เป็นคลิปเสียงลือลั่นสนั่นเมืองจนเกิดปฏิกิริยาในสังคมไทยที่ไม่พอใจ ส่งเสียงเรียกร้องให้รับผิดชอบให้ลาออกจากตำแหน่งนี่ไง...นายกรัฐมนตรีไทยใจเขมรนี่หว่าเป็นข้อสรุปหลังจากฟังเสียงจากคลิปซึ่งเป็นการสนทนาเป็นการส่วนตัวระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทย กับ “ฮุน เซน” ผู้มากบารมีแห่งกัมพูชาเพราะบทสนทนาดังกล่าวอย่างย่อเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีไทย “ไม่อยากให้ไปฟังฝั่งตรงข้ามกับเรา พอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลยก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ”“เพราะจริงๆแล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ”“ความจริงอยากได้อะไรก็บอกมาจะจัดการให้ทุกอย่าง”นี่เป็นสาระส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยรู้สึกว่าผู้นำประเทศของเราทำไมต้องพูดเช่นนั้น ที่อ้างว่าเป็นเทคนิคในการเจรจาเพื่อให้สถานการณ์ลดความตึงเครียดเพื่อนำไปสู่การพูดคุยเพื่อสันติภาพ ความจริงแล้วการพูดคุยนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดแบบนี้ก็ได้ เพราะพูดอย่างนี้มันทำให้คิดไปเป็นอย่างอื่นได้แม้จะโทร.ไปขอโทษแม่ทัพภาคที่ 2 ที่บอกว่าไม่ติดใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ความรู้สึกดีขึ้น แต่เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาจึงจำเป็นต้องพูดแบบนั้นแน่นอนว่าการนำคลิปส่วนตัวมาเปิดเผยเช่นนี้ถือเป็นการทำที่ผิดมารยาทยิ่ง แต่เนื่องจาก “ฮุน เซน” กำลังติดกับดักตัวเองจึงต้องใช้วิธีที่สกปรกเพื่อหวังเสี้ยมให้คนไทยแตกแยกกัน โดยเฉพาะกองทัพกับรัฐบาลแม้นายกรัฐมนตรีอ้างว่าเป็นเทคนิคการเจรจาเพื่อหวังให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น แต่อีกมุมหนึ่งคงจะไปห้ามคนที่เห็นว่านี่เป็นการแสดงตัวตนของนายกรัฐมนตรีที่สนิทสนมกับผู้นำเขมรนอกจากจะเสียท่าเขาแล้วยังพูดจนแสดงถึงจิตใจที่ไม่ 100% กับความเป็นคนไทย ดังนั้นอย่าได้แปลกใจทำไมคนไทยจำนวนมากจึงแสดงออกถึงความไม่พอใจและต้องการให้พ้นจากตำแหน่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่มีการเรียกร้องให้ “ลาออก” หรือ “ยุบสภา”แน่นอนว่านักการเมืองนั้นคงไม่ยอมง่ายๆที่จะทำตามข้อเรียกร้องแม้จะกดดันอย่างไรก็ตามจนกว่าจะถึงที่สุดไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น!แน่นอนว่ามีเสียงเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลออกมาจากรัฐบาลอย่างที่ “ภูมิใจไทย” ได้ออกมาแล้วแม้จะต่างประเด็นกันแต่ก็สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เสียงของรัฐบาลหายไป 69 เสียงหากรวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา และประชาธิปัตย์ออกตามไปด้วยก็จะทำให้เสียงหนุนรัฐบาลไม่ถึงกึ่งหนึ่งจนไปต่อไม่ได้!ก็ต้องดูว่าท่าทีของ 3 พรรคนี้จะเอายังไง ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากรัฐบาลที่ถูกไล่ก็ต้องหวังเสียงพรรคร่วมเป็นตัวช่วยเพื่อให้พรรคแกนนำไม่มีทางอยู่ต่อไปได้เพราะลำพังเสียงของประชาชนหรือม็อบลงถนนที่กดดันอยู่ภายนอกจะแข็งแกร่งแค่ไหนหากเสียงสนับสนุนในรัฐบาลยังมั่นคงก็ทำอะไรได้ยากที่ผ่านมาต้องใช้ “ทหาร” เป็นตัวช่วย แต่ปัจจุบันสถานการณ์โลก เปลี่ยนไป คงไม่อยากทำแบบเก่าๆแล้วแต่ดูจากสถานการณ์จริงๆแล้วรัฐบาลคงอยู่ยาก!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม