แม่ทัพภาค 2 ยันมีข้อบ่งชี้ชัด “กับระเบิด” ที่ช่องบกเป็นของใหม่ กองทัพไทยไม่มีใช้ คาดฝีมือฝ่ายตรงข้ามลอบเข้าวางในแผ่นดินไทย ประเมินยังมีอีกเป็นร้อยลูก เตรียมส่งเรื่องถึงรัฐบาลให้ฟ้องยูเอ็น เขมรละเมิดอนุสัญญาออตตาวา แม้อีกฝ่ายออกหนังสือปฏิเสธ พร้อมเตรียมตอบโต้กลับไม่ต้องรอใครสั่ง ด้าน สมช.นัดหารือเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ก่อนนัดประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการจากกรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร 6021 ปฏิบัติ ภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทหารบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลา ศักดิ์ และพลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม ซึ่งอาการของทหารทั้ง 3 นาย ล่าสุดดีขึ้นตามลำดับ โดยแพทย์ได้ติดป้ายขอความร่วมมืองดเยี่ยมพลทหารธนพัฒน์ หลังเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วน ส.อ.ปฏิพัทธ์และพลทหารณัฐวุฒิ เข้าเยี่ยมได้ตามปกติ คาดอีก 2-3 วัน น่าจะกลับบ้านได้ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดและพิสูจน์หลักฐานไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี จ.สุรินทร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) แถลงผลการตรวจสอบกับ ระเบิด โดยระบุว่า หน่วยทุ่นระเบิด ด้านมนุษยธรรมที่ 3 เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญของกองทัพไทย ปัจจุบันเรียบร้อยในระดับหนึ่ง และจะให้ผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงผลการตรวจสอบจากนั้น พ.อ.สมโชค จันทาศรี ผู้บังคับหน่วยทุ่นระเบิด ด้านมนุษยธรรมที่ 3 แถลงว่า ได้จัดกำลังพล 7 นายเข้าพิสูจน์ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบ จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จากการพิสูจน์จุดแรกที่เข้า ไปเจอ มีการวางระเบิดไว้ 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีการวางของทุ่นระเบิดห่างกันประมาณ 40 ซม.ลักษณะการวางมีใบไม้ปกปิดนิดหน่อย จุดที่สองเจอ 5 ทุ่น ลักษณะการวางเช่นเดียวกับจุดแรก แต่รัศมีการวางจะกระจายออกไปห่างกันประมาณ 90 ซม. จากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูกออกมาแล้ว ตัวทุ่นระเบิดมีความใหม่ มีตัวอักษรค่อนข้างชัดเจน โดยที่เจอมาถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม เมื่อกู้ออกมาแล้วจะเห็นชัดเจนระหว่างของเก่ากับของใหม่ ส่วนมากเป็นการวางใหม่ทั้งนี้ พล.ท.บุญสินกล่าวเพิ่มเติมว่า สรุปเป็นทุ่นระเบิดใหม่ จุดที่วางคือเลยแนวการวางกำลังของกัมพูชามาข้างหน้าประมาณ 100-150 เมตร เป็นทั้งแนว ซึ่งหลังจากนี้กองกำลังสุรนารีจะดำเนินการเก็บกู้ทั้งหมดเนื่องจากว่าอยู่ในแผ่นดินไทย โดยจะใช้ความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย ส่วนมาตรการตอบโต้ของกองทัพจะมีสองกรณี คือกรณีแรกที่เราต้องทำรายงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จากนั้นกองทัพจะทำต่อไปที่รัฐบาล เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นหนังสือไปที่ยูเอ็น เป็นไปตามอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งยืนยันว่าคู่กรณีของเราเป็นคนวางชัดเจน ส่วนการตอบโต้ทางการนั้น เป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 2 ที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องทางการทหาร ที่คงชี้แจงตรงนี้ไม่ได้ แต่ต้องมีการตอบโต้ ถือเป็นเรื่องทางยุทธวิธี ที่กองทัพภาคที่ 2 จะตัดสินใจดำเนินการตอบโต้ได้เลยแม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีกัมพูชาออกมาปฏิเสธ ไม่ได้เป็นผู้วางทุ่นระเบิดดังกล่าว แต่เป็นฝ่ายไทยวางเองว่า ในความเป็นจริง โดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากว่าการวางนั้น เป็นการวางที่หน้าแนว แล้วผู้ที่ไปวางจะต้องผ่านทหารฝ่ายเดียวกันคือฝ่ายทหารไทย ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยทหารของฝ่ายไทยเท่านั้น ถึงไปได้ เพราะฉะนั้นต้องวางมาจากด้านฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว และที่กัมพูชาอ้างว่าเคยบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดนี้ ก็เป็นคำพูดที่เขาสามารถชี้แจงได้ แล้วแต่จะชี้แจง เพราะกัมพูชาเป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ในอนุสัญญาออตตาวานี้ เขาต้องยึดถือโดยเคร่งครัดเช่นกัน อันนี้เขาปฏิเสธอยู่แล้ว มีหนังสือออกมาแล้ว ส่วนช่วงเวลาการวางน่าจะเป็นห้วงก่อนการถอนปรับกำลังช่องบกเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่ากับระเบิดที่พบไม่มีใช้ในกองทัพไทยส่วนที่กัมพูชาอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายวางกับระเบิดนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า คงไม่มีผู้บังคับหน่วยไหนวางระเบิดใส่ลูกน้องตัวเอง การฟ้องยูเอ็น ถือเป็นการกดดันในเวทีโลก พื้นที่ดังกล่าวเป็นแผ่นดินไทย ที่ฝ่ายตรงข้ามมาวางระเบิดตามที่ผู้นำของกัมพูชาระบุมาว่าระเบิดนั้นวางในประเทศไทย ชัดเจนว่ามีการแทรกซึมเข้ามาวางกับระเบิดในช่วงที่เราถอนกำลังลาดตระเวน เราสามารถตอบโต้ตามขอบเขตความเหมาะสม และเด็ดขาดต่อไป ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องอพยพประชาชน แต่จะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดตามแนวชายแดนให้หมด คาดว่ายังมีอีกหลักร้อยลูก ชนิดเดียวกับตามที่เป็นข่าว และทำถนนให้ครอบคลุม พร้อมกำชับให้ทหารช่างระมัด ระวังมากขึ้น ไม่คาดคิดว่าเขาจะทำผิดอนุสัญญาออตตาวาที่มีต่อกัน ไม่คิดว่าจะเล่นรุนแรง เพราะสองประเทศเป็นคู่อนุสัญญาออตตาวา ไม่ให้ใช้ระเบิดสังหารบุคคลร่วมกัน ถือเป็นเรื่องใหม่ ที่เราต้องเฝ้าระวังนอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายครั้งกัมพูชาละเมิดข้อสนธิสัญญา แต่ไม่มีการตอบโต้กลับว่าจะเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธ และมีผลกระทบทุกภาคส่วน บางครั้งบางโอกาส ถ้าจำเป็นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ต้องรอดูสถานการณ์ พร้อมยืนยันว่าจากนี้ไปจะทำให้ดีที่สุดและให้จบในยุคของตน เรื่องกับระเบิดทางกัมพูชาไม่ยอมรับอยู่แล้ว แต่เราต้องแก้ปัญหาต่อไป เพื่อศักดิ์ศรีของประเทศและของลูกน้องเราด้วย พร้อมกันนี้อยากฝากถึงคนไทยทุกคน ขณะนี้กองทัพไทย โดยกองทัพภาคที่ 2 และรัฐบาล โดย รมช.กลาโหม พยายามบริหารประเทศชาติบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ตลอดแนวชายแดน จะพยายามทำให้คลี่คลายโดยเร็ว ขอให้ประชาชนอดทน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในปัจจุบันนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนหลังจากที่มีการปรับกำลังก็ไม่มีการรุกล้ำอธิปไตย แม้มีเหตุเหยียบกับระเบิด เราก็กำลังแก้ไขปัญหาให้ชัดเจนต่อไป โดยกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ จะดำเนินการต่อไป ในส่วนของทางการทหารจะตอบโต้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยต่อมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงเปิดเผยผลตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุช่องบกว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.ยืนยันการลาดตระเวนของหน่วยทหารเพื่อรักษาพื้นที่แนวชายแดนไม่ให้ถูกรุกล้ำ เจ้าหน้าที่พร้อมทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ และจากการตรวจที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏความชัดเจนแล้วว่าทุ่นระเบิดจากเหตุดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่ ข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทัพบกขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติด้วยความรอบคอบและตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดีขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รมช.กลาโหม ได้มอบหมายให้ สมช.ในฐานะฝ่ายเลขา นุการของ ศบ.ทก.หารือกับเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ ให้ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก จากนั้น พล.อ.ณัฐพลจะเป็นประธานการประชุม ศบ.ทก. ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น.ที่สำนักงาน สมช. ซึ่งจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการต่างๆ ในเรื่องดังกล่าวส่วนบรรยากาศที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตลอดวันที่ 19 ก.ค.ยังคงมีประชาชน นักท่องเที่ยวไทยจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมามอบสิ่งของให้ทหารและเที่ยวชมตัวปราสาทตาเมือนธมเป็นจำนวนมากกว่าวันปกติ ส่วนที่มีข่าวว่ามีวัตถุคล้ายกล้องวงจรปิด สีน้ำเงิน ติดตั้งอยู่บนต้นไม้ฝั่งกัมพูชา ไม่ไกลจากบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม สามารถมองเห็นได้ชัดเจน 2 ตัว ผู้สื่อข่าวได้รับคำตอบจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระหว่างมาทีี่ปราสาทตาเมือนธมช่วงเย็นวันที่ 18 ก.ค.ว่า ตรงนั้นอยู่ในเขตของเขา ถ้ามีจริงก็ผิดเอ็มโอยู ทำวัตถุหรืออุปกรณ์สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เพิ่มเติมจากปี 43 ไม่ได้ เราต้องประท้วงไป และพิสูจน์ทราบ ให้ ผบ.หน่วยไปคุยกับฝั่งนั้น ถ้าเป็นกล้องจริงอาจดูฝ่ายเราด้วยว่าล้ำอะไรหรือเปล่า ถ้าติดในระยะที่ผิดสนธิสัญญาเราก็ต้องประท้วงวันเดียวกัน ที่ สภ.พนมดงรัก นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิ นำตัวนายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ชกทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือนธม มามอบตัวต่อ พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผกก.สภ.พนมดงรัก เพื่อรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งตำรวจได้นำตัวนายสมหมายเข้าห้องสอบสวนทันทีหลังจากนั้นทนายโนบิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผกก.สภ.พนมดงรัก ได้แถลงเรื่องของคดีว่า ให้ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ตนได้ร้องทุกข์เรื่องนางโมนิก้า หญิงกัมพูชา ได้มาก่อความวุ่นวายที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับชี้หน้าทหารไทยในเขตไทย ซึ่งได้ร้องทุกข์กับ ผกก.สภ.พนมดงรัก ตำรวจจะนำหมายเรียกผ่านสถานทูตไปยังนางโมนิก้า แต่ถ้าไม่มาก็จะออกหมายจับต่อไป ขณะที่ พ.ต.อ.นพดลกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับทั้งสองเรื่องไว้แล้ว ทางทนายโนบิจะแจ้งความเพิ่มเติมก็จะรับเรื่อง อาจจะรวมเรื่องไปกับที่ทหารแจ้งความไปแล้ว มาดูกันอีกที ยินดีดำเนินการตามกฎหมายและจะมีการสืบสวนให้แน่ชัดอีกครั้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่