ยกเครื่องใหม่...ก่อนที่จะต้องชั่งกิโลฯขาย นั่นเป็นสถานการณ์ความตกต่ำของ “ประชาธิปัตย์” พรรคเก่าแก่ของประเทศไทย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เลือดสีฟ้าเข้มข้นหวนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งท่ามกลางความยินดีปรีดาของผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันยิ่งไปกว่านั้นก็มีเสียงขานรับจากประชาชนต้องการให้พรรคอยู่คู่เมืองไทยตลอดไปต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นภารกิจของ “หัวหน้ามาร์ค” ที่จะต้องสานต่อเพื่อสนองความต้องการของตัวเองและบรรดากองเชียร์บทเรียนที่ผ่านมามีทั้งสมัยที่รุ่งเรืองและตกต่ำ ย่อมเป็นสิ่งที่เตือนใจและมองเห็นความเป็นไปว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคงไปโทษใครไม่ได้เพราะทำกันเอง!มีทางเดียวคือยอมรับความจริงแล้วลงมือแก้ไขอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือแม้จะเป็นพรรคที่โดดเด่นในความเป็นฝ่ายค้าน แต่เมื่อเป็นรัฐบาลกลับตรงกันข้ามนั่นคือสิ่งที่จะต้องหาคำตอบให้ได้“อภิสิทธิ์” และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่รวมถึงมีผู้ชำนาญการในแต่ละด้านขุมกำลังนี้ถือว่าไม่ธรรมดา!เพียงแต่จะล่มหัวจมท้ายคิดค้นวิธีการที่ขับเคลื่อนพรรคให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร คงต้องใช้สติปัญญามากพอสมควรในความเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็วและเข้มข้นขึ้นหลายอย่างที่กฎกติกาซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียก็ต้องปรับจูนกันใหม่ โดยเฉพาะการสร้างผู้นำที่สามารถขึ้นมาทดแทนกันได้ไม่ใช่ข้อกำหนดว่าด้วยความอาวุโสแก่พรรษาเท่านั้น แต่ต้องพร้อมที่ผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีโอกาสเติบโตหากความสามารถถึงเพราะมีข้ออ่อนที่ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เก่งๆไม่อยากมา เพราะรอคิวนานเกินไปพรรคประชาชนที่ใช้ “อุดมการณ์” มากกว่า “เงิน” จนประสบความสำเร็จระดับหนึ่งมีตัวอย่างดีๆให้เห็นนั่นคือการสร้างบุคลากรให้ทดแทนกันได้อย่างต่อเนื่องทำให้มีความหลากหลาย มีทางเลือกให้ประชาชนมากขึ้นไม่ใช่จำเจอยู่กับคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ปัญหาก็คือเป็นพรรคใหม่ประสบการณ์ยังไม่มากพอและยังมุ่งเน้นแนวทางที่ไม่สอดรับกับความเป็นจริงของบ้านเมืองแต่ถ้าพวกเขาก้าวเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารสักครั้งก็น่าจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างดี เนื่องจากได้เรียนรู้ของจริงมากขึ้น“อภิสิทธิ์” เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ก็ได้มาด้วยเล่ห์เพทุบายไม่ใช่การสนับสนุนจากประชาชนด้วยการชนะเลือกตั้งทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งจนบ้านเมืองวุ่นวายไปหมดสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการได้รับการยอมรับจากประชาชนด้วยการกาบัตรเลือกตั้งอย่างท่วมท้นจนสามารถเป็นแกนนำรัฐบาลที่มีเสียงมากที่สุดข้อดีก็คือคนของประชาธิปัตย์เป็นนักการเมืองแท้ที่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ “นักธุรกิจการเมือง” ที่อาศัยเงินซื้อ และบริหารแบบมรดกตกทอด“ทักษิณ ชินวัตร” คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุดจึงเกิดปัญหาไม่สิ้นสุด แม้จะมีความสำเร็จอยู่บ้างแต่ก็ไม่ยั่งยืนก็ต้องดูต่อไป “ก้าวใหม่” ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม