“ดีเอสไอ” เดินเครื่องตรวจสอบพื้นที่สนามบินขนงพระ ทับทางสาธารณะประมาณ 1 กม. และทางสาธารณะหายเข้าไปในพื้นที่สนามกอล์ฟ แต่ต้องรอหนังสือชี้แจงกลับจาก 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินและใบอนุญาตขอเปิดสนามบินส่วนตัว ได้ข้อมูลกลับมาเมื่อไหร่จะเดินเครื่องสอบปากคำนักการเมืองเจ้าของสนามบิน และน้องสาวที่มีชื่อเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟ ตั้ง 3 ประเด็นสำคัญคือ 1.การสร้างสนามบินทับที่นิคมฯ 2.ทำสนามกอล์ฟทับที่สาธารณะ และ 3.ไม่มีการขออนุญาตสร้างสนามบินกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องร้องเรียนจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะเป็นรันเวย์ของอากาศยานในสนามบินขนงพระ ปรากฏภาพข่าวว่าถนนสาธารณะดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ มีพฤติการณ์ใช้ถนนสาธารณะ เพื่อเป็นทางวิ่งอากาศยานส่วนบุคคลยาวประมาณ 1.5 กม. เนื่องจากเป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรร่วมกันมาเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความเดือนร้อนและความไม่ปลอดภัยต่อคนในพื้นที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ พ.ต.ต.นิมิตร พรหมมา รอง ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้วความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเปิดเผยผลการตรวจสอบว่า 1.พื้นที่ทางวิ่งของอากาศยานในสนามบินขนงพระอยู่ในความดูแลของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ดังนั้นการขออนุญาตใช้พื้นที่เป็นอำนาจของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง แต่กรณีการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงรันเวย์อำนาจการอนุญาตเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ในส่วนนี้องค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระเกี่ยวข้องในขั้นตอนการอนุญาต ขอตรวจสอบข้อมูลและจะส่งมอบเอกสารให้ดีเอสไอภายหลัง 2.กรณีทางวิ่งในสนามบินสร้างทับทางสาธารณประโยชน์หรือไม่นั้น ในขั้นตอนขออนุญาตอยู่ในอำนาจนิคมสร้างตนเองลำตะคอง อบต.ขนงพระไม่ทราบเรื่อง แต่ในส่วนสนามบินตรวจสอบข้อมูลโดยกองช่าง ไม่พบว่ามีการขออนุญาตจากการตรวจสอบพบว่าทางสาธารณะดังกล่าวกว้างประมาณ 3.5 เมตร ยาวประมาณ 450 เมตร และมีทางวิ่งอากาศยานหรือรันเวย์ตามข้อร้องเรียนจริง โดยกว้างประมาณ 19 เมตร ยาวประมาณ 1,000 เมตร พาดผ่านทางสาธารณะ เมื่อผ่านรันเวย์แล้วจะไปสิ้นสุดบริเวณสนามกอล์ฟเอกชน เป็นจุดสิ้นสุดพื้นที่รับผิดชอบนิคมสร้างตนเองลำตะคอง แต่เจ้าหน้าที่กองช่าง อบต.ขนงพระชี้แจงว่า จุดสิ้นสุดของเส้นทางสาธารณะดังกล่าวเชื่อมต่อเข้าไปในสนามกอล์ฟ แต่สภาพไม่ได้เป็นทาง มีการปลูกเป็นสนามหญ้าใช้ประโยชน์ในสนามกอล์ฟคณะพนักงานสอบสวนกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรอเอกสารการชี้แจงจาก 5 หน่วยงานได้แก่ 1.อบต.ขนงพระ เรื่องการขออนุญาตสร้างสนามบิน และมีการทำประชาพิจารณ์ขออนุญาตจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคลที่ขึ้นลงชั่วคราว ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หรือไม่ 2.กรมที่ดิน เรื่องโฉนดที่ดินว่าเป็นที่ดินในเขต นอกเขตอย่างไรบ้าง 3.นิคมสร้างตนเองลำตะคอง เรื่องไทม์ไลน์วันเวลาที่ปรากฏการก่อสร้างสนามบินขนงพระ การสร้างทางวิ่งอากาศยานหรือรันเวย์ 4.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่องการสร้างสนามบิน และ 5.สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เรื่องพื้นที่คาบเกี่ยวที่ดิน ส.ป.ก. ถ้า อบต.ขนงพระชี้แจงเอกสารว่าอนุญาตให้สร้างสนามบินจริงตามคำขอ ต้องดูข้อเท็จจริงกับสิ่งที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองชี้แจงมาด้วย เนื่องจากทางสาธารณะแห่งนี้อยู่ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองต้องขออนุญาตก่อนหากได้รายละเอียดชี้แจงครบทั้ง 5 หน่วยงานแล้ว ดีเอสไอจะลงพื้นที่พบบุคคล 2 ส่วน คือ 1.เจ้าของสนามบินขนงพระ เบื้องต้นปรากฏเอกสารมีชื่อนักการเมืองขอสร้างสนามบินภายหลังจากสนามบินสร้างเสร็จนานแล้ว (ตั้งแต่ปี 2555 ตามแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ) ทั้งยังทำประชาพิจารณ์ภายหลังด้วย และ 2.เจ้าของสนามกอล์ฟเอกชน ซึ่งตามเอกสารเป็นน้องสาวนักการเมืองเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไปประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.การสร้างสนามบินทับที่นิคมฯ 2.ทำสนามกอล์ฟทับที่สาธารณะ และ 3.ไม่มีการขออนุญาตสร้างสนามบิน แต่กลับไปอยู่ในพื้นที่นิคมฯที่บวมขึ้นมา การลงพื้นที่เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พบว่าจอดเครื่องบินไว้ 1 ลำ แต่ไม่มีการใช้ ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนถึงผลกระทบไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ดีเอสไอรอดูหนังสือชี้แจงจาก อบต.ขนงพระ ในเรื่องนี้ กรณีนี้หากมองภาพรวมคนที่เสียหายคือ นิคมสร้างตนเองลำตะคอง เพราะทางสาธารณะนี้อยู่ในพื้นที่นิคมฯ และคาบเกี่ยวกับที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งจะต้องดูว่ามีการรุกล้ำที่ดิน ส.ป.ก.ด้วยหรือไม่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่