ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กับคำมั่นสัญญา อเมริกา ต้องมาก่อน นโยบายทรัมป์ เปิดสงครามการค้า ที่กระทบกับคนทั้งโลกรวมทั้งคนสหรัฐฯและผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯเกิดจลาจลขึ้นในหลายรัฐ และเพราะความต้องการที่จะเข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลาง ในการยุติสงครามในภูมิภาคต่างๆ ทำให้ สหรัฐฯกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่า บทบาทของสหรัฐฯในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ ลดลงไปมาก กระทบกับความฝันของ ทรัมป์ ที่ต้องการได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ไปครองด้วยอีกด้าน ทรัมป์ สร้างกฎเกณฑ์ต่างๆในรูปแบบของ สงครามการค้า ก็เพื่อไปสู่เป้าหมายการสร้างรายได้และการลงทุนเพิ่มให้กับอเมริกา ลดการขาดดุลการค้ากับประเทศต่างๆ ซึ่งต้องยอมรับว่า ทรัมป์ ใช้มาตรการทางการค้า ที่เริ่มมีผลวันนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลายด้านของการบริหาร เช่นการหารายได้จากการอนุญาตวีซ่าเร่งด่วน มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สำหรับต่างชาติที่ร่ำรวยอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ โดย รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ ฮาวเวิร์ด ลัทนิค แจ้งว่า Gold Card จะมาแทนวีซ่าแบบ EB-1 และ EB-2 สำหรับผู้ที่มีคุณค่าพิเศษต่อสหรัฐฯ เปิดใช้รุ่นแรกเพียง 8 หมื่นใบ ถ้าได้ผลก็จะยกเลิกวีซ่าพิเศษอื่นๆทั้งหมด และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับสหรัฐฯกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในอนาคตจะมีวีซ่าพิเศษ Trump Platinum Card ที่จะมีราคาสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์ สามารถใช้เวลาอยู่ในสหรัฐฯได้ถึง 270 วันโดยไม่ต้องเสียภาษีจากรายได้นอกสหรัฐฯ ในขณะที่การกดดันประเทศต่างๆ ที่เป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งกับสหรัฐฯก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆนี้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐฯ ออกโรงเตือน การพึ่งพาอุตสาหกรรมไฮเทคระดับโลกใน ไต้หวัน มากเกินไปจะเป็น จุดล้มเหลวเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบัน ไต้หวัน มีส่วนแบ่งการผลิตโปรเซสเซอร์ที่ทันสมัยที่สุด แม้แต่สหรัฐฯยังพึ่งพาอุตสาหกรรมไฮเทคจากไต้หวัน 30-50%ในอาเซียนที่ถูกจับตาไม่แพ้ เวียดนาม ก็คือ อินโดนีเซีย ไม่นานมานี้ รัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศแผนการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้า ปี 2025-2034 ตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าใหม่ 40.6 กิกะวัตต์ ร้อยละ 52 มาจากพลังงานหมุนเวียน โดยเน้นการลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ 17 กิกะวัตต์ พลังน้ำ 16 กิกะวัตต์ พลังงานความร้อนใต้ภิภพ 5 กิกะวัตต์ พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงเหลือ 5 กิกะวัตต์จากก๊าซธรรมชาติ 15 กิกะวัตต์ เป็นที่รู้กันว่า อินโดนีเซียมีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลขนาดใหญ่ เป็นฮับอุตสาหกรรมยานยนต์ สร้างระบบโลจิสติกส์ที่มั่นคงในอนาคตมีข่าวน่ายินดีในที่ประชุมยูเอ็นเที่ยวนี้ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศไทย ทำให้ไทยดูดีขึ้นในสายตาชาวโลก และมองเห็นความตลกของกัมพูชาบนปัญหาข้อพิพาทเขตแดน ที่ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จตลอดเวลารมช.คลัง วรภัค ธันยาวงษ์ แจงสถานะการคลังไทยเปรียบกับ หนี้สาธารณะในฝรั่งเศส ที่ถูกปรับลดความน่าเชื่อถือเพราะฐานะทางการคลังอ่อนแอ การขาดดุลต่อเนื่อง หนี้สาธารณะเกิน 100% ของจีดีพี และไทยเองก็มีสัญญาณเตือน ที่คล้ายคลึงกัน หนี้สาธารณะไทยแตะที่ 65% ของจีดีพี กระนั้นการเมืองภายในชิงขั้วอำนาจอนุรักษนิยมเข้มข้นว้าเหว่.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม