หญิง 2 คนอ้างเป็นตัวแทนสมาคมพุทธวจนยุโรป หอบเอกสารเข้าร้องเรียน “รองเต่า” แฉพฤติกรรม “สีกายุ” ระหว่างพาพระไปเผยแผ่พระธรรมคำสอน “น้อมนำพระธรรมคำสอนตามหลักพุทธวจนสู่ภาคพื้นยุโรป” ให้สมาคมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเดินทาง ที่พัก และอาหารการกิน แต่เก็บเงินบริจาคไว้ อ้างเอาไปให้พระ อีกรายเป็นอดีตผู้บริหารบริษัทเอกชน อ้างสีกายุกล่อมเจ้านายร่วมลงทุนกว่า 10 ล้านบาทแล้วหายตัวไป ก่อนตายเจ้านายสั่งเสียให้ช่วยตามเงินคืน เพื่อนำไปแบ่งให้อดีตพนักงานที่ยังเดือดร้อนเพราะบริษัทล้มละลายตัวแทนสมาคมพุทธวจนในยุโรป เข้าร้องเรียนตำรวจ บช.ก.ตรวจสอบสีกายุ คู่กรณีพระคึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง เปิดเผยขึ้นที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ต.ค. นางยุพิน (สงวนนามสกุล) และนางแหม่ม (สงวนนามสกุล) ตัวแทนสมาคมพุทธวจนในยุโรป พร้อมด้วยนายนิวัติ (สงวนนามสกุล) เดินทางเข้ายื่นเอกสารหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. โดยมีพนักงานสอบสวน บก.ปปป.รับเรื่องแทน เพื่อร้องเรียนพฤติกรรม นางกัญญาภัค ชไนเดอร์ หรือ “สีกายุ” กล่าวหาว่า แอบอ้างชื่อสมาคมและบุคคลในวงการศาสนา เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวนางยุพินกล่าวอ้างว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 หลังจากนางกัญญาภัคติดต่อมาที่สมาคมพุทธวจนในยุโรป อ้างว่าเป็นตัวแทนดำเนินโครงการเผยแผ่พระธรรมคำสอน “น้อมนำพระธรรมคำสอนตามหลักพุทธวจนสู่ภาคพื้นยุโรป” ทำให้ได้รับความสนใจจากสมาคมพุทธวจนในหลายประเทศที่ต้องการมีวัด และศูนย์เผยแผ่ธรรมะในพื้นที่ของตนเอง“การจัดโครงการแต่ละครั้ง นางกัญญาภัคจะเป็นผู้ประสานงานหลัก แจ้งกับสมาคมแต่ละประเทศว่า หากต้องการนิมนต์พระไปเผยแผ่พระธรรม ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคณะพระที่เดินทาง 4 รูป รวมถึงค่าเครื่องบิน ที่พัก และอาหาร พร้อมกำหนดเงื่อนไขว่าสถานที่พัก ยานพาหนะ และสถานที่จัดกิจกรรมต้องดีที่สุด ขณะเดียวกันแต่ละสมาคมต้องร่วมกันเรี่ยไรเงินจัดงานด้วยตนเอง แต่ทุกครั้งนางกัญญาภัคมักอ้างต่อสาธารณะว่าเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งที่ความจริงเป็นเงินที่สมาคมแต่ละประเทศรวบรวมกันมา” นางยุพินกล่าวนางยุพินเผยต่อว่า หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมนางกัญญาภัคจะเป็นผู้นำเงินบริจาคทั้งหมดกลับไป อ้างว่านำไปถวายพระ และมักให้ผู้จัดทำหนังสือปวารณาถวายกับพระสงฆ์ก่อนเก็บเงินกลับไปเอง ตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมของนางกัญญาภัคมีเป้าหมายเพื่อสร้างอิทธิพลในเครือข่ายศาสนาในยุโรป วางตัวเองเป็นศิษย์เอกของพระสายพุทธวจน เพื่อให้ทุกกิจกรรมต้องดำเนินการผ่านตนเองเท่านั้น หากมีผู้ใดจัดกิจกรรมโดยไม่ผ่านจะพยายามล้มงานเพื่อเข้าไปแทนที่ ยกตัวอย่างกรณีน้องออยผู้พิการทางการพูดในประเทศเยอรมนี มีจิตศรัทธาต้องการบริจาคเงินกว่า 1 แสนยูโร (ประมาณ 3.7 ล้านบาท) เพื่อซื้อที่ดินสร้างวัด แต่กลับถูกนางกัญญาภัคโทร.ไปกดดันจนต้องยุติการบริจาคด้านนายนิวัติ อดีตผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เดินทางมาดักรอสีกายุเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ขณะนำเข้าให้การตำรวจ ปปป.เพิ่มเติมกรณีร้องเรียนพระคึกฤทธิ์ เพื่อสอบถามกรณีเงินกว่า 10 ล้านบาทที่เจ้านายของตัวเองเคยมอบให้สีกายุไปลงทุนเมื่อปี 2563 แต่ไม่ได้รับคำชี้แจง วันนี้จึงนำหลักฐานมายื่นข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ นายนิวัติเผยว่า เจ้านายตนเคยประสบปัญหาทางการเงิน ขายที่ดินผืนสุดท้ายเพื่อปลดหนี้สิน เหลือเงินกว่า 10 ล้านบาท จากนั้นนางกัญญาภัคเข้ามาตีสนิทชักชวนให้ร่วมลงทุนหุ้น จนเจ้านายไว้ใจมอบหมายให้ดูแลกิจการแทนในปี 2563 ต่อมาเดือน เม.ย. 2565 หลังเจ้านายเสียชีวิตพบว่าเงินที่ได้จากการขายที่ดินรวมถึงเงินกู้กว่า 50 ล้านบาทหายไปหมด ทำให้บริษัทประสบภาวะล้มละลาย และตนถูกประกาศเป็นบุคคลล้มละลายตามไปด้วย“สิ่งที่เจ้านายสั่งเสียไว้ก่อนตายคือให้ตามหาเงินกว่า 10 ล้านบาทที่ฝากไว้กับสีกายุ เพื่อคืนหนี้และแบ่งให้พนักงานที่ยังเดือดร้อนอยู่ แต่จนวันนี้ยังไม่พบร่องรอยเงินดังกล่าว ผมเพียงอยากทำภารกิจสุดท้ายให้เจ้านาย และชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่าผมไม่เคยยักยอกเงินของเจ้านายไป” นายนิวัติกล่าวหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ทั้ง 3 คนส่งมอบเอกสารหลักฐานประกอบการร้องเรียนให้พนักงานสอบสวน ส่งต่อให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พิจารณา เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่