สถานการณ์ของรัฐบาลเริ่มออกอาการให้เห็นแล้วว่า คงอีกไม่นานถึงคราวต้องจบแล้ว เพราะเกิดความปั่นป่วนไปทั้งระบบโดยเฉพาะความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล“เพื่อไทย” เปิดหน้าชนกับ “ภูมิใจไทย” ถึงกับขับไล่ไสส่งกันแล้ว ไม่มีสงวนท่าทีเหมือนกับที่ผ่านมาพูดง่ายๆไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาก็ตามนั่นแสดงว่า “เพื่อไทย” ได้มีการพูดคุยกันเองแล้วว่า หาก “ภูมิใจไทย” ไม่ยอมยกกระทรวงมหาดไทยก็ไปเป็นฝ่ายค้านได้เลยมาตามลายแทง “นายใหญ่” เป๊ะเพราะนี่คือ “เจ้านาย” ตัวจริง ทำอะไรแล้วต้องได้ประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือ สถานภาพของ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้า “เพื่อไทย” และนายกรัฐมนตรีนั้นเดินมาถึงจุดตกต่ำสุดขีดแล้ว!แม้กระทั่งปัญหาขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา แทนที่จะใช้เป็นบันไดหาเสียงเพื่อได้ใจคนไทยกลับกลายเป็นผลลบถูกโจมตีว่ารักเขมรมากกว่าไทยแค่นี้ก็ชัดแล้วเพราะทุกวันนี้รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย มีแต่ปัญหาทับถมเพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจก็แย่ มีแต่เสียงร้องโอดโอยร้านอาหารก็แห่กันปิดตัวเพราะไม่มีคนซื้อนอกนั้นยังมีปัญหาทางการเมืองเรื่อง “พ่อ” ที่ทำให้ทุกอย่างมีแต่ความเลวร้าย ทำท่าว่าจะต้องติดคุกด้วยนอกจากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลก็เกิดปัญหาขัดแย้ง ไม่ใช่แค่ “ภูมิใจไทย” เท่านั้น แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” ก็หนักไม่ต่างกันถึงขั้นพรรคแตก!มิหนำซ้ำยังถูกมองว่า “นายใหญ่” อยู่เบื้องหลังทำให้เกิดปัญหาภาคใต้ก็เกิดเหตุเป็นรายวันทุกอย่างถูกโยงไปที่นายกรัฐมนตรี ว่าไม่มีความสามารถที่จะบริหารประเทศได้ คือขาดภาวะความเป็นผู้นำไม่มีความสามารถนำพาประเทศต่อไปได้วันนี้สังคมกำลังจับตามองไปที่ความขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ในเรื่องการปรับ ครม.ที่นายกรัฐมนตรีจะพูดคุยกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล”ประเด็นก็คือ จะขอกระทรวงมหาดไทยไปบริหารเองแต่ “ภูมิใจไทย” ก็ไม่ยอมประกาศว่า จะขอเป็นฝ่ายค้านนี่แหละคือจุดที่จะทำให้เกิดการแตกหัก!อยู่ที่ว่า หัวหน้า “เพื่อไทย” จะกล้าพูดหรือไม่?ถ้ากล้าพูดแล้ว “เสี่ยหนู” ไม่ยอมว่ายังไงวันนี้ “ภูมิใจไทย” คงเห็นแล้วว่าสภาพของรัฐบาลที่มี “แพทองธาร” เป็นนายกรัฐมนตรี คงไปไม่ไหวแล้วจึงกล้าที่จะแลกหมัดเพราะอยู่กันไปอย่างนี้ก็ไม่ได้ทำให้รัฐบาลดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ สู้แยกกันแล้วก็ไปสู้ในสนามเลือกตั้งดีกว่าที่สำคัญพรรคฝ่ายค้านไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคเป็นธรรมต่างก็ประกาศยินดีต้อนรับไปเป็นฝ่ายค้าน!"สายล่อฟ้า"