สงครามมีแต่ความสูญเสีย ตอนนี้คนไทย-คนกัมพูชา ที่ไม่รู้เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของนโยบายของผู้นำประเทศ จึงโล่งใจที่หยุดถล่มกันแล้ว และหวังอย่างยิ่งจะให้ยุติการสู้รบกันอย่างเด็ดขาด--หลวงพ่อวัดต่างๆที่แต่ละคนมีศรัทธาห้อยบูชา ภาวนาขอพรจึงเป็นที่พึ่งทางใจของทุกคนใครมีระดับ จักรพรรดิพระเครื่อง พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ก็ต้องขออำนาจพุทธคุณที่สูงมากทางเมตตา เพราะจัดสร้างด้วย ผงพุทธคุณ ๕ ประการ (อิธะเจ ปถมัง มหาราช ตรีนิสิงเห นวหรคุณ) ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ (เนื้อพระกรุทุ่งเศรษฐี ก้านธูป ผ้าจีวร ฯลฯ) ปูนเปลือกหอย ประสานด้วยน้ำอ้อย น้ำผึ้ง น้ำมันตังอิ้ว พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังฯ ของชนะวุธ อุทโท.ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ (พ.ศ.๒๔๕๗-๒๔๖๑) ที่ไทยได้ส่งทหารไปร่วมรบ ก็หาของป้องกัน ที่นิยมก็มี พระสมเด็จ ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ด้วย ทั้ง วัดระฆังฯ และ บางขุนพรหม ซึ่งเป็นรุ่นตกกรุ (ขโมย) ก่อนวัดเปิดกรุ ใน พ.ศ.๒๕๐๐ เพราะดีกว่าให้ขโมยไปเรื่อยๆพระสมเด็จวัดระฆังฯทั้ง ๔ พิมพ์ที่ท่านสร้างไป แจกไป คือ ๑.พิมพ์พระประธาน ๒.พิมพ์เจดีย์ ๓.พิมพ์เกศบัวตูม ๔.พิมพ์ฐานแซม มีอานุภาพด้านคุ้มครองป้องกันภัย เมตตามหานิยม เสริมบารมีมหาโชค มหาลาภ--องค์นี้ของ อาจารย์ลิ้งค์ ขอนแก่น (ชนะวุธ อุทโท) เป็นพิมพ์ใหญ่ นิยมสุด สภาพงามสมบูรณ์ ทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ กรุเก่า วัดใหม่ อมตรสฯ ของ Mr.Lee Malasia.ต่อไปเป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ กรุเก่า วัดใหม่อมตรสฯ แขวงบางขุนพรหม กรุงเทพฯ ซึ่ง สมเด็จโต รับเป็นประธานสร้างตามคำอาราธนาของ นายเสมียนตรา (ด้วง) ต้นสกุล “ธนโกเศศ ”เพื่อบรรจุองค์พระเจดีย์ในคราวบูรณะพระอาราม เป็นพุทธบูชาสืบอายุพระพุทธศาสนาโดยมอบพิมพ์พระ “วัดระฆังฯ” ให้เป็นต้นแบบ โดยทำพิมพ์เพิ่ม และมอบผงพุทธคุณให้เป็นส่วนผสมหลัก สร้างพระ ๘๔,๐๐๐ องค์ แล้วประกอบพิธีบรรจุเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๓ต่อมามีการขโมยตกกรุ ซึ่งวัดบันทึกไว้ ๓ ครั้ง พ.ศ.๒๔๒๕ พ.ศ.๒๔๓๖ พ.ศ.๒๔๕๙ ที่นำออกไปเรียก “พระกรุเก่า” พอเปิดกรุเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๔ พ.ย.๒๕๐๐ ได้พระสภาพสมบูรณ์ ๒,๙๕๐ องค์ จึงประทับตรา องค์พระเจดีย์ (หมึกม่วง) และออกให้ทำบุญบูชาที่วัดจนหมดไปในปี พ.ศ.๒๕๐๑พระกรุนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับสอง ในสกุล “พระสมเด็จ” เรียก “พระกรุใหม่” ซึ่งสภาพงามสมบูรณ์เดิมๆแบบองค์นี้พบน้อยมาก แม้เป็นพระพิมพ์นิยมท้ายสุด ราคาก็สูงถึงหลักล้าน เหรียญหล่อจอบเล็ก (แข้งติด) หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ของกันต์ ทำดี.รายการที่สามเป็น เหรียญหล่อ จอบเล็ก (แข้งติด) ที่ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ประกอบพิธีทำพิมพ์ เททองหล่อ ด้วยฝีมือช่างชาวบ้านที่วัด โดย หลวงพ่อเงิน ปลุกเสกออกเป็นรุ่นแรก พร้อม รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตาได้รับความนิยม เป็น เหรียญหล่อพระเกจิฯ ยอดนิยมเบอร์ต้น บล็อกนิยม--สภาพสมบูรณ์ สวยเดิมแบบองค์นี้ ของ เสี่ยกันต์ ทำดี ราคาหลักแสนปลายขึ้นหลักล้าน เหรียญหน้าวัว เนื้อเงิน พ.ศ.๒๕๑๓ หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง ของบอย เชียงใหม่.ถัดไปดู เหรียญหน้าวัว เนื้อเงิน พ.ศ.๒๕๑๓ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เป็นเหรียญยุคแรก รุ่นนิยมสุด ในสกุล “เหรียญหลวงปู่แหวน” พระเกจิฯสายปฏิบัติที่ได้ชื่อเป็นพระผู้ทรง “อภิญญา” มีพลังจิตแก่กล้าสูงสร้างพระเครื่องของขลังไว้ มีอานุภาพด้านเมตตา แคล้วคลาด ได้รับความนิยมเป็นวัตถุมงคลพระเกจิฯแถวหน้าของเมืองเหนือ เหรียญนี้ของ เสี่ยบอย เชียงใหม่ เป็น เหรียญเนื้อพิเศษ หายาก สร้าง ๑๐ เหรียญ สภาพสวยกริ๊บเดิมๆแบบนี้ฟังว่าอยู่ที่หลักแสน พระพุทธรูปบูชา พุทธศิลป์สมัยเชียงแสน สิงห์ ๑ ของพรรค คูวิบูลย์ศิลป์.ตามมาด้วย พระพุทธรูปบูชา พุทธศิลป์สมัยเชียงแสน สิงห์ ๑ หน้าตัก ๕ นิ้ว องค์นี้เป็นพระแท้ดูง่าย ทรงค่า สวยสมบูรณ์ ด้วยพุทธศิลป์ถึงยุคถึงสมัย มีอานุภาพบันดาลความอุดมสมบูรณ์ สุขภาพพลานามัย ซึ่ง เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ บอกว่าหายากมากๆตอบคำถามสนามพระนิดนึง เรื่อง ยุคพระเชียงแสนพระพุทธรูปเชียงแสน ศิลปะล้านนา สกุลช่างเชียงใหม่ สร้างขึ้นในยุคเชียงแสน ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ แบ่งเป็น สิงห์ ๑-๒-๓--ที่เรียกว่า “สิงห์ ๑” มีศิลปะเด่นคือ พระเกศแบบบัวตูม พระศกขมวดเป็นก้นหอย สังฆาฏิ อยู่เหนือราวนม ปลายสังฆาฏิเป็นแฉกเขี้ยวตะขาบ ประทับนั่งปางมารวิชัย บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย (บางครั้งเรียกปางสะดุ้งมาร) องค์ล่ำส่วน สิงห์ ๒ พระเนตรกว้างกว่า และ สิงห์ ๓ ก็เหมือน สิงห์ ๑ และ สิงห์ ๒ แต่พระเกศส่วนบนเป็น เปลวเพลิง สังฆาฏิยาวขึ้นจนถึงท้อง และ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ--แยกยุค จึงดูที่สังฆาฏิไว้ก่อน เหรียญหนุมานเทวฤทธิ์ พ.ศ.๒๕๕๙ เนื้อทองคำลงยา ของ อ.ศิวกร อนันตศิริขจร.สุดท้ายคือ เหรียญหนุมานเทวฤทธิ์ พ.ศ.๒๕๕๙ เนื้อทองคำลงยา ของ อาจารย์ศิวกร อนันตศิริขจร อาจารย์ฆราวาส ผู้สืบทอดวิชาด้านพิธีกรรม พิธีการ ทั้งพุทธศาสตร์ พราหมณ์ศาสตร์ โหราศาสตร์ สาย อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ประกอบพิธีสร้างเหรียญรุ่นนี้ด้วยพุทธศิลป์ที่สวยงาม และอานุภาพตามตำรับวิชาเต็มรูปแบบลากันด้วยเรื่องปิดท้าย ในร้านพระเครื่องบนศูนย์การค้าใหญ่ ที่เจ้าของร้านมีลูกค้าหน้าใหม่ เข้าไปถามว่า เวลานี้มีพระอะไรที่ขลังๆทางแคล้วคลาด คงกระพัน และมีจำนวนมาก ที่น่าเช่าบูชาบ้าง จะเอาไปแจกทหารเจ้าของร้านก็ยิ้มรับ บอกถ้าเอาที่ทันเหตุการณ์ขอแนะนำเป็นเครื่องรางอย่างผ้ายันต์ เพราะใช้ได้คุ้มค่าแบบทู อิน วันลูกค้าก็ถามว่า ทู อิน วัน ยังไง เซียนพระตอบทันที one คือ ติดตัวบูชา ไว้คุ้มครองป้องกันจากกระสุน ระเบิด Two คือ ใช้ผ้ายันต์ ปิดปาก จมูก เพื่อป้องกันเชื้อโรคจาก ศพเขมร ที่ “ฮุน เซน” ทิ้งให้เน่า เหม็น จนทหารไทยกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.สีกาอ่างคลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม