“แค่รู้จักฟัง ก็ช่วยผ่อนคลาย คนไข้ได้แล้ว” เสียงจากคุณช่อ อาสาข้างเตียง รพ.ราชวิถี...“ตั้งใจไปให้ 100 เต็ม แต่ได้กลับมาเกิน 100 เป็นชั่วโมงที่เลอค่ามาก” เสียงจากคุณหนิง อาสาข้างเตียง สถาบันประสาทวิทยาและอีกหลายๆเสียง “กำลังใจและความเข้มแข็งของผู้ป่วยในการต่อสู้กับความเจ็บป่วยนั้น ช่วยเพิ่มพลังใจให้กับอาสาข้างเตียงด้วยเช่นกัน” คุณอ้อ อาสาข้างเตียง รพ.ราชวิถี...“ได้เห็นทุกข์ ได้เป็นเพื่อนทุกข์ ได้เห็นและได้ฝึกความเมตตา” คุณคิ้ม อาสาข้างเตียง สถาบันประสาทวิทยานี่คือความรู้สึกบางส่วนของเหล่าอาสาข้างเตียงรุ่นที่ผ่านมา ซึ่งต่างพบว่า...การเป็น “ผู้ให้” ไม่ได้มีแค่คุณค่าต่อ...“ผู้รับ” แต่ยังเติมเต็มหัวใจเราได้มากยิ่งกว่าในโรงพยาบาลมีผู้ป่วยจำนวนมากที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วย บางครั้งสิ่งที่พวกเขาต้องการอาจไม่ใช่แค่ยา แต่คือ “เพื่อน” ที่พร้อมจะรับฟังความทุกข์ใจ ความกังวล หรือแม้แต่ความเงียบเหงาเพื่อให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีพลังใจในการรักษา เพจ “พุทธิกา ฉลาดทำบุญด้วยจิตอาสา” กระจายข่าวประชาสัมพันธ์ มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา และ สสส.เชิญชวนผู้สนใจร่วมเป็นผู้ให้ ด้วยการสมัครเป็น “อาสาข้างเตียง” ณ โรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันประสาทวิทยา ลักษณะงานอาสา...เป็นเพื่อนและรับฟังผู้ป่วย เพื่อบรรเทาความทุกข์ใจและความกังวลระยะเวลาปฏิบัติงาน 3 เดือน (พฤศจิกายน 2568 - มกราคม 2569) ปฏิบัติงานช่วงบ่าย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง คุณสมบัติ...อายุ 30-65 ปี ไม่จำกัดเพศ สถานที่ปฏิบัติงาน...เลือกได้มากกว่า 1 แห่งโรงพยาบาลราชวิถี รับจำนวน 40 คน ปฏิบัติงานทุกวันจันทร์ เวลา 13.00–16.00 น. ณ หอผู้ป่วยประคองรักษ์/ หอผู้ป่วยรังสีรักษา ก, ข/หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง/หอผู้ป่วยสามัญนรีเวช/หอผู้ป่วยออร์โทปิดิกส์ชาย และหอผู้ป่วยศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะสถาบันประสาทวิทยา รับจำนวน 25 คน ปฏิบัติงานทุกวันพุธ เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอผู้ป่วยเวชกรรมฟื้นฟู...ปฏิบัติงานทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอผู้ป่วยศัลยกรรมชาย, หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง, หอผู้ป่วยประสาทวิทยาชาย และหอผู้ป่วยประสาทวิทยาหญิงสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.2568 คลิกสมัครที่ลิงก์ https://forms.gle/wZhi2TrkJHS9NjM5A (ประกาศรายชื่อ 13 ต.ค.68)...อบรมปฐมนิเทศ (จำเป็นต้องเข้าร่วม)วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 08.30-16.00 น. #อาสาข้างเตียง #เติมสุขให้ใจ #มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา #สสส #สถาบันประสาทวิทยา #โรงพยาบาลราชวิถี ในบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความเจ็บปวด และความไม่แน่นอน “อาสาข้างเตียง” ในโครงการของโรงพยาบาลราชวิถี ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่การรักษาทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวอาจเข้าไม่ถึง นั่นคือการดูแล “จิตใจ” ของผู้ป่วยสิ่งที่อาสาสมัครเหล่านี้มอบให้ อาจไม่ใช่ยาหรือการผ่าตัด แต่เป็นทักษะเรียบง่ายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง นั่นคือ “การฟัง” ...การเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นมีพลังมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย การฟังในบริบทนี้ไม่ใช่แค่การได้ยินเสียง แต่คือ “การฟังอย่างใส่ใจ” และ “ฟังด้วยหัวใจ”พยายามทำความเข้าใจถึงความหมายของการเจ็บป่วยที่มีต่อชีวิตของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียโอกาส การเปลี่ยนแปลงแผนชีวิต หรือความกังวลเกี่ยวกับคนที่บ้านการรับรู้และยอมรับความรู้สึกเหล่านี้ของผู้ป่วย คือจุดเริ่มต้นของการผ่อนคลายทางจิตใจ...“เมื่อผู้ป่วยรู้สึกว่ามีคนพร้อมจะรับฟังพวกเขาโดยไม่ตัดสิน ผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลายและกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกหรือความกังวลที่เก็บไว้”ถัดมา...ลดความโดดเดี่ยว ผู้ป่วยจำนวนมากต้องเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยว อาสาสมัครที่มานั่งข้างเตียงและรับฟัง ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนมองเห็นและใส่ใจพวกเขาอยู่นับรวมไปถึง...ผ่อนคลายความเครียดและความกังวล ด้วยว่าการได้ระบายความรู้สึก ความกลัว หรือความเจ็บปวดออกมาคือกระบวนการบำบัดอย่างหนึ่ง การมีผู้ฟังที่เข้าใจ ช่วยให้ผู้ป่วยได้ปลดปล่อยอารมณ์ด้านลบออกไป ซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางร่างกายด้วยที่สำคัญคือ...เสริมสร้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในภาวะเจ็บป่วยผู้ป่วยบางคนอาจรู้สึกสูญเสียการควบคุมหรือศักดิ์ศรี การฟังอย่างเคารพและให้เกียรติช่วยยืนยันว่าความคิดและความรู้สึกของพวกเขายังคงมีความสำคัญตอกย้ำบทบาท “อาสาข้างเตียง” จะผ่านการฝึกฝนให้มีทักษะในการสื่อสารและการฟังที่ละเอียดอ่อน การฟังของผู้ที่มาทำหน้าที่อาสาไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำเสมอไป แต่เป็นการให้พื้นที่ให้ผู้ป่วยได้เป็นผู้พูดและผู้ควบคุมบทสนทนา...การรับฟังคือของขวัญแห่งเวลาและความสนใจช่วยให้ “ผู้ป่วย” สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ดียิ่งขึ้นเมื่ออาสาสมัครใช้ “ภาษากาย” ที่แสดงออกถึงความตั้งใจ เช่น การสบตา การพยักหน้า หรือการนั่งในระดับสายตาเดียวกัน จะช่วยสร้างความรู้สึกเท่าเทียม ความสบายใจให้กับผู้ป่วยสะท้อนให้เห็นว่า การดูแลผู้ป่วยที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องประกอบด้วยการรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ บางครั้งการรักษาที่ดีที่สุดก็เริ่มต้นจาก “หู” และ “หัวใจ” ที่พร้อมจะรับฟังอย่างแท้จริง การเป็นอาสาข้างเตียงจึงไม่ใช่งานที่ต้องใช้ทักษะซับซ้อน แต่ต้องการ “เจตจำนงที่ชัดเจน” ในการเป็นผู้ฟังอย่างแท้จริง“อาสาข้างเตียง” ส่งต่อความผ่อนคลาย...ความหวังเล็กๆ น้อยๆกลับคืนสู่เตียงผู้ป่วยในวันที่พวกเขาต้องการมันมากที่สุด.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม