คุณวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ได้โพสต์สรุปเนื้อหาข้อเสนอสมาคมธนาคารไทยที่ คุณผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย นำเสนอต่อ นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล และ ทีม ครม.เศรษฐกิจคนนอก วันที่ไปเยือนสมาคมธนาคารไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปีของนายกรัฐมนตรีไทย เนื้อหากระชับได้ใจความ ผมเลยขอนำมาลงให้อ่านตรงนี้ ข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทยทำเป็น presentation ยาวถึง 41 หน้า ภายใต้หัวข้อ “ฝ่าวิกฤติ พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” แต่รัฐมนตรีช่วยคลังสรุปเนื้อหาหลักออกมาหนึ่งหน้าครึ่ง เป็นเนื้อหาล้วนๆภาพที่ สมาคมธนาคารไทย ฉายให้นายกฯดูก็คือ ภาพของ Perfect Storm ที่ไทยกำลังเจอปัญหาหลายด้านมาพุ่งชนพอดี แต่มีโครงสร้างเดิมที่เปราะบางไทยมีเศรษฐกิจนอกระบบใหญ่โตถึง 48% ของ GDP เกินกว่าหลายประเทศในเอเชีย ทำให้การจัดเก็บภาษีไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเหลื่อมล้ำสูง และค่าเงินบาทถูกโยกด้วยธุรกรรมทองคำ—คริปโต หนี้ครัวเรือนก็สูงลิ่วกว่า 100% ต่อ GDP รวมทั้ง หนี้ในระบบและนอกระบบ ความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดลง เศรษฐกิจไทยเหมือน “เครื่องยนต์ที่ติดขัด” คาดว่า GDP ไทยจะเติบโตเฉลี่ยแค่ 2.1% ใน 5 ปีข้างหน้า ต่ำที่สุดในอาเซียน ขณะที่ FDI (เงินลงทุนจากต่างประเทศ) ไหลเข้าน้อย เงินทุนไทยกลับไหลออกไปลงทุนที่ต่างประเทศแทนกฎหมายและกฎระเบียบมากกว่าแสนฉบับ กำลังกลายเป็นภาระ ทำให้ธุรกิจต้องแบกต้นทุนแฝงสูง ข้อมูลหน่วยงานรัฐไม่เชื่อมโยงกัน จนถึงขั้น “หาสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้” ขณะที่หนี้สาธารณะยังพุ่งขึ้นต่อเนื่องสมาคมธนาคารไทยไม่เพียงบ่น แต่ได้ชู แพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand” ซึ่งเป็น ข้อเสนอใหญ่จากสมาคมธนาคารไทย เพื่อเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างรัฐ—เอกชน—การเงิน แนวคิดคือ “ไม่ใช่คุยแล้วจบ” แต่ต้องมี ข้อมูลนำทาง (Data—Driven), เจ้าภาพชัดเจน, KPI วัดผล และแรงจูงใจที่ถูกต้อง สมาคมธนาคารไทยยังได้ เสนอ 3 แนวทางในการแก้ปัญหา ต่อนายกฯดังนี้ภาคประชาชน จัดตั้ง JV—AMC ระหว่างธนาคารพาณิชย์และ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อซื้อหนี้เสียรายย่อยออกมาบริหารใหม่ กำหนดให้ผู้กู้ทุกรายต้องรายงานข้อมูลเครดิตเข้า NCB แล้ว สร้าง National Credit Score เพื่อให้ทุกคนถูกประเมินความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียวกันภาคธุรกิจ ผลักดันโครงการ “Greenly Made by Thais (GMBT)” เพื่อให้สินค้าส่งออกไทยมีแต้มต่อด้าน ESG และการใช้ วัตถุดิบในประเทศ มาตรการ “พี่ช่วยน้อง” ให้บริษัทใหญ่ช่วย SMEs ในห่วงโซ่อุปทาน ใช้เครื่องมือใหม่ เช่น Digital Lending Platform และ PromptBiz เพื่อลดต้นทุนธุรกิจภาครัฐ ใช้งบจัดซื้อจัดจ้างปีละ 1.7 ล้านล้านบาทเป็นคันโยกหนุน SMEs และสินค้ากลุ่ม GMBT ปรับโครงสร้างกฎระเบียบลดขั้นตอนและความซับซ้อนข้อเสนอ 3 ข้อของสมาคมธนาคารไทย เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนและง่ายมาก ขอเพียงรัฐบาลให้ความร่วมมือเท่านั้น ไม่มีนอกมีในแฝง 4 เดือนที่เป็นรัฐบาล ผมเชื่อว่าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนลดลงได้แน่นอน โดยไม่ต้องตั้งบ่อนกาสิโน ไม่ต้องนำการพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน เมื่อวานนี้มีข่าวว่า กระทรวงการคลัง จะเปิดให้บริการ “อารีย์สกอร์ (Ari Score)” ใช้ประวัติ การชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ มาเป็นคะแนนเครดิตเพื่อขอกู้เงินจากธนาคารในวงเงิน 10,000—50,000 บาท โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลเครดิตบูโรความจริง เครื่องมือแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เรามีพร้อมอยู่แล้วทุกระบบ แต่ที่ผ่านมาแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมีรัฐบาลเป็นอุปสรรคผมหวังว่า นายกฯหนู อนุทิน ชาญวีรกูล จะใช้เวลา 4 เดือนนี้ “ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุกโครงการจะเดินหน้าได้แน่นอน ถ้าไม่มี “คนคิดโกง” เป็นจระเข้ ขวางคลองเพื่อหวังจะโกงกิน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม