“อนุทิน” แถลงนโยบายให้คำมั่นลุยแก้ปัญหาเร่งด่วน คืนความเชื่อมั่นและความสุขให้คนไทย โละทิ้งกาสิโน- โป๊กเกอร์ถูกกฎหมาย การันตี รมต.มีฝีมือกล้าให้ตรวจ ย้อนคำพูด “ทักษิณ” โอ่เป็นผู้ชนะเห็นทางออกทุกปัญหา ประกาศชัดยุบสภา 31 ม.ค.69 “บวรศักดิ์” แจง รบ.ไม่ทำ รธน.ใหม่ทั้งฉบับ แค่หนุนให้ยกร่างโดยไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล รธน. ขู่แตะหมวด 1-2 มีปัญหา แจงวันเลือกตั้งคนไทยได้กาบัตร 4 ใบ ให้เลือก สส. 2 ใบ พ่วงประชามติถามแก้ รธน.-ยกเลิกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชาหรือไม่ อ้างตอนถูกทาบทาม “หนู” รับปากไม่แทรกแซงคดีฮั้ว สว.เขากระโดง “เท้ง” โอ่ ปชน.ไม่ได้โหวตให้มาใช้อำนาจมิชอบ จี้นายกฯเคารพกระบวนการยุติธรรม “ชลน่าน” ถล่ม 4 เดือนกินรวบประเทศ สร้างหายนะใช้อำนาจเงินกัดกร่อน ปชต. สร้าง รธน. สีน้ำเงิน พท.-ปชน.เขี่ยไฟเขากระโดง-ฮั้ว สว. ภท.-สว.ดิ้นโต้เดือดตัดเกมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนเริ่มเดินเครื่องบริหารราชการแผ่นดิน โดยนายกฯประกาศไทม์ไลน์ชัดเจนกำหนดวันยุบสภาวันที่ 31 ม.ค.69 ขณะที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ระบุในวันเลือกตั้งใหม่ประชาชนจะได้ใช้สิทธิกาบัตร 4 ใบ ทั้งถามประชามติแก้รัฐธรรมนูญ พ่วงจะยกเลิกเอ็มโอยูข้อพิพาทไทย-กัมพูชาหรือไม่นายกฯร้องเพลงชาติวันธงชาติไทยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 ก.ย.ที่บริเวณเสาธง หน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในกิจกรรมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติ เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) 28 กันยายน ประจำปี 2568 พร้อมรองนายกฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ จากนั้นเวลา 08.20 น.นายอนุทินกล่าวถึงกรณี น.ส.จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สส.ศรีสะเกษ เขต 5 พรรคภท.ชนะเลือกตั้งว่า ต้องขอบคุณพี่น้องชาว อ.ภูสิงห์และ อ.ขุนหาญที่มอบความไว้วางใจให้ น.ส.จินณ์ตวรรณ ขอรับรองและขอให้คำสัญญาว่าจะทำไม่ให้ผิดหวังเตรียมไว้แล้วชงแก้ รธน.14–15 ต.ค.ต่อมาเวลา 08.55 น. นายอนุทินเดินทางถึงอาคารรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ถ้าเรามีความตั้งใจก็ทำได้ เพราะสัปดาห์หน้า วันที่ 14-15 ต.ค. จะเริ่มเสนอร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯเพื่อรับหลักการ ได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้เป็นระยะๆแล้วนำทีม ครม.แถลงนโยบายรัฐบาลจากนั้นเวลา 09.30 น. มีการประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายอนุทินนำทีม ครม.เข้าแถลงนโยบายรัฐบาล ระบุว่า ครม.ขอแถลงหลักการบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายสำคัญของรัฐบาลจะยึดหลักสำคัญ 3 ประการ 1.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเป็นธรรมบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานธรรมาภิบาลคืนความเชื่อมั่น–ความสุขให้คนไทยนายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความสุขให้คนไทยดังนี้ 1.ด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ลดรายจ่าย อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร จัดทำโครงการคนละครึ่ง 2.แก้ปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรมระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนรายบุคคลในระบบรายละไม่เกิน 1แสนบาท เพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท 3.เพิ่มโอกาสการออมประชาชนรายย่อย 4.ฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว สร้างความปลอดภัย และปราบปรามการฉ้อโกงนักท่องเที่ยว 5.เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม ดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเร่งดับไฟสงคราม ประชามติเลิก MOUนายอนุทินกล่าวว่า ด้านความมั่นคง เร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ นำความมั่นคงปลอดภัยแก่ประชาชนตามชายแดนโดยเร็ว รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล และยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ ให้ความเห็นการยกเลิกบันทึกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ดำเนินการนโยบายต่างประเทศเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เร่งแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมล้มกาสิโน–โป๊กเกอร์ถูกกฎหมายนายอนุทินกล่าวต่อว่า ด้านสังคม ปราบการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ จะแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้มากที่สุด การรักษาหลักนิติธรรมเคร่งครัด ให้ถือว่าการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐในกรณีเหล่านี้เป็นการทำความผิดวินัยร้ายแรง ต้องดำเนินการทางอาญาเด็ดขาด การขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด ขณะที่ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยพัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติในพื้นที่ความเสี่ยงสูง เยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบภัยเร่งด่วน ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เสนอร่างกฎหมายยกระดับการบริหารภาครัฐและอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชน บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม การเร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค สร้างภาระแก่ประชาชนและภาคธุรกิจยึดหลักซื่อสัตย์–ผลประโยชน์ ปท.นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควบคู่กับการวางรากฐานประเทศนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นการดำเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง เน้นการบริหารงบฯปี 2569 เป็นหลัก จะใช้จ่ายงบฯด้วยความรอบคอบ ในฐานะนายกฯจะบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ปัญหาประเทศ พร้อมวางรากฐานพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชน“เท้ง” จี้ รบ.เคารพกระบวนการยุติธรรมจากนั้นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า การเมืองแบบที่เป็นอยู่ ต้องแถลงนโยบาย 3 ครั้งในรอบ 2 ปี เพราะกลไกศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระถูกนำมาใช้ทำลายล้างทางการเมืองมากกว่าจับคนโกง นี่คือเหตุผลที่พรรค ปชน.เปิดประตูสู่การทำรัฐธรรมนูญใหม่ โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ สิ่งที่พรรค ปชน.จะทำช่วง 4 เดือน 1.เปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้เสร็จก่อนยุบสภา 2.ผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด 3.แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาตกค้างจากรัฐบาลก่อน 4.พรรค ปชน.และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่ พรรค ปชน.ไม่ได้โหวตให้นายอนุทิน เพื่อให้รัฐบาลใหม่ใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่งตั้งคนไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หรือเพื่อให้ไปแทรกแซงการดำเนินคดีฮั้ว สว. คดีเขากระโดง สิ่งที่อยากเห็นจากนายกฯไม่ใช่แค่เคารพต่อข้อตกลงพรรค ปชน. แต่ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพประชาชน“ชลน่าน” ชำแหละ 4 เดือนกินรวบ ปท.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า มั่นใจว่า 4 เดือน ยุบสภา จะเป็น 4 เดือนยุบคดี เป็น 4 เดือนหายนะประเทศ 4 ด้านคือ 1.ด้านประชาธิปไตย 2.ด้านความโปร่งใส 3.ด้านบริหารจัดการประเทศ 4.การขาดโอกาสของประชาชน รัฐบาลเสียงข้างน้อยทำให้นโยบายที่แถลงมาทำไม่ได้จริง เขียนขึ้นมาเพื่อสร้างปัญหาขั้นหายนะขาดอนาคตประชาธิปไตย เงินจะเป็นปัจจัยสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จัดการด้วยอำนาจเงิน กัดกร่อนประชาธิปไตย เป็นห่วงร่างรัฐธรรมนูญจะถูกยกร่างด้วย ส.ส.ร.สีน้ำเงิน เป็นฉบับสีน้ำเงิน ทำให้ประชามติแก้รัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบ เพราะไม่อยากแก้ ครม. แม้วางตัวคนนอกที่ทุกคนร้องว้าว แต่แยบยล ครม.อีกกลุ่มตั้งขึ้นเพื่อคะแนนนิยมในพื้นที่ วางตัวรัฐมนตรีผูกขาดจากฐานที่มั่นบุรีรัมย์ มีแผล มีกรรมเก่าเต็มไปหมด จะเกิดหายนะแน่นอน หลายคนขนานนามเป็นรัฐบาลอนุวิน รัฐบาลเนทินหรือรัฐบาลหนูเน มาเพื่อกินรวบประเทศ ทั้งอำนาจสภาฯ วุฒิสภา องค์กรอิสระ ข้าราชการเป็นสีน้ำเงินหมด ถ้าไม่ช่วยกันการกินรวบประเทศจะเกิดขึ้น“อนุทิน” การันตีไม่มีใครบงการได้จากนั้นนายอนุทินลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ทันทีว่า ยืนยันนโยบายรัฐบาลทำได้ ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว การทำงานตนทำได้เร็ว ทำเลยและทำเป็น ครม.ที่สรรหามาทุกคนมีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วน รัฐบาลนี้ไม่มีคำว่าคนละพรรค ไม่มีขัดแข้งขัดขา ไม่ต้องกังวลพรรคใดทำแล้วจะได้คะแนนนิยมมากว่า ถูกสั่งสอนให้เป็นคนใจกว้าง อะไรที่วงศ์วานว่านเครือทำแล้วเกิดประโยชน์ประสบความสำเร็จจะชื่นชม ขอให้มั่นใจทุกคนในรัฐบาลมีฝีมือ สิ่งที่กังวลความโปร่งใส ขอให้สบายใจ เพราะรับฟังทุกความกังวล ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ถูกกฎหมาย ใจกล้าให้ตรวจสอบได้ ยืนยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน การระบุว่าขาดอนาคตประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือ เคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่เอาแต่ใจ รัฐบาลจะวางรากฐานแบบอย่างที่ดีให้อนาคตประชาธิปไตยสดใส นายกฯคนนี้ไม่มีใครบงการได้ คิดได้เอง จะหารือ ครม. สมาชิกรัฐสภา ทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศและประชาชนประกาศ 31 ม.ค.ยุบสภาแน่นอนนายอนุทินกล่าวว่า สิ่งที่ระบุว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ขอให้นับวันที่ 1 ต.ค.เป็นวันแรก และวันที่ 31 ม.ค.2569 ยุบสภาแน่นอน เป็นพันธะระหว่างพรรคที่ลงนามในข้อตกลงกับพรรคประชาชน เมื่อถึงเวลาจะคืนอำนาจให้ประชาชน แม้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แต่จะมาแก้ปัญหาความเสียหายประเทศจากรัฐบาลที่แล้วมา จะทำทุกอย่างเพื่อเรียกเกียรติภูมิประเทศ ขวัญกำลังใจ ความปลอดภัยของประชาชนกลับมาสู่คนไทยใน 4 เดือน มั่นใจว่าทำได้ ต้องไม่เปรียบเทียบกัน อย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ คนอื่นก็ทำไม่ได้ นพ.ชลน่านอยู่กระทรวงสาธารณสุข 7 เดือน ตนอยู่ 7 เดือน ทำอะไรได้มากมาย มีบทบาทมากว่าที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่ รัฐบาลนี้ยกเลิกกาสิโน ไม่มอมเมาประชาชนด้วยการพนัน จนถูกเชิญออกจากรัฐบาล เพราะไม่เห็นด้วยแนวทางรัฐบาลขณะนั้น ขออนุญาตเคลมว่า เคารพศรัทธานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ 30 บาทรักษาทุกที่เป็นของนายอนุทิน ไม่ใช่ นพ.ชลน่าน ให้ฟอกไตฟรี แต่เสียดายรัฐบาลชุดที่แล้วเอาฟอกไตฟรีทั้งหมดออกไป เหลือแค่บางส่วน ภายใน 2 เดือนนี้ รมว.สาธารณสุขต้องเอากลับมา หากทำไม่ได้จะไปเป็น รมว.สาธารณสุขเองโอ่เป็นผู้ชนะเห็นทางออกทุกปัญหานายอนุทินชี้แจงว่า ส่วนการระบุใช้เงิน 1,000-2,000 ล้านบาทเป็นตัวเลขอัปมงคล มีความพยายามให้ตัวเลขนี้ มาทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านหลายคนสมัยนั้นไขว้เขว คนทำเป็นคนในฝั่งรัฐบาลตอนนั้น ไม่ใช่พรรค ภท.แน่นอน ที่ระบุนโยบายรัฐบาลเป็นปัญหามากกว่าทางออกนั้น ขอตอบแทนว่านโยบายรัฐบาลนี้เป็นทางออกให้ประเทศ 20 ปีก่อนเคยอยู่ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อประชุม ครม.และรัฐมนตรีมีการพูดถึงปัญหา จำได้ว่านายทักษิณไม่พอใจ ครม.ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ตั้งแต่วันนั้นบอกกับตัวเองจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นปัญหา เวลาทำงานเมื่อมีปัญหาจะปิดไมค์แล้วบอกว่า จำไว้นะ ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก แต่ผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ตนและ ครม.จะเป็นอย่างหลัง ชนะไม่ชนะไม่รู้แต่เห็นทุกทางออกในทุกปัญหา“จุรินทร์” ดึงสติอย่าโกงกินลุอำนาจต่อมาเวลา 11.10 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า รัฐบาลตัดพ้อมี 3 ข้อจำกัด เพราะการเมืองภาคพิสดารจะโทษใครไม่ได้ นายกฯคงบวกลบคูณหารแล้วคุ้มที่จะเป็นรัฐบาลต่างตอบแทน มีผู้มาเลือกนายกฯเป็นหนูตกถังข้าวสาร การจัด ครม.นายแน่มาก ที่กล้าตั้ง รมต.ที่รัฐบาลที่แล้วไม่กล้าตั้ง น่าเสียดายบางตำแหน่งกระดำกระด่าง ทำลับๆล่อๆสุดท้ายหวยล็อกก็ออกมา ขอให้รัฐบาลระลึกถึงต้องไม่โกงเพราะจะมีอันเป็นไป ทวนเป็นอาวุธมีไว้รบกับกัมพูชา ไม่ใช่มีไว้ทิ้งก่อนยุบสภา อย่าใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวก เหมือนบางยุคบางสมัย อย่าเลือกปฏิบัติอย่าเลือกพัฒนาเฉพาะพื้นที่ที่เลือกเรา อย่าลุแก่อำนาจ ซ้ำรอยอดีตเคยเห็นมาแล้วทั้งอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติและผู้แทนฯ รวมถึงวุฒิสภาและองค์กรอิสระหากเผลอตัวเมื่อไหร่จบไม่สวยและอย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำร้ายระบบนิติรัฐ เป็นของแสลงสำหรับรัฐบาลชุดนี้อย่างยิ่ง“บวรศักดิ์” ชี้แตะหมวด 1–2 ปัญหาเกิดจากนั้นเวลา 11.57 น.นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ชี้แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐบาลไม่ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่สนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่บอกให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาโดยตรงจากประชาชนไม่ได้ ถ้าผ่านแล้วจึงจะทำขั้นตอนที่สองจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จึงจะดูว่าแตะหมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ แต่เชื่อว่า 2 พรรคใหญ่จะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 หากแตะจะมีปัญหาทันทีว่าจะขัดรัฐธรรมนูญปัจจุบันหรือไม่ เพราะมาตรา 255 ระบุว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิป ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทำมิได้เผยทำ ปชม.วันเดียวกับเลือกตั้ง สส.นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ฉะนั้นชัดเจนในตัวว่าประชามติที่รัฐบาลนี้จะทำในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสส. จะเป็นการลงประชามติ 2 เรื่องเท่านั้น คือ 1.ประชาชนจะเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และ 2.ประชาชนจะเห็นชอบกับวิธีการเนื้อหาสาระที่รัฐสภาทำร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว ตามตรา 256 อนุมาตรา 1-6 หรือไม่ แต่จะไม่ลงไปถึงเนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คงต้องรอว่า ส.ส.ร.ที่มาจากหมวด 15/1 จะเขียนอะไร แต่ที่แน่ๆ พรรค ภท.และพรรคใหญ่อีกพรรคจะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ส่วนเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ระบุชัดว่าการจะแก้ลักษณะต้องห้าม ต้องไปทำประชามติก่อน เรื่องนี้รัฐบาลจะไม่แตะ ส่วนรัฐธรรมนูญใหม่ที่ทำโดย ส.ส.ร. จะแตะหรือไม่แตะ ต้องไปดูในขั้นตอนที่สองกาบัตร 4 ใบ ถาม MOU ไทย–กัมพูชาด้วยนายบวรศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนประชามติว่าจะยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชาหรือไม่ การทำประชามติแต่ละครั้ง กกต.บอกต้องใช้เงิน 6,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงจะจัดทำประชามมติ พร้อมการเลือกตั้ง สส.หลังการยุบสภา ดังนั้น ประชาชนจะได้บัตร 4 ใบคือ 1.บัตรเลือก สส.เขต 2.บัตรเลือก สส.บัญชีรายชื่อ 3.บัตรการลงประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ และ 4.บัตรที่จะสอบถามประชาชนว่าจะให้ยกเลิก MOU ไทย -กัมพูชาหรือไม่ การที่รัฐบาลต้องถามความเห็นประชาชนก่อนเรื่องการยกเลิก MOU เพราะเห็นว่าเรื่องสำคัญแบบนี้กับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเฉพาะกิจไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ควรขอฉันทานุมัติจากประชาชน ถ้าประชาชนบอกเลิกก็ต้องเลิก แต่หากให้เก็บไว้รัฐบาลนี้ต้องเก็บไว้ เพราะประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยป้องนายกฯไม่เล่นพรรคเล่นพวกนายบวรศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่สมาชิกพูดถึงการอย่าเล่นพรรคเล่นพวก โดยเฉพาะการแต่งตั้ง ความจริงรัฐบาลรักษาการที่แล้วลงมติตั้งอธิบดีหลายกรม ลงมติตั้งตำแหน่งบริหารหลายตำแหน่ง เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯแต่งตั้งส่งเรื่องคืนมา วันนี้พอแถลงนโยบายเสร็จ นายกฯกำชับให้สำนักงานเลขาธิการครม. (สลค.) ยืนยันการแต่งตั้งผู้บริหาร ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลรักษาการที่แล้วไปทุกตำแหน่งเกือบ 10 ตำแหน่ง ยืนยันได้ว่าการเริ่มต้นรัฐบาลนี้ หากเรื่องไหนผ่านเป็นมติ ครม.แล้วรัฐบาลจะเดินต่อ ไม่มีเจตนาดึงกลับมา แล้วเอาพรรคพวกตัวเองเสียบไปใหม่หรือยกเลิกมติ ครม.เดิม“หนู” รับปากไม่แทรกฮั้ว สว.–เขากระโดงนายบวรศักดิ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลแถลงชัดว่าจะไม่ใช้กฎหมายและหน่วยงานของรัฐไปเป็นประ โยชน์ทางการเมือง เรื่องนี้สำคัญในอดีตเคยมีเอาปปง.ไปตรวจสอบคนที่ดูเหมือนจะอยู่ฝ่ายไม่เอื้อรัฐ เมื่อตนเป็น สนช.ได้แก้ไขแล้ววางกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจ ไม่ให้ ปปง.ดึงคนที่จะหวังก้าวหน้าในตำแหน่งราชการอื่น “คงทำให้ท่านอุ่นใจได้ระดับหนึ่ง เรื่องที่ท่านฝากว่าอย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เมื่อนายกฯมาชวนผมให้เข้าร่วม ครม. เรียนว่าเรื่องไหนที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เช่น เรื่อง สว. เขากระโดง เรื่ององค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม ขอให้ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ควรจะเป็น ท่านนายกฯก็รับปาก” นายบวรศักดิ์กล่าวภท.ประท้วงดะ “ทวี” เขี่ยเขากระโดงต่อมาเวลา 13.00 น. บรรยากาศเริ่มวุ่นวายเมื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) อภิปรายพาดพิงปัญหาที่ดินเขากระโดงว่า มี 9 คำพิพากษาทั้งศาลฎีกา ศาลปกครองระบุว่า ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ เป็นที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แต่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ไม่เพิกถอนที่ดินให้เป็นไปตามคำพิพากษา ทำให้ สส.พรรค ภท.พากันลุกขึ้นประท้วง ระบุว่าอภิปรายเรื่องเก่าซ้ำซากไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล เป็นเรื่องรัฐบาลที่แล้ว ขอให้นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ประธานที่ประชุมควบคุมให้ พ.ต.อ.ทวีอภิปรายอยู่ในเนื้อหานโยบายรัฐบาล รัฐบาลยังไม่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ อย่านำเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาอภิปราย แต่ พ.ต.อ.ทวียืนยันเป็นข้อห่วงใยการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และ รมว.มหาดไทยที่มีบ้านอยู่ในที่ดินเขากระโดง ทำให้ รฟท.เสียที่ดิน 5,083 ไร่ สร้างความเหลื่อมล้ำ บ่อนทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม“อดิศร” ฉุนไล่ “มงคล” ลงจากบัลลังก์จากนั้น พ.ต.อ.ทวีเปลี่ยนไปอภิปรายคดีฮั้วสว. ระบุมีหลักฐานการฮั้ว 100% มีชื่อนายกฯเกี่ยวข้องจน สส.ภท.ยกทีมขึ้นประท้วงต่อเนื่อง มี สว.ช่วยสนับสนุน จนโต้เถียงวุ่นวายตอบโต้กันไปมากับ สส.พรรค พท. และ สส.พรรค ปช.ที่ขึ้นมาช่วยสนับสนุน พ.ต.อ.ทวี โดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายไล่นายมงคลไม่ให้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพราะไม่เป็นกลาง ไม่ควรให้เป็นประธานที่ประชุม ให้เปลี่ยนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขึ้นมา ทำหน้าที่แทน มี น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่อภิปรายเหน็บ สส.พรรค ภท.อย่าร้อนตัว จากนั้นจึงตอบโต้กันไปมากับ สส.พรรค ภท. เสียเวลาไปร่วม 20นาที ก่อนนายมงคลจะให้ พ.ต.อ.ทวีอภิปรายต่อ โดยกำชับให้พูดอยู่ในประเด็น ไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมสว.ดิ้นฟัด ปชน.จวกกระบวนการฮั้วต่อมาบรรยากาศยังคุกรุ่นต่อเนื่อง เมื่อ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายกระบวนการฮั้ว สว. ลงรายละเอียดพฤติกรรมในกระบวนการทั้งการใส่เสื้อและเนกไทเหลือง มีโพยตรงกันและความผิดปกติของคะแนน ทำให้ สว.อาทิ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย ประท้วงว่าไม่เกี่ยวกับการอภิปรายนโยบายรัฐบาล อยู่ในกระบวนการยุติธรรมไม่ควรนำมาชี้นำ นายวันมูหะมัดนอร์ไม่ให้ นพ.วาโยอภิปรายลงรายละเอียด เพราะอยู่ในกระบวนการยุติธรรม สส.พรรค ปชน.หลายคนประท้วงยืนยัน นพ.วาโยพูดถึงนโยบายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ไม่ได้พาดพิง สว.คนใด ประธานให้ นพ.วาโยอภิปรายต่อได้ แต่ห้ามลงลึกรายละเอียด แต่ นพ.วาโยยังพูดรายละเอียดฮั้ว สว. จนเริ่มตึงเครียด นายประเทือง มนตรี สว.อภิปรายเสียงดังว่า จะอภิปราย สว.หรือนโยบายรัฐบาลตอบมา เดี๋ยวได้เจอกัน สส.พรรค ปชน.ขอให้ถอนคำพูด นายประเทืองไม่ถอน นายวันมูหะมัดนอร์ขอให้ถอนคำพูด ถ้าไม่ถอนจะไม่อนุญาตให้อยู่ในห้องประชุม นายประเทืองจึงยอมและให้ นพ.วาโยอภิปรายต่อ โดยให้โอกาสสุดท้ายว่าหากยังอภิปรายลงลึกในรายละเอียด จะไม่อนุญาตให้พูดอีก นพ.วาโยตัดบทว่า ฝากนายกฯและครม.สร้างความมั่นใจจะปฏิบัติตามหลักนิติรัฐนิติธรรม เพราะตอนนี้ยังไม่ได้รับคำมัั่นสัญญาพท.หวดอำนาจวุฒิสภาปล้นเขามาต่อมา สส.พรรค พท.กับ สว.ปะทะคารมดุเดือด เมื่อนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายตอกย้ำคดีฮั้ว สว.ชื่อนายอนุทินเป็น 1 ในรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาลำดับที่ 187 จะไว้วางใจได้อย่างไร 4 เดือนจะไม่แทรกแซงคดี นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.ประท้วง โดยนายมงคล ประธานที่ประชุมวินิจฉัยให้นายอดิศรรีบสรุปเพราะเนื้อหาซ้ำจริงๆ นายอดิศรของขึ้นอภิปรายขึงขังว่า นโยบายท่านเขียนว่าจะยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย นี่ผมไม่เชื่อ เพราะอำนาจวุฒิสภาท่านปล้นมา นายมงคลรีบพูดแทรกตัดบทย้ำให้สรุป นายอดิศรจึงสวนว่า ท่านฟังหน่อยสิ ไม่ควรมานั่งเป็นประธาน ท่านปล้นเขามา เอาแบบลูกผู้ชายนายกฯลุกขึ้นมาพูดเลยว่า จะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ดีเอสไอ กกต. อัยการ ศาลฎีกาจะตัดสินเรื่องนี้ ท่านต้องบอกนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ บอก รมว.ยุติธรรมจากบุรีรัมย์ อย่ามายุ่งเรื่องนี้ได้ไหมสว.แสลงหูออกลูกนักเลงโชว์จากนั้น พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว.ลุกประท้วงว่า อำนาจวุฒิสภา ท่านปล้นมา ท่านพูดเกินไปต้องถอนคำพูด ถ้าไม่ถอนเจอกันข้างนอก ประธานพยายามไกล่เกลี่ยให้ถอนคำพูดกันทั้ง 2 ฝ่าย นายอดิศรจึงโต้ว่าตนเป็นเพื่อน ผุดผาดน้อย วรวุฒิ (อดีตนักมวยไทยชื่อดัง) ครับ ขอถอนคำว่า “ปล้นมา” ใช้คำว่าสมคบกันอย่างละเอียดลออ เสียดายที่พรรคเพื่อนน้องตนไปค้ำได้อย่างไร ให้อยู่ 1 วันก็ไม่ได้ ไว้วางใจไม่ได้ ศรัทธาระบอบประชาธิปไตยสำหรับตนไม่มี แต่ดีใจที่ได้เป็นนายกฯสักสองสามวันก็ยังดีหนูเอ๋ยพฤติกรรมฮั้ว สว. หลักฐานรอพิพากษา งุบงิบอำนาจวุฒิสภา อนุทิน ชาญวีรกูล หวย 187ห่วงหลอกยุบสภาแต่วืดรื้อ รธน.นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.อภิปรายว่า อ่านเอ็มโอเอพรรค ภท. กับพรรค ปชน. และนโยบายรัฐบาลแล้ว ขาดความเชื่อมั่นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ในเอ็มโอเอเขียนให้มีความร่วมมือระหว่าง ครม. พรรค ปชน. พรรค ภท.เร่งผลักดันรัฐธรรมนูญโดย ส.ส.ร.จากการเลือกตั้ง แต่นโยบายเขียนแค่รัฐบาลจะสนับสนุนทำประชามติและรับฟังเสียงประชาชน ไม่สอดคล้องกัน การไม่มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ครม.โดยตรง ท้ายที่สุดหากผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 พรรคเข้าสภา ครม.จะเห็นชอบร่างแก้รัฐธรรมนูญที่แต่ละพรรคเสนอหรือไม่ อีกข้อกังวลคือการต้องได้เสียง สว. 1 ใน 3 เห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงอาจมีกระบวนการ ต่อต้านรัฐธรรมนูญใหม่ จากองค์กรที่เคยต่อต้าน ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวแล้ว รับต่อกันเป็นทอดๆ การแก้รัฐธรรมนูญอาจไม่สำเร็จ ทั้งจากไม่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา สว.ไม่เอาด้วยหรือการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ให้รัฐธรรมนูญใหม่ไม่เกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบ ถ้าเกิดขึ้นจริงเสียดายที่ยุบสภาใน 4 เดือนแต่ไม่ได้รัฐธรรมนูญตามที่ต้องการอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่