หนังฮอลลีวูด หนุ่มยิวนักดนตรีหนีนาซีเยอรมัน ซุกตัวเหมือนหนูอยู่ในตึกร้างกลางโปแลนด์ ฉากประทับใจเป็นชื่อหนังเปียนิสต์...เขาเอาสองมือเปล่าๆนั่งเล่นเปียโน...นี่เป็นเรื่องจริงเมื่อกว่าร้อยปี“ปรัชญา” ความสุขเกิดจากใจ หาได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้เพิ่งมีสมัยฮิตเลอร์ เนิ่นนานก่อนหน้านั้น ราวๆ 1600 ปี สมัยราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์ของลูกๆสุมาอี้เรื่องเล่าของคนระดับนี้มีบันทึกในหนังสือ เจอในพระราชวังโบราณกรุงปักกิ่ง เมื่อสี่ห้าสิบปีที่แล้วเรื่องเริ่มต้นดังนี้ ชายคนหนึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน และไม่รู้ว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร? เขาปลูกต้นหลิวไว้ข้างบ้าน 5 ต้น คนทั้งหลายจึงพากันเรียกเขาว่า ซินแสอู่ (ห้า) หลิ่วเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา ไม่ชอบชื่อเสียงลาภยศซินแสอู่หลิ่วชอบดื่มเหล้าแต่เขายากจนมาก บ่อยครั้งมักไม่มีเงินซื้อเหล้า เพื่อนสนิทรู้ใจจึงเตรียมเหล้าเลี้ยงเขาอยู่เสมอๆ พอเขาไปถึงบ้านก็ตั้งหน้าตั้งตาดื่มเขาดื่มอย่างมีความสุข พอเมาแล้วก็กลับ ทำตามความพอใจตัวเอง ไม่เคยเสแสร้งบางครั้งเขามีเหล้าอยู่เอง ก็มีน้ำใจเชิญเพื่อนฝูงมาเริ่มดื่ม พอเขาเมาก็บอกเพื่อน “ข้าพเจ้าเมาแล้ว พวกท่านก็กลับกันได้แล้ว”สารทฉงหยางในปีหนึ่ง ซินแสอู่หลิ่วไม่มีเหล้าจะดื่ม จึงออกไปนั่งใต้ต้นเบญจมาศหน้าบ้าน ไม่นานก็มีเด็กสวมเสื้อสีขาวคนหนึ่งเอาเหล้ามาให้ เขาไม่ถามใครเป็นคนให้ รับมาได้ก็ดื่ม หมดแล้วก็เข้าไปในบ้านนิสัยตรงไปตรงมา ไม่มีพิธีรีตองเช่นนี้ ทุกคนต่างก็พอใจไม่เคยมีใครตำหนิติเตียนบ้านหลังที่ซินแสอู่หลิ่วอยู่นานวันก็เก่าคร่ำจะพังมิพังแหล่ กันลมก็ไม่ได้ กันฝนก็ไม่ได้ ผ้าที่เขาสวมเป็นผ้าฝ้ายสั้นๆ มีรอยปะไปทุกหนทุกแห่งข้าวสารก็มักจะไม่มีติดก้นไห แต่เขาก็ไม่มีกังวลใจ ซินแสอู่หลิ่วดูเหมือนจะลืมความได้ความเสียไปสิ้นแล้ว เขาจึงมีชีวิตอยู่ด้วยความผาสุกเป็นอย่างยิ่งหลายครั้งเขาก็เขียนบทประพันธ์อะไรๆบ้าง หากมีคนถาม เขาก็บอกว่า เขียนเพื่อความเพลิดเพลินของตนเองเรื่องราวที่ว่า ซินแสอู่หลิ่วเขียนขึ้นเอง...มีแค่นี้ อ่านจนจบแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร?และเรื่องราวต่อไปจากนี้ มีผู้อื่นเขียนให้...เริ่มต้นว่า...ในจีนมีชายน่าพิศวงคนหนึ่ง จิตใจเขาบรรลุถึงอาณาจักรของความกลมกลืนขั้นสูงสุดเขาคนนี้ก็คือ เถาหยวนหมิง มหากวีลูกทุ่งสมัยราชวงศ์จิ้นเถาหยวนหมิง มีพิณอยู่ตัวหนึ่ง สภาพพิณยังดีแต่ไม่มีสาย ภาพที่คนเห็นเจนตา หลังจากเขาเมาได้ที่ เขามักจะหยิบพิณไร้สายออกมาด้วยสีหน้าเบิกบาน แล้วก็กรีดนิ้วอยู่บนพิณซึ่งไร้สายตัวนั้นอย่างดื่มด่ำในสายตาคนทั้งหลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อ แต่ก็ยังมีน้อยคนที่กล้าถาม“ท่านดีดพิณไม่เป็น! พิณก็ไร้สาย แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่ท่านจะใช้มือดีดพิณ”“เมื่อซาบซึ้งใจในพิณ ไฉนจะต้องได้ยินเสียงพิณ”คำตอบจากเถาหยวนหมิง ยืนยันคำพรรณนาถึงตัวเอง เขาก็คือ ก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมา มีแห่งหนที่ตนแสวงหา ไม่ถูกรบกวนจากภายนอก ไร้สิ่งกีดขวาง เกษมสำราญเต็มเปี่ยมคนไทยรุ่นใหม่ หากจะมีใครถามถึง ใคร?อีกคน เดือนแรกๆ ในเรือนจำ จะทำใจได้เหมือนเถาหยวนหมิงหรือไม่ คำตอบ เขาคนนั้น คงคิดแต่จะหาทุกวิธี ทำอย่างไรจะกลับมายิ่งใหญ่ให้เหมือนเดิม.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม