สดัปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนที่พระแท่นเตียงพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมด้านตะวันออกและตะวันตก แล้วเสด็จ พระราชดำเนินกลับ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ประจำทั้งกลางวันกลางคืน รับพระราชทานฉันเช้าวันละ 8 รูป เพลวันละ 8 รูป และประโคมย่ำยาม กำหนด 100 วันประชาชนร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพสำนักพระราชวังเปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมหาราชวัง ในวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. “อนุทิน” แถลงชาติสูญเสียยิ่งใหญ่เวลา 15.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายก รัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต มีใจความสำคัญว่า วันที่ 24 ต.ค.2568 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยไม่ปรารถนาให้มาถึง เพราะมีความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ เมื่อทราบจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จสวรรคต ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย “แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย”ทรงงานหนักตลอดพระชนม์ชีพนายอนุทินกล่าวว่า พระองค์ท่านทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ทั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์ที่สุดแสนประเสริฐ สมดั่งพระราชอิสริยยศที่ “สมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง” ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปรีชาและพระวิริยอุตสาหะมาตลอดรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โครงการในพระราชดำริ ทั้งด้านศิลปาชีพ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสาธารณสุข ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีของราชอาณาจักรไทยที่เป็นความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทย และเป็นที่ยอมรับ ชื่นชมในพระปรีชาสามารถจากนานาอารยประเทศจัดงานพระบรมศพสมพระเกียรติ นายอนุทินกล่าวว่า ในการนี้ รัฐบาลจะดำเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมใจแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความ จงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ“ในนามรัฐบาลและพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และขอตั้งจิตอธิษฐานขอส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงสถิตสถาพรในทิพยวิมาน และขอให้ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมให้ราชอาณาจักรไทย และปวงชนชาวไทย ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านให้มีความผาสุกร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ดังที่เคยเป็นตลอดมา ท้ายที่สุดนี้ ในนามของพสกนิกรชาวไทย ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระราชหฤทัยที่เข้มแข็ง สถิตเป็นมิ่งขวัญ ปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ และราชอาณาจักรไทยให้มีความสุขสวัสดิ์สถาพรตลอดกาลนาน” นายกรัฐมนตรีกล่าว“พระสังฆราช” ถวายพระกุศล เพจเฟซบุ๊กสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเผยแพร่ภาพและข้อความว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิต มหาสีมาราม ทรงบำเพ็ญพระกุศลทรงสังฆทานอุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นธรรมราชินี ผู้พระราชทานพระบรมราชินูปถัมภ์แก่คณะสงฆ์ และกิจการพระพุทธศาสนามายาวนานตลอดพระชนม์ชีพ ได้เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และพระราชทานจตุปัจจัยทำนุบำรุงคณะสงฆ์และวัดราชบพิธฯเป็นเนืองนิตย์ เช่น พระราชทานพระราชทรัพย์ก่อตั้งทุน “นิธิกิติยากรศาสนูปถัมภ์” ไว้ในนิธิวัดราชบพิธฯ นำดอกผลบำรุงภิกษุสามเณรด้วยปัจจัยสี่และเป็นคิลานปัจจัยสำหรับภิกษุสามเณรอาพาธกรมศิลป์เตรียมสร้างพระเมรุนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จะประชุมผู้เกี่ยวข้องของกรมศิลปากร ในวันที่ 26 ต.ค. เพื่อออกแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ เน้นความงดงาม สง่างาม ตามโบราณราชประเพณี และเตรียมบูรณะราชรถ ราชยาน เพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รวมทั้งงานหนังสือจดหมายเหตุ จะจดบันทึกเหตุการณ์ ตั้งแต่มีประกาศจากสำนักพระราชวังเรื่องสวรรคต กรมศิลปากรมีบุคลากรที่เคยถวายงานพระเมรุมาศมาหลายยุคสมัย แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ยังเป็นที่ปรึกษาของกรมศิลปากร จะทำงานร่วมกับ บุคลากรของสำนักช่างสิบหมู่ สำนักสถาปัตยกรรม สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และสำนักพิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ มั่นใจว่าการดำเนินงานจะเป็นไปตามโบราณราชประเพณีและอนุรักษ์ศิลปกรรมไทยไว้อย่างดีที่สุดทูลกระหม่อมโพสต์ลาสมเด็จแม่ขณะเดียวกัน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์อินสตาแกรม ถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ความว่า “กราบบังคมทูลลาสมเด็จแม่เพคะ ด้วยความรักและคิดถึง #สถิตในดวงใจนิรันดร์” พร้อมกับพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงกอดพระฉายาลักษณ์อาลัยร่ำไห้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากสวมชุดดำ-ขาว ทยอยมารวมตัวที่หน้าอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อแสดงความอาลัย ภายหลังทราบข่าว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เวลา 21.21 น. บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า หลายคนอัญเชิญพระฉายา ลักษณ์มากอดไว้แนบอก พร้อมหลั่งน้ำตาร่ำไห้อาลัยด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ท่ามกลางสภาพอากาศท้องฟ้าครึ้ม หม่นหมองซาบซึ้งทรงให้กำลังใจเกษตรกรนายศุภณัฐ ดิษยนุกูล ภัสสร อาจารย์ ร.ร.นานาชาติโชรส์เบอรี่ กล่าวว่า ทราบข่าวเมื่อคืนแต่ไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง รีบเดินทางมาฟังข่าวที่ รพ.จุฬาฯ ตั้งแต่ตีสอง และนำภาพเมื่อครั้งคุณทวด เคยเฝ้าฯรับเสด็จ และนำผลไม้ที่ปลูกเองจากสวนทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสเสด็จเยี่ยมราษฎรที่ จ.สุโขทัย หลายครั้ง คุณตาเล่าว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงจำคุณทวดได้เพราะมาเฝ้าฯรับเสด็จเสมอ ครั้งนั้นเสด็จเยี่ยมสวนผลไม้คุณทวด ทรงเป็นกำลังใจให้เกษตรกรและเป็นที่มาของภาพถ่ายที่ตนนำมาในวันนี้ อยากมาส่งเสด็จในฐานะตัวแทนครอบครัวที่มีความผูกพันกับพระองค์ท่าน ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงช่วยเหลือราษฎรให้อยู่ดีกินดีตลอดรัชสมัยพระเมตตาต่อเด็กกำพร้า ขณะที่นางธันยพร อร่ามเมฆา ชาว จ.ชลบุรี กล่าวว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯไปในพิธีพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน เมื่อพ.ศ.2520 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ทรงเยี่ยมราษฎรทรงทักทายประชาชน ความที่เราเป็นเด็กที่สุดในกลุ่มคนที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ ได้ก้มกราบพระบาท เมื่อเงยหน้าขึ้นมา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง รับสั่งว่า “หนูจ๊ะ มากับใคร อยู่ที่บ้านกับใคร” คำถามนี้ทำให้ตนที่เป็นลูกกำพร้ารู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมากในพระเมตตาของพระองค์ท่าน จากนั้นเมื่อโตขึ้นได้สมัครเป็นลูกเสือชาวบ้าน อุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยราษฎร และครั้งนี้ถือเป็นการมาส่งเสด็จเป็นครั้งสุดท้ายทั่วประเทศแห่ซื้อชุดขาว–ดำขณะเดียวกันประชาชนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ต่างทยอยออกไปหาซื้อเสื้อผ้าสีดำเตรียมไว้สวมใส่ เพื่อร่วมถวายอาลัยแด่สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ส่งผลให้เสื้อผ้าสีดำและสีขาวเริ่มขาดตลาด สอบถามร้านค้าส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ได้สต๊อกสินค้าไว้ในปริมาณมากเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีทุนมากพอ แต่หลังจากนี้จะสั่งสินค้ามาเก็บไว้เพิ่มขึ้น เน้นรูปแบบดีไซน์เรียบง่าย สวมใส่ได้หลายโอกาส เนื่องจากประชาชนทั่วไป ต้องร่วมไว้ทุกข์ตลอดระยะเวลา 90 วัน ส่วนข้าราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐและ รัฐวิสาหกิจ จะต้องสวมชุดขาว-ดำ ร่วมไว้ทุกข์ 1 ปี ตามกำหนดของทางราชการเร่งตกแต่งสถานที่ร่วมไว้ทุกข์ด้านสถานที่หน่วยงานราชการรวมทั้งสำนักงานเอกชน บริษัท ห้างร้าน ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ต่างพร้อมใจกันตกแต่งอาคารสถานที่ผ้าสีขาว-ดำ ติดธงชาติไทย และติดตั้งพระฉายาลักษณ์ สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง เพื่อร่วมน้อมถวายความอาลัยและไว้ทุกข์ตามที่ราชการกำหนด ส่งผลให้ผ้าม้วนสีขาว-ดำ ขาดตลาดทันที ร้านค้าผ้าม้วนในพื้นที่ ต้องเร่งออเดอร์สินค้าอย่างเร่งด่วน เนื่องจากยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากสธ.สั่งดูแลสุขภาพประชาชนนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ เตรียม พร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ดูแลประชาชนที่จะเดินทางมาถวายความอาลัย ทั้งที่ รพ.จุฬาฯ และการลงนามถวายความอาลัย ณ จุดต่างๆ 1.ให้การแพทย์และสาธารณสุขทุกระดับ เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับจังหวัด จัดเตรียมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและทรัพยากรทางการแพทย์ให้พร้อม 2.จัดระบบบริการประชาชนในช่วงพระราชพิธี ทั้งการปฐมพยาบาลและส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินตามความเหมาะสม เฝ้าระวังโรคติดต่อ สุขภาพจิต และสุขาภิบาลอาหารและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 3.ให้ทุกจังหวัดจัดตั้งทีมจิตอาสาเฉพาะกิจ จัดอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และการใช้เครื่อง AED ให้กับจิตอาสา สนับสนุนกิจกรรมบริจาคโลหิตและบริจาคอวัยวะถวายเป็นพระราชกุศล 4.ให้บุคลากรกระทรวงฯ แต่งกายไว้ทุกข์เป็นระยะเวลา 1 ปีสื่อโลกรายงานข่าวสวรรคตวันเดียวกัน สื่อชั้นนำระดับโลก รายงานข่าวสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยความอาลัยอย่างสุดซึ้ง พร้อมสดุดีพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าในทุกมิติ ทรงเป็นดั่ง “พระมารดาแห่งชาติ” ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม และเป็นแรงบันดาลใจให้ประชาชนชาวไทยและนานาชาติ เช่น นสพ.นิวยอร์ก ไทม์ส สื่อทรงอิทธิพลจากสหรัฐอเมริกา ได้เทิดพระเกียรติพระองค์เป็นพระราชินีผู้เปี่ยมด้วยพระสิริโฉมสง่างาม ทรงอุทิศพระวรกายทรงงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรและทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อสังคมและประเทศชาติยกย่องพระอัจฉริยภาพสำนักข่าวเอพี จากสหรัฐฯ กล่าวถึงพระองค์ในฐานะพระราชินีผู้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรในชนบท ทรงอนุรักษ์และส่งเสริมงานหัตถศิลป์พื้นบ้าน รวมทั้งทรงเป็นผู้นำพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนสำนักข่าวเอเอฟพี จากฝรั่งเศส ได้ยกย่องพระองค์ท่านว่าเป็น “สัญลักษณ์แห่งความงามเหนือกาลเวลา” อันสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะ แฟชั่น และวัฒนธรรม อีกทั้งยังทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของปวงชนไทย ท่ามกลางวิกฤตการณ์มากมายที่ประเทศชาติได้เผชิญมาอย่างต่อเนื่องทูตนานาประเทศร่วมอาลัยด้านสถานเอกอัครราชทูตต่างๆประจำประเทศไทย ได้ร่วมถวายความไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นายมาร์ค กูดดิง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เอ็กซ์ ว่าประชาชนอังกฤษเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อข่าวการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ด้านสถานทูตเอกอัครราช ทูตจีนประจำประเทศไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่าฯพณฯ จาง เจี้ยนเหว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยและเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกคนขอถวายความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ทรงเป็นมหามิตรที่ยิ่งใหญ่ของจีนและเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทยเสียใจคนไทยสูญเสียส่วน ดร.แองเจลา แม็คโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย โพสต์ว่า ออสเตรเลียเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ขอน้อมถวายอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งร่วมกับประชาชนชาวไทย เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ได้ถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวงด้วยนายกฯหญิงญี่ปุ่นร่วมส่งเสด็จวันเดียวกัน นางทาคาอิจิ ซานาเอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ส่งข้อความแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มายังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในนามตัวแทนประชาชนชาวญี่ปุ่น ขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจอันยาวนานของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อความสมัครสมานสามัคคีและความผาสุกของประชาชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลายาวนาน พร้อมร่วมส่งเสด็จ ด้วยความอาลัยอย่างสุดซึ้ง“คิงส์จิกมี” ยกย่องพระเกียรติคุณขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงโพสต์ข้อความถวายอาลัยผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่าพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนชาวภูฏาน ร่วมไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระบรมราชชนนีฯทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกร พร้อมยกย่องพระเมตตา ความเสียสละ และพระราชกรณียกิจในการพัฒนาชุมชนและธำรงวัฒนธรรมไทย ทำให้พระองค์ทรงเป็นดั่งแสงนำทางของชาติ และเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณไทยที่งดงาม พระเกียรติคุณของพระองค์จะยังคงอยู่ในความทรงจำของประชาชนทั้งไทยและต่างประเทศอย่างเคารพรักตราบนานเท่านานพระประวัติพระพันปีหลวงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (มจ.นักขัตรมงคล) กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร พระราชสมภพวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2475 ที่บ้านบิดาของหม่อมหลวงบัว เลขที่ 1808 ถนนพระรามหก ต.วังใหม่ อ.ปทุมวัน จ.พระนคร มีพระเชษฐา 2 คนคือ ม.ร.ว.กัลยาณกิติ์ กิติยากร และ ม.ร.ว.อดุลกิติ์ กิติยากร และพระขนิษฐา 1 คน คือท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ เข้าพิธีราชาภิเษกสมรสกับสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ต่อมาได้รับเฉลิมพระยศเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระโอรส-พระธิดา 4 พระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯราชินีคู่พระทัยในหลวง ร.9สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระ บรมราชินีของไทย และในฐานะคู่พระราชหฤทัยแห่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจทั้งหลายเป็นอันมาก ทั้งยังมีพระราชดำริเริ่มใหม่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศ โครงการพระราชดำริเหล่านั้นได้ยังประโยชน์แก่ประชาชนสืบมาจนทุกวันนี้ อาทิ ศูนย์ศิลปาชีพพิเศษ, โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่, ทรงต่อลมหายใจ “โขน” การแสดงศิลปะชั้นสูงของไทย, สืบสานพระราชปณิธานธรรมราชินี, “สถาบันสิริกิติ์” สานต่องานศิลปาชีพเผยแพร่ผลงานประณีตศิลป์, “ฟาร์มตัวอย่าง” ตามพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้การเกษตรครบวงจร หล่อเลี้ยงชีวิตเกษตรกรไทย, พระเมตตาด้านสังคมสงเคราะห์และด้านสาธารณสุข, ทรงส่งเสริมเยาวชนของชาติให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่