“เอ็นดู” ในความครีเอท พลังคิดสร้างสรรค์แบบไทยๆ ตามภาพ “รองเท้าแตะ” ที่ถูกถอดวางต่อแถวเป็นคิวยาวเหยียด ใช้ฝาถังขยะสีเหลือง สีน้ำเงินแทนรีเฟล็กซ์สะท้อนแสง ช่วยในการสแกนใบหน้าผ่านกล้องเอทีเอ็มธนาคารหรือช็อตฮาๆที่ป้าสูงวัยกับหลาน พยายามฝืนสวนทางขึ้นบันไดเลื่อนขาลง หนีต่อคิวขาขึ้นที่เต็มเหยียด เพื่อแย่งกันไปลงทะเบียน “แอปฯเป๋าตัง” กับสาขาแบงก์ในห้างคนไทยไม่แพ้ชาติไหนในการแข่งขัน ชิงจังหวะไปสู่เป้าหมายแต่ก็ “หดหู่” กับฉากความเป็นจริง สิ่งที่แฝงอยู่ในภาพความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ตลกร้าย มันสะท้อนสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทย ต้องแย่งชิงกันรับของแจกจากรัฐบาลเหมือนเบียดแย่งกันชิงติ้วงานเทกระจาด หว่านทานที่แน่ๆนี่มันคือโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจโคตรยาก ฉากย้อนแย้งที่ทำให้ “ผู้นำเซราะกราว” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ตีปี๊บโชว์ความสำเร็จของโปรฯ “คนละครึ่งพลัส” ได้ไม่เต็มปากเต็มคำขนาดฮอตฮิตชนิดที่ว่า “20 ล้านสิทธิ” หมดเกลี้ยงภายในวันเดียวแต่ต้องเสียวเสียงเชียร์พลิกเป็นเสียงด่า ลีลา “เสี่ยโต้ง” นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โทรโข่งรัฐบาล ต้องรีบป่าวประกาศล่วงหน้า “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” มาแน่ๆ เบรกกระแสคนผิดหวังให้ลุ้นช็อตต่อไปเดือนมกราคมต้นปี 2569จังหวะคาบลูกคาบดอกช่วงยุบสภา หาเสียงเลือกตั้งตามเหลี่ยมนักการเมืองอาชีพ ก๊วนเซราะกราวต้องอาศัยโปรฯเทกระจาดโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อแลกแต้มคะแนนนิยม ประคองภาวะปากท้อง เบรกอารมณ์คนโมโหหิวพาลหมั่นไส้รัฐบาลนักการเมืองไม่คิดอะไรเกินไปกว่าคะแนนเสียงฉาบฉวยแต่ด้วยสปิริตของ “มืออาชีพ” ที่ต้องรับผิดชอบวินัยการคลังของประเทศชาติบ้านเมือง อิงหลักการแน่นๆแบบที่ “ด็อกเตอร์เอก” นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง ไม่ไหลตามน้ำยืนยันชัดๆยังไม่รีบขยายสิทธิโปรฯคนละครึ่งพลัส เฟส 2 จำเป็นต้องรอประเมินผลเฟสแรกที่จะจบภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ก่อน ว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในมากน้อยแค่ไหนไม่ลุยถั่วแจกดะ โหลดภาระงบประมาณให้ “มูดีส์” ลดอันดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ในภาวะหนี้ประเทศไทยเกินเพดาน โปรฯ “คนละครึ่งพลัส เฟส 1” ใช้งบประมาณจิ๊บๆ 4 หมื่นกว่าล้าน ยังทำขนหน้าแข้งรัฐบาลร่วงกราวคลังถังแตก กระเป๋าฉีก ปะตูดขาดกันไม่ทันนั่นจึงกระตุกแนวคิดที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียลฯ พูดกันทีเล่นทีจริง อ้างอิงกับปรากฏการณ์ที่สหรัฐอเมริกาลุยยึดทรัพย์ “แก๊งโจรสแกมเมอร์” จีนเทา-กัมพูชา มูลค่ามหาศาลมากกว่า 5 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับรัฐบาลอังกฤษที่เดินหน้าอายัดทรัพย์สินของขบวนการอาชญากรออนไลน์ข้ามชาติ ริบ “ขุมทรัพย์บิทคอยน์” มหึมา 7.2 พันล้านดอลลาร์รวมตัวเลขใกล้เคียงงบประมาณประจำปีของประเทศไทยและชัวร์ป้าด “เฉิน จื้อ–เบน สมิธ–ยิม เลียก” ตัวหัวโจกใน “บัญชีดำ” ของสหรัฐฯ ที่เป็นเจ้าของ “อภิมหาขุมทรัพย์โจรสลัดออนไลน์” ล้วนแล้วแต่เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ตจนไทยถูกล็อกเป้าเป็น “อาณาจักรฟอกเงินเทา” โซนเดียวกับเขมรแกะรอยเส้นเงินเทาของเจ้าพ่อสแกมเมอร์ ถูกโยกไปลงทุนในธุรกิจใหญ่ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์บริษัทชั้นนำยี่ห้อดังๆ ทั้งคอนโดหรู หมู่บ้านสุดอลังการถ้ายึดทรัพย์คงได้เงินมหาศาลมาโปะโปรฯคนละครึ่งได้หลายเฟสแน่แต่นั่นมันก็แค่คิดกันได้มันๆ ฝันลมๆแล้งๆ เพราะโลกแห่งความเป็นจริงก็แบบที่ “นายกฯหนู” โดนต้อนอยู่ในโซนโลกล้อมกัมพูชา ลีลาเด้งเชือกไม่ได้ ลอยตัวไม่ออก ต้องโชว์ “วาระแห่งชาติ” ในการลุยปราบแก๊งโจรสแกมเมอร์ในอาการยึกๆยักๆ ออกอาการให้สังคมงงๆกระตุกกระแสสงสัยไม่เข้าใจทำไมผู้นำต้องสะดุดเสียงทัก ดึงจังหวะเซ็นตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นหัวขบวนปราบเงินเทา อีกทางก็ลิ้นรัวเคลียร์ประเด็นร้อน “รังสิมันต์ โรม” มือปราบแก๊งสแกมเมอร์ ที่ไล่บี้ให้ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ เร่งกระแสกดดันวัดใจผู้นำเซราะกราวถึงจุดกลบไต๋ไม่มิด หลุดฟอร์มเก่างัดไม้ตายขู่ยุบสภา ล้มกระดานแก้ไขรัฐธรรมนูญหนีไม่ออก บอกไม่ได้ เหตุแพ้ทางแก๊งโจรสแกมเมอร์.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม