เงินกำลังหมุนไป สำหรับแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ที่เป็นการโยกงบประมาณจากโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาใช้ ล่าสุดอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้สรุปโครงการต่างๆเรียบร้อยหลังจากที่มีคำขอโครงการจำนวนมากกว่า 10,000 โครงการ มูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาท อนุกรรมการฯระบุว่าได้พิจารณาลงรายละเอียดให้ชัดเจน ตามเงื่อนไข 4 ด้าน และมติ ครม.กำหนดกรอบการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น รวมทั้งให้เป็นไปตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี กำชับให้ละเอียด รอบคอบ รัดกุมโดยหลังจากนี้จะมีการนำเสนอข้อสรุปโครงการต่อคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนายกฯเป็นประธาน พิจารณาอีกครั้ง ก่อนนำเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบ ภายในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ทันสิ้นปีงบประมาณ ในเดือน ก.ย.2568 ให้โครงการต่างๆ เริ่มต้น เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็วซึ่งในการใช้งบฯ 1.57 แสนล้านบาท ลอตนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เคยระบุไว้ได้มีข้อกำหนดไม่ให้ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษทุกโครงการโดยจะต้องมีการประมูลโครงการตามวิธีปกติ รวมทั้งจะไม่พิจารณาโครงการที่วงเงินต่ำกว่า 500,000 บาท เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเม็ดเงินเกิดการรั่วไหล อย่างที่หลายฝ่ายกังวลอย่างไรก็ดี จากกรอบการใช้งบฯกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ด้าน มีทั้งโครงสร้างเกี่ยวกับพื้นฐานด้านน้ำ โครงการด้านการพัฒนาภาคการท่องเที่ยว โครงการด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพด้านการเกษตร และผู้ประกอบการ SMEs และโครงการเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ ดูจะเป็นกรอบการใช้งบฯที่กำหนดไว้กว้างและด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา เพราะมีการปรับเปลี่ยนการใช้งบฯกลางคัน หลายฝ่ายเกรงว่าจะไม่รอบคอบ อย่างที่มีข่าวการเร่งให้ท้องถิ่นต่างๆนำเสนอโครงการในเวลาไม่กี่วัน และยังมีข้อห่วงใยถึงการพิจารณาเลือกโครงการที่อาจไม่ครอบคลุมทั่วถึง อาจเน้นตอบสนองต่อพื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองรัฐบาลแน่นอน ข้อสังเกตทั้งหมดรัฐบาลอาจมองว่าถูกจ้องจับผิด โดนวิพากษ์ วิจารณ์ไม่ต่างจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่อีกมุมหนึ่งก็อยากให้มองว่าในภาวะวิกฤติและมีข้อจำกัดเรื่องงบฯ ทุกฝ่ายก็อยากให้ใช้เงินคุ้มค่า ตรงเป้าหมาย แม้ไม่ถึงขั้นสร้างพายุหมุนเศรษฐกิจลูกใหญ่ แต่ก็ต้องไม่ใช่การตำน้ำพริกละลายทิ้งแม่น้ำ.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม