เจ้าหน้าที่ตรวจกรุองค์พระธาตุ โนนตาล หลังเกิดรอยแตกร้าวถล่มพังราบ พบของล้ำค่าพระพุทธรูปโบราณเหรียญโบราณและสร้อยคอทองคำ กรมศิลปากรนำไปเก็บไว้ที่โรงพักพร้อมร่วมประชุมหารือกับผู้นำชุมชนเคลื่อนย้ายซากเก็บไว้ในที่เหมาะสม คาดใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาทเพื่อสร้างใหม่ ขณะที่ชาวบ้านวอนภาครัฐเร่งสร้างพระธาตุขึ้นมาใหม่โดยเร็วจากเหตุพระธาตุโนนตาลอายุ 123 ปี ถล่มพังราบ ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุโนนตาล หมู่ 9 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ขณะเตรียมบูรณะคาดสาเหตุมาจากฝนตกต่อเนื่องทำให้ฐานรากทรุด ชาวบ้านต่างเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก ขณะที่นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รอง ผวจ.นครพนม รรท.ผวจ.นครพนม สั่งกั้นพื้นที่รอบองค์พระธาตุให้เป็นเขตหวงห้าม เนื่องจากภายใต้ซากปรักหักพังมีพระพุทธรูปโบราณ และสิ่งของมีค่าที่ผู้เลื่อมใสศรัทธานำมาถวายเป็นพุทธบูชาพร้อมประสานสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ลงตรวจสอบหาสาเหตุการหักโค่นครั้งนี้ความคืบหน้าเช้าวันที่ 13 ต.ค. นายธนภัทร จิตสุทธิผล ผอ.สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณจากพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ จ.ร้อยเอ็ด เชิญผู้นำชุมชนประกอบด้วยนายสันติชัย ศิริญาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.โนนตาล และกรรมการวัดพระธาตุ ร่วมหารือเพื่อค้นหาของมีค่าที่อยู่ในเศษซากอิฐพระธาตุ มีข้อตกลงกันว่า หากผู้ใดพบอย่าแตะต้องให้ยกมือเป็นสัญญาณ เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญทางโบราณสถานจะสวมถุงมือเข้าไปนำออกมาต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่พบยอดฉัตรเจดีย์เป็นทองเหลือง 5 ชั้น ความยาว 2 เมตร สร้อยคอทองคำ 2 เส้น น้ำหนักรวม 3 บาท คาดว่าชาวบ้านนำมาถวายในช่วงประกอบพิธียกยอดฉัตรตั้งแต่ปี 2536 นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปโบราณปางเชียงรุ้งสร้างด้วยสำริด เป็นพระยืนองค์แรกสูงประมาณ 40 ซม. หน้าตักพระ 3 นิ้ว องค์ที่ 2 พระยืนสูง 30 ซม. ฐานกว้าง 3 นิ้ว และองค์ที่ 3 เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสูง 10 ซม. หน้าตัก 3 นิ้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเก่าแก่คาดว่าอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ก่อนจะนำไปเก็บที่ สภ.ท่าอุเทนนายธนภัทร จิตสุทธิผล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า งบประมาณเกือบ 3 ล้านบาทที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดสรรให้นั้น เป็นการนำมาบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์ แต่เมื่อพระธาตุพังทลายลงมารายงานอธิบดีกรมศิลปากรให้ทราบแล้ว ส่วนงบที่จะนำมาก่อสร้างใหม่คงต้องรอปีงบประมาณ 2570 เพราะงบปี 2569 ได้ผ่านมติ ครม.ไปแล้ว คาดต้องใช้งบประมาณก่อสร้างใหม่กว่า 20 ล้านบาท ส่วนการปูพรมสแกนจะใช้คนเดินบนซากปรักหักพัง ถ้าพบเห็นวัตถุโบราณให้ส่งสัญญาณมือนำไปเก็บรักษา จากนั้นต้องมาประชุมร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อเคลื่อนย้ายเศษอิฐองค์พระธาตุไปไว้ในที่ที่เหมาะสมนายธนภัทรเผยอีกว่า สาเหตุหลักการโค่นล้มเหมือนกับพระธาตุองค์อื่นๆ คือการสร้างในแต่ละที่ ส่วนใหญ่จะก่อเป็นเปลือกรอบตรงกลางจะเป็นโพรงดิน ตราบใดที่น้ำเข้าได้ทำให้น้ำหนักมากขึ้นจะไปอิ่มตัวอยู่ในผนังแล้วบวมออกด้านข้าง ลักษณะนี้อาจเกิดการระเบิดจากภายในได้ อีกปัจจัยหนึ่งคือที่ตั้งขององค์พระธาตุตั้งอยู่ติดถนนรถวิ่งผ่านทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนเหมือนการตอกเสาเข็ม รอยร้าวก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆด้านนายสันติชัย ศิริญาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.โนนตาล เปิดเผยว่า เกิดรอยร้าวขนาดเล็กที่พระธาตุมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 67-68 รอยร้าวขยายใหญ่เท่าฝ่ามือเมื่อฝนตกทำให้มีน้ำซึมลงภายในองค์พระธาตุจนถล่มพังราบ ตั้งแต่โบราณกาลพ่อแม่ปู่ย่าตายายมีส่วนก่อสร้างองค์พระธาตุ เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวก็เสียใจเป็นอย่างมาก ต้องการให้กรมศิลปากรเร่งก่อสร้างองค์ใหม่ขึ้นมาโดยเร็วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่