เดินเข้ามาเปิด สนามพระวิภาวดี วันนี้ ก็มีแต่คนถามถึงเรื่อง การบินไทย เพราะเห็นเป็นเพื่อนบ้านตรงข้ามไทยรัฐ สมัย ๓๐ ปีก่อน รอจังหวะรถว่างๆ ก็ข้ามถนนวิภาวดีไปมาหาสู่กันได้ ตอนการบินไทยขาดทุนมหาศาลเป็นแสนล้าน เราก็ห่วงใย ดีที่รัฐบาลให้ กระทรวงการคลัง ช่วย และให้เข้า แผนฟื้นฟูกิจการ และเปลี่ยนเป็น บริษัทจดทะเบียน ซึ่งกฎเกณฑ์รัดกุมกว่าสมัยเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ถูกแทรกแซงได้ง่าย (ถึงได้มีคำพูดว่า มีแต่ลูกท่านหลานเธอ ฝากกันเข้าไปทำงาน)--จนวันนี้การบินไทยก็กลับมาบินได้อย่างมั่นคงอีก ดีใจด้วย ฟังดูก็น่าจะดีแฮะ แต่ดันยุ่ง เพราะพอ กระทรวงการคลัง ซึ่งเอาเงิน ๔-๕ หมื่นล้านไปช่วยแก้วิกฤติให้การบินไทย ทำให้กลายเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ (ก็คือเจ้าของ) จะเอาคนเข้าไปทำงาน ก็ถูกบางคนค้านแหลกว่าคนมา จะโกง--เอ้า มันจะถูกมั้ย ก็เขาซื้อบ้านเอ็งไปแล้ว ทำไมเจ้าของบ้านใหม่จะเอาคนเข้าไปอยู่ในบ้าน ทำงานบ้านไม่ได้ฟ่ะ แบบนี้ภาษาชาวบ้านบอก หวงก้างใช่ป่าวไปเรื่องสบายๆ สไตล์พระเครื่องเราต่อ องค์แรก พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ กรุงเทพฯ พิมพ์เจดีย์นิยม A สภาพสวยสมบูรณ์ เพอร์เฟกต์ ทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ เนื้อมวลสาร วรรณะผิวเนื้อ ธรรมชาติรอยปาด รอยปริ ด้านหลังเป็นมาตรฐาน “วัดระฆังฯ” เด่นสุด เป็นองค์ที่ไม่ค่อยมีใครเห็น เรียกได้เป็น องค์หน้าใหม่ ที่เห็นปุ๊บนึกถึง “องค์เจ๊แจ๋ว” แชมป์ตลอดกาลของพิมพ์ ส่วนองค์นี้ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง ความงามเป็นรองแค่ผิวเนื้อ ที่มีริ้วรอยสัมผัสใช้บ้าง แต่บางเบา ไม่เข้าถึงเนื้อใน แต่ก็ทำให้เห็นเนื้อแท้ที่เข้มข้นมากมวลสาร อย่าง “เนื้อก้นครก” ซึ่งก็ทำให้สัมผัสได้ถึงพลังความเข้มขลัง เจ้าของบอกได้มานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้เปิดเผย เพราะมีคำสัญญากับเจ้าของเดิมให้เงียบไว้นะโยม พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส ของพรรค คูวิบูลย์ศิลป์.องค์ที่สอง พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม กรุงเทพฯ ของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ เป็นพระสภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆ ทั้งฟอร์มทรงมาตรฐาน พิมพ์พระที่ติดชัดลึกเสมอกัน ทุกเส้นศิลป์ติดเต็มสมบูรณ์ ผิวเนื้อที่มีคราบฝ้าขาว ไขน้ำตาล รากรุพองาม เปิดเห็นพิมพ์พระแบบ “กรุเก่า” อย่างเต็มตา ผิวเนื้อมีริ้วรอยผ่านการสัมผัสใช้ แต่ก็ยังคงความเป็นพระแท้ดูง่าย ที่ใช้เป็น “พระ องค์ครู” ได้ พระนางพญา พิมพ์เทวดา เนื้อเขียว วัดนางพญา ของอิทธิ ชวลิตธำรง.องค์ที่สาม เป็น พระนางพญา พิมพ์เทวดา วัดนางพญา พิษณุโลก งามสมบูรณ์ ระดับแชมป์ของพิมพ์ เด่นที่สีเนื้อ (เขียว) ที่มีน้อยหาพบยากสุด ที่พบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นพระสภาพผ่านใช้ ผิวเนื้อ พิมพ์พระลบเลือน เพราะตอนพบใหม่ๆ พระมีจำนวนมาก ขนาดองค์เล็ก จึงไม่นิยม ได้ชื่อเป็น “พระน้ำจิ้ม” แจกๆ แถมๆ เวลามีการเช่าบูชาพระพิมพ์ใหญ่นิยม ป้า-ย่า-ยาย ชอบนำไปใส่ตลับขี้ผึ้ง ใช้สีปาก เชื่อว่าเติมเสน่ห์ในการเจรจาค้าขาย องค์พระที่พบจึงหย่อนงาม น้อยองค์จะเหลือความงามเดิมๆ เต็มร้อยเนื้อนิยม แบบองค์นี้ ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง ที่แม้เป็น พระพิมพ์นิยม น้องสุดท้อง แต่คนมีพระพิมพ์เบอร์ต้น ที่เยิน หย่อนงาม ได้เห็นต้องอยากแลก พระหูยาน พิมพ์ใหญ่ หน้ายักษ์ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ของนุ อุดร.ตามมาด้วย พระหูยาน พิมพ์ใหญ่หน้ายักษ์ เนื้อชิน กรุวัดพระศรีรัตน มหาธาตุ จ.ลพบุรี “พระยอดขุนพล” พิมพ์นั่งยอดนิยม อันดับ ๑ ในชุด “เบญจภาคี” พระกรุเนื้อชิน ที่มี ๑.พระหูยานลพบุรี ๒.พระพุทธชินราช ใบเสมา จ.พิษณุโลก ๓.พระท่ากระดาน จ.กาญจนบุรี ๔.พระมเหศวร จ.สุพรรณบุรี ๕. พระร่วงนั่งหลังลิ่ม จ.สุโขทัย --องค์นี้เป็น พิมพ์ใหญ่ หน้ายักษ์ “กรุเก่า” พบจากกรุองค์พระปรางค์เจดีย์ เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๕๐ เป็นพระเทหล่อโบราณ (ครึ่งซีก) ด้านหน้าเป็นองค์พระนั่งปางมารวิชัย พุทธศิลป์สมัยลพบุรี อยู่เหนือฐานบัวคว่ำ-หงาย ด้านหลังเรียบแอ่นเป็นลายผ้า จุดเด่น อยู่ที่ พระกรรณ ที่ยาวจรดพระอังสา เป็นที่มาของชื่อเรียก “พระหูยาน” มีพิมพ์พระ ใหญ่ กลาง เล็ก ได้รับความนิยมสูงสุด ยุคสงครามอินโดจีน เพราะคนใช้บูชาพบประสบการณ์ด้านคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เสริมบารมี อำนาจ และมีอายุยืนยาว องค์นี้สมบูรณ์พองาม ผิวเนื้อมีรอยระเบิด ลั่นปริตามอายุธรรมชาติ ทำให้เส้นศิลป์เลือนหายไปบ้าง แต่คงความเป็นพระแท้ ดูง่าย พระขุนแผนพลายคู่ พิมพ์หน้าฤๅษี (สิบเอก) กรุวัดบ้านกร่าง ของ โต้ง คนสุพรรณ.อีกสำนักเป็น พระขุนแผนพลายคู่ พิมพ์หน้าฤๅษี (สิบเอก) กรุวัดบ้านกร่าง สุพรรณบุรี ค้นพบเมื่อองค์พระเจดีย์วัด เสื่อมสภาพพังทลาย มีองค์พระพิมพ์เนื้อดินเผาไหลลงมากองจำนวนมาก แยกพิมพ์เป็นหมวดใหญ่ ได้เป็น “พระองค์เดี่ยว” เรียก “พระขุนแผน” กับแบบองค์คู่ เรียกเป็น “พระพลายคู่” ซึ่งมีพิมพ์แยกย่อยเป็นพิมพ์นิยมหลายแบบ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยโต้ง คนสุพรรณ (พิเชษฐ์ ฉิมวัย) สายตรงเจ้าถิ่น เป็นพระพิมพ์หน้าฤๅษี (สิบเอก) ที่มีพบน้อย ได้รับความนิยมสูง สภาพสมบูรณ์สวยเนี้ยบแบบนี้ ราคาหลักหมื่นปลายขึ้นหลักแสนได้สบายๆ นางกวัก เนื้อสัมฤทธิ์ หล่อโบราณ (ดินไทย) ยุครัตนะ ของ บอมเบย์ สุพรรณ.องค์สุดท้ายคือ นางกวัก เนื้อสัมฤทธิ์ หล่อโบราณ (ดินไทย) ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ของ เสี่ยบอมเบย์ สุพรรณ เป็นรูปหล่อองค์นางกวัก ที่มีอายุความเก่าถึงยุค ถึงศิลป์ นิยมสร้างตามตำนานว่าเป็นบุตรสาวของปู่เจ้าเขาเขียว ที่มีความงามเป็นเลิศ มีเสน่ห์มหานิยมเป็นที่เลื่องลือ ใครเห็นเป็นหลงรัก จึงนิยมนำจินตนาการมาสร้างเป็นรูปจำลอง ใช้บูชาเพื่ออานุภาพโชคลาภ โภคทรัพย์ เมตตาซื้อง่าย ขายคล่อง โดยรูปลักษณ์เป็นสาวงามแต่งชุดไทย นั่งยกมือขวาขึ้นกวักเสมอคิ้ว--มักพบเห็นเป็นองค์จำลองที่ร้านค้าตั้งบูชา องค์นี้ขนาดเล็ก เก่าถึงยุค ถึงสมัย ซึ่งได้รับความนิยมสูง ราคาหลักหมื่นกลางถึงปลาย มาถึงเรื่องปิดท้าย ในร้านขายของจิปาถะ ริมทางย่าน อ.สามพราน ที่ขึ้นป้ายทุกอย่างยี่สิบ เสี่ยชัย เซียนพระในพื้นที่ ซึ่งแวะซื้อสินค้า ถามราคาอะไรเจ้าของร้านก็บอกทุกอย่างที่วางขาย ๒๐ บาท เสี่ยชัย ก็ยิ้มจ่ายเงิน แต่เหลือบเห็น พระคง ในคอเจ้าของร้านจึงลองถามย้ำว่า ทุกอย่าง ๒๐ จริงนะ เจ้าของร้านก็พยักหน้า เสี่ยชัย จึงขอดูพระในคอ เพราะคิดว่าแท้แน่ สวยด้วย แล้วพูดหยอก พระนี้ขาย ๒๐ ด้วยหรือ--เจ้าของร้านรีบคว้าพระหมับกลับเข้าในคอ แล้วบอกว่าองค์นี้ ๒ หมื่น ส่วน ๒๐ น่ะ เป็นค่าดู เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.สีกาอ่างคลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม