ปฏิทินเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายปลายปี 2568 ดีเดย์ 1 ตุลาคม เริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ ประเดิมตำแหน่งผู้นำหน่วยราชการ ต้อนรับฝ่ายบริหารรัฐวิสาหกิจป้ายแดง คนเก่าไป คนใหม่มา ตามวัฏจักรของการ เปลี่ยนแปลงไปกับกาลเวลาในจังหวะสถานการณ์อำนาจทางการเมืองเริ่มนับหนึ่งเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้การกำกับของรัฐบาลเฉพาะกิจที่นำโดย “นายกฯหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่ผูกติดกับ “เอ็มโอเอ” ล็อกเป็นสัญญาประชาคมอารมณ์ยึด “สัจจะลูกผู้ชาย” แบบที่ “นายกฯหนู” ประกาศย้ำกลางที่ประชุมผู้ทรงเกียรติ ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เริ่มจับเวลานับถอยหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ครบ 4 เดือนในวันที่ 31 มกราคม ต้นปีหน้าล็อกวัน ว. เวลา น. “ยุบสภา” ตามเอ็มโอเอกับค่ายส้ม ไม่เบี้ยวแน่แถมยังเพิ่มตัวช่วยการันตี โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ในมาดเฟี้ยวๆ ผูกหูกระต่ายหล่อๆลุกขึ้นประกาศ “มัดคอ” รัฐบาลเฉพาะกิจ ต่อหน้าที่ประชุมสภา ถ่ายทอดสดออกอากาศไปทั่วประเทศโชว์ “คิวพิเศษ” เลือกตั้ง สส.พร้อมทำประชามติเปิดพิมพ์เขียวที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ประชาชนคนไทยจะได้บัตร 4 ใบในการเข้าคูหา 1.บัตรเลือกตั้ง สส.เขต 2.บัตรเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ 3.บัตรการลงประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ 4.บัตรที่จะสอบถามประชาชนว่าจะให้ยกเลิก MOU ไทย–กัมพูชา หรือไม่ยังไง “บวรศักดิ์” ก็ไม่ยอมเสียคนตอนแก่ “อนุทิน” ต้องยึดสัจจะลูกผู้ชายถ้างาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข หมาไม่ออกลูกเป็นลิง หากไม่มีสิ่งมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นตัดหน้า ประเทศ ไทยจะมีการเลือกตั้งใหญ่แน่ๆ ในปลายเดือนมีนาคมถึงเมษายนปี 2569“เคาต์ดาวน์” นับถอยหลังในห้วงสั้นๆก็แค่ 120 วันเท่านั้นเองแทบไม่มีเวลาทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ต้องขายฝัน ดันเมกะโปรเจกต์ เคาะกะลารื้อโครงการประมูลใหม่เพราะแม้แต่แก๊ง “ไอ้เสือถอย” ปล้นทิ้งทวน ระดมกระสุนลุยสนามรบเลือกตั้ง ก็ไม่ง่าย โดยสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดนฝ่ายค้านเตะตัดขาล้มคว่ำได้ทุกขณะภาวะ “เป็ดง่อย” ถือตั๋วโปรฯ อำนาจ ยังไงก็ไม่มีน้ำยาในสายตานักลงทุนเอาแค่งานรูทีนก็หัวหมุนแล้ว ในจังหวะเร่งด่วน กู้ภัยพิบัติฉุกเฉินเฉพาะหน้า วิกฤติน้ำป่าท่วมเมืองจากอิทธิพลพายุฝนส่งท้ายปลายฤดู ภาคเหนือ อุตรดิตถ์ น่าน เพชรบูรณ์ เรื่อยมาถึงภาคกลาง ชัยนาท อ่างทอง อยุธยาประชาชนขนของมาอาศัยอยู่บนถนน ไร่นาจมบาดาลน้ำท่วมจ่อคอหอย แบบที่ “นายกฯหนู” ต้องรีบพายเรือไปแจกถุงยังชีพ รีบโชว์บำบัดทุกข์บำรุงสุขชาวบ้านกันตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล ฟอร์มผู้นำเป็นมวย ถือว่ารู้งาน รู้จังหวะบริหารอารมณ์ทางการเมือง และนั่นก็น่าจะไม่พลาดประคองอารมณ์คนโมโหหิว เรื่องปัญหาปากท้อง ชาวบ้านรากหญ้าที่โงหัวไม่ขึ้นจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ สภาพจนดักดานคนไทยหลายล้าน เฝ้ารอคิวเทกระจาดจากรัฐบาลกับความหวังโปรโมชัน “คนละครึ่ง” และ “คนละครึ่งพลัส” ที่ “นายกฯหนู” กับ “ด็อกเตอร์เอก” นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง ปล่อยทุ่นล่วงหน้าตั้งแต่ตอนฟอร์ม ครม.ตีกิน “แต้มต่อ” ฉวยเหลี่ยมซื้อเสียงล่วงหน้าตามวิสัยนักเลือกตั้งแต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสไตล์เทคโนแครตโปร่งใส “เอกนิติ” ที่ยึดระเบียบวินัยการคลังเป๊ะ ตัดไปได้กับมุกเทกระจาดเงินหมื่น แจกดะให้นับแบงก์พันหน้าตู้เอทีเอ็มทิ้งภาระหนี้ให้ “ฟิทช์–มูดีส์” หั่นเรตติ้ง ลดชั้นเครดิตเศรษฐกิจไทย ปัญหาปากท้องชาวบ้าน กู้ภัยพิบัติน้ำท่วม นี่คือการบ้านรูทีนของ “นายกฯหนู” ที่ดูไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินมือ สำหรับรัฐบาลเฉพาะกิจในห้วงสั้นๆที่ไม่ต้องแบกความคาดหวังหนักๆในเรื่องเศรษฐกิจแต่ที่หนักอึ้งจริงๆมันอยู่ที่ภารกิจสุดหิน โจทย์ร้อนที่ “ผู้นำรัฐบาลเซราะกราว” หนีไม่ออก ก็คือแนวรบเขมร วิกฤติชายแดนไทย–กัมพูชาดีกรีระอุเดือดยังไม่ลดโทนประจันหน้า พร้อมสาดอาวุธใส่กันได้ทุกขณะสถานการณ์ลามไปถึงเกมอำนาจการเมืองโลก แบบที่สดๆร้อนๆ “นิวยอร์ก ไทม์” สื่อใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานอ้างข้อมูลหน่วยข่าวกรองของไทย แฉรัฐบาลจีนส่งจรวด กระสุนปืนใหญ่ 6 ลำเครื่องบินให้กองทัพกัมพูชาก่อนทหารเขมรเปิดฉากยิงถล่มไทย ไม่สนเป้าพลเรือนและก็เป็นรัฐบาลปักกิ่งที่รีบแถลงการณ์ผ่านสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ปฏิเสธไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารใดๆให้กับกัมพูชา เพื่อใช้ในเหตุปะทะชายแดนกับกองทัพไทย อ้างไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวในความขัดแย้งไทย-เขมรมหาอำนาจเปิดศึก ชิงยุทธศาสตร์แทรกซึมอินโดจีน ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์กดดัน ในจังหวะกองทัพไทยก็เพิ่งเปลี่ยนม้ากลางศึก สลับตัวแม่ทัพคุมเกมรบ ตามกระแสโฟกัสที่แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ จะบู๊เหมือน “แม่ทัพบุญสิน” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพแดนอีสาน ที่ทำให้จิ้งจอกเฒ่า “ฮุน เซน” ผู้นำตัวพ่อเขมรแดง หวาดผวา แค่ไหนแต่โดยกระแสสังคมก็ยังไม่จับตาเท่ากับแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ พล.ท.วรยศ เหลืองสุวรรณ ที่มาแทน พล.ท.อมฤต บุญสุยา จะโชว์ลูกเด็ดขาดในการบู๊กับเขมรที่เข้ามาเคลมแผ่นดินไทยจนไล่ไม่ออก ปล่อยจนรากงอกต้องกู้ภาพติดลบของท็อปบูตในวงล้อม “แนวรบกาสิโน”รวมไปถึงชายแดนด้านจังหวัดจันทบุรี ตราด ในเขตรับผิดชอบของกองทัพเรือ ที่ต้องเคลียร์ปมร้อนบ่อนท่าเส้น กาสิโนทมอดาซิตี้ รุกล้ำอธิปไตยไทยนัวเนียส่วยร้อน เอี่ยวก๊วนทหารเฒ่ากับนักการเมืองกระแสไหลต่อเนื่อง ทำให้ “นายกฯหนู” ต้องโชว์แอ็กชันดุดัน ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)นัดแรกของผู้นำรัฐบาลเซราะกราว ไฟเขียวให้กองทัพสร้างรั้วกันแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แบบถาวร พร้อมประกาศลั่นไทยพร้อมจะอยู่แบบนี้ไปยาวๆ ถ้ากัมพูชายังไม่ยุติท่าทีคุกคามดินแดนตัดไฟลามไหม้ซ้ำชนวน “ผู้นำซูเอี๋ย” ที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร พังพาบเพราะ “อังเคิล”“ผู้นำเซราะกราว” แสดงท่าทีชัดๆไม่เอาเขมรแต่กระนั้นก็ไม่วาย ชนวนระเบิดซีโฟร์ยังวนมาป้วนเปี้ยนติดตัว “นายกฯอนุทิน” เส้นเงินปมร้อน “เงินเทา” จากแหล่งฟอกเงินชายแดนเขมรนัวเนียๆใน ครม.ทั้งโซนยี้ ไม่เว้น “ดรีมทีม”ตามปฏิบัติการบอมบ์ “บ่อน้ำมัน” โดย “รังสิมันต์ โรม” กับ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร”2 ตัวจี๊ดค่ายส้ม โชว์ฟอร์มมือเชือดในเวทีแถลงนโยบายรัฐบาล ไล่ชำแหละปม “จริยธรรม” ของรัฐมนตรี ใน ครม. “นายกฯหนู” อย่างน้อย 2 คน มีคราบของแก๊ง “สแกมเมอร์” แปดเปื้อนนัวเนียตัวละครลับ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” ล็อบบี้ยิสต์สีเทาระดับโลกกุนซือของ “ตระกูลฮุน” ที่โดนสื่อตะวันตกชื่อดังแฉเบื้องหลังพฤติกรรมอาชญากรข้ามชาติ หนีคดีในต่างประเทศ แต่มาโผล่เป็น “ฟิกเกอร์” รับงานฟอกเงินให้ผู้นำเขมรและเครือข่าย ข้ามมาปฏิบัติการวางแผนยักย้ายถ่ายเทเงินทุจริต ขบวนการไซฟ่อนเงินในเมืองไทย โยงใยกับภาคธุรกิจและนักการเมืองระดับขาใหญ่ร้อนถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ต้องชี้แจง ปัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ถูกโยงทุนต่างชาติแต่ที่เดือดดาลเลยก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯ เกรี้ยวกราดใส่นายรังสิมันต์ โรม โทษฐานมากล่าวหานัวเนียตัวพ่อแก๊งสแกมเมอร์ขู่ลั่นตามฟอร์ม โดนฟ้องหมิ่นประมาทแน่ นัดให้ไปเจอกันที่ศาลพะเยา ศาลนราธิวาสและนั่นก็เข้าล็อกขุดบ่อล่อปลาชะโด ยี่ห้อมือปราบแก๊งสแกมเมอร์ตัวพ่อทีมส้มได้เหลี่ยมย้อนผู้กองคนดัง อย่าเพิ่งร้อนตัว ยังไม่ได้บอกตรงไหนว่า ร.อ.ธรรมนัสทำสแกมเมอร์หรือทำธุรกิจฟอกเงิน แค่บอกว่า คนของ “ฮุน เซน” ชื่อ “เบน สมิธ” รู้จักท่านเป็นอย่างดี ที่แน่ๆตัวจี๊ดทีมส้มเบิ้ลกลับเป็นนัย การฟ้องปิดปากให้เลิกแฉการฮุบประเทศจากแก๊งสแกมเมอร์ไม่มีทางสกัด “รังสิมันต์ โรม” ได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนอย่าตกเป็นเครื่องมือของการใช้กลไกยุติธรรมเพื่อปิดปากแบบนี้ ขอให้คิดถึงผลประโยชน์ชาติและประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์ให้เยอะๆ ตามรูปการณ์ ปม “เบน สมิธ” น่าจะสาวไส้กันอีกหลายขด “นายกฯอนุทิน” ต้องเจอคำถามสื่อดักทาง การลูบหน้าปะจมูกแก๊งสแกมเมอร์เขมร ไม่ได้พักแน่ และไหนสดๆร้อนๆกับช็อต “ปืนลั่นใส่เท้าตัวเอง” ตามฟอร์มเฮี้ยวๆของหัวขบวนก๊วน “ลูกเทพ” อย่าง “ลูกนก” นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลฯ ทายาท “เนวิน ชิดชอบ” ที่โชว์ฟอร์มลูกไม้หล่นใต้ต้น ลุกขึ้นสวนหมัดฝ่ายค้าน เป็นเชิงยอกย้อน หวังทิ่มปลายคางทีมเพื่อไทย อ้าง ยังไม่ทันรับตำแหน่ง มีคนติดต่อผ่านคนรู้จัก เสนอส่วยเดือนละ 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์เถื่อน ทำให้สงสัยประเพณีปฏิบัติของ รมว.ดีอีที่ผ่านๆมา เกมพลิก กลายเป็นหัวขบวนก๊วน “ลูกเทพ” หลงเข้าเหลี่ยมดักสอย โดนลากเข้าเงี่ยงมาตรา 157 โดนร้องปม ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยแก๊งสแกมเมอร์ลอยนวล เดือดร้อน “อาหนู” ต้องรีบกู้สถานการณ์ ยืนยัน “ลูกเนวิน” ตั้งใจจริง มีข้อมูลจริง และ รมว.ดิจิทัลฯไฟแรง พร้อมลุยปราบขบวนการพนันออนไลน์เถื่อน เอี่ยวแก๊งฟอกเงินเทาแบบสุดซอย ไม่ปล่อยให้กระแสไหล ตัดภาพที่เพื่อไทยตั้งแง่ผู้นำรัฐบาลภูมิใจไทยมาตามคำทำนาย “ฮุน เซน”กระตุ้นชนวน “เขมร บุรีรัมย์” มี “ซัม ติง รอง” กับ “เขมร พนมเปญ”.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม