คุณภาพชีวิตที่ดีหนึ่งในความเป็น “คน” หรือ “มนุษย์” นอกจากการมีร่างกายที่มิได้มีความพิการมีสติปัญญาความรู้ความสามารถที่ดี ยังรวมถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมืองอยู่ในศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม เคารพกฎหมายของบ้านเมือง เอื้อเฟื้อต่อจารีตประเพณีวัฒนธรรมที่ดีอีกทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลต่อเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับการเดือดร้อน การมีจิตอาสาเป็นคนดีตั้งแต่วัยเด็กไปจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุแก่ตายไป ย่อมจักได้รับการชื่นชมสรรเสริญ เป็นสิ่งที่ปรารถนาของหลายๆคนที่ผ่านมาในรอบหลายเดือนนี้ สื่อต่างๆรวมทั้งสื่อออนไลน์ได้นำเสนอตัวเลขของ “วัยรุ่นไทย” เราที่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ที่มิได้ใช้ถุงยางอนามัย จนกระทั่งเป็นเหตุให้ติดเชื้อกามโรคทั้งซิฟิลิส หนองใน เริม แผลริมอ่อน เอชพีวี หูดหงอนไก่ กามโรคเรื้อรังบริเวณขาหนีบจนกระทั่งเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้ายและเสียชีวิต... เฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ บอกว่า สังคมโลกของเราได้มีการค้นพบผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายแรกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 หรือเมื่อ 95 ปีที่ผ่านมาแล้ว ในปี 1981 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้พบผู้ป่วยโรคปอดชนิดมะเร็งที่หายากในผู้ชายรักร่วมเพศ โดยช่วงแรกๆเรียกว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เกี่ยวข้องกับเกย์ (GRID)ต่อมา...ก็พบผู้ป่วยทั้งจากเพศสัมพันธ์ทั้งชายรักชาย...ชายหญิง การถ่ายเลือด ฉีดยาเข้าเส้น แม่สู่ลูก ข้อมูล UNAIDS (2567) ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก อยู่ในตัวเลข 39.9 ล้านคน...จากตัวเลขผู้ติดเชื้อข้างต้นนี้จะเห็นได้ว่า “สังคมโลก” ของเรายังไม่สามารถที่จะยุติ “โรคเอดส์” ที่เป็นภัยคุกคามสุขภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีการพบถึงช่องว่างในการเข้าถึงการบริการโดยเฉพาะบุคคลและชุมชนที่ถูกละเลย รวมถึงการรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อจากภาครัฐเฉลิมพล ย้ำว่า การให้ความรู้ความเข้าใจในภาพรวมโดยเฉพาะในประเทศนอกกลุ่มซับซาฮารา ประเทศปาปัวนิวกินี อัฟกานิสถาน ฟิจิ ฟิลิปปินส์ อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ในระหว่างปี 2010-2023 และประเทศหนึ่งมิได้ห่างไกลจากเมืองไทยเราคือ...ฟิลิปปินส์ในเร็ววันมานี้ได้มีตัวเลขของผู้ติดเชื้อเอชไอวีอายุ 15–25 ปี กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ย 56 รายต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม–เมษายนของปีที่แล้ว สาเหตุของการเพิ่มขึ้นก็คือ...การมีเพศสัมพันธ์ที่มิได้ป้องกันอยู่ในตัวเลขที่มากที่สุด สำหรับสังคมไทยเรา ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2568 ในตัวเลข 568,565 คน พบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,862 คน และเสียชีวิต 10,217 คน เราท่านจะเห็นว่าพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ยังคงอยู่ในสังคมไทยเรามาอย่างต่อเนื่องกว่าสี่สิบเอ็ดปี...อะไร?...เหตุใด? เอดส์ในสังคมไทยจึงมิได้หมดไปแพทย์หญิง พุทธพร ประเสริฐสกุล สคร.7 จังหวัดขอนแก่นให้ข้อมูลว่า พบผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ปีละกว่า 700 คนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยพบในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ตั้งแต่ อายุ 20-49 ปีโดยเฉพาะเขตสุขภาพที่ 7 (ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,600–1,700 คนต่อปี ประเด็นสำคัญมีว่า...ในข้อมูลดังกล่าวมิเฉพาะภาคตะวันออก เฉียงเหนือเท่านั้น ยังมีการพบวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยงจากทุกๆ จังหวัดของเมืองไทยเราเฉลิมพลอยู่ใกล้ชิดชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง จิตเวช ผู้สูงอายุที่แก่ชรา ไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวทอดทิ้ง คนไร้บ้าน เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง รวมถึงการระบาดใหม่ของเชื้อโควิดที่มีการระบาดใหม่ในปัจจุบัน ดูเสมือนว่า...ปัญหาเหล่านี้ถูกซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางปัญหาของสังคม ปัญหาเอชไอวี เอดส์ การแพร่ระบาดใหม่ในยุคปัจจุบันเนื่องด้วยวันเวลากว่าสามทศวรรษในสังคมไทยเรา การรณรงค์เผยแพร่ให้ความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ถูกละเลยทั้งระดับนโยบาย งบประมาณ การบริหารจัดการของรัฐในหลากหลายกระทรวงที่รับผิดชอบต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาเหล่านี้วัยรุ่นวัยเรียนหรือคนในวัยทำงานหลายคนยังมีความคิดที่ว่า เอดส์ได้หมดไปจากสังคมไทยแล้วแทบไม่มีข่าวหรือสื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์ป้องกันในรอบหนึ่งปี เราท่านอาจจะทราบข้อมูลเอชไอวี เอดส์อีกครั้งหนึ่งก็คือวันเอดส์โลก 1 ธันวาคมของทุกๆปี...“การมีเสรีภาพในทางเพศทั้งสังคมไทยเราและสังคมโลกในยุคนี้ดูเสมือนเป็นเรื่องปกติสามัญทั่วๆไปที่คนทุกเพศ วัย อาชีพ สถานภาพ ความรู้ ความคิด ความเชื่อจักเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงข้อกฎหมายของบ้านเมืองที่ให้การคุ้มครองดูแลในเรื่องเพศ สมรสเท่าเทียม ความหลากหลายทางเพศ” เฉลิมพล ว่า“บนเส้นทางคู่ขนานนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลากหลายเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การติดเชื้อกามโรค เอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือยาต้านไวรัสเอชไอวียุคปัจจุบันทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนานมากขึ้น ไม่ตายง่าย ตายเร็วเสมือนยุคก่อน” เมื่อผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่จักวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งก็คือการรังเกียจ กลัว ปฏิเสธผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์อีกครั้งหนึ่งองค์กรการกุศลที่เป็นเอกชนในสมัยก่อนได้ปิดกิจการไปส่วนใหญ่คงจะเหลือที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรีเพียงแห่งเดียวที่ยังคงให้การดูแลช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ตั้งแต่ยุคแรกมาถึงปัจจุบันทุกๆคนต่างก็มีความคาดหวังว่าจักได้เข้าพักในวัดของทุกๆราย ทว่า...สภาพปัญหาหนึ่งที่ตามมาก็คือการบริหารจัดการที่ต้องดูแลชีวิตเขาทั้งระบบเงิน ระบบการจัดการ จำนวนเจ้าหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือชีวิตเขา ปัจจุบันชีวิตเขาเหล่านั้นมิได้ติดเชื้อเอชไอวีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังมีโรคอื่นๆอยู่ในตัวด้วยอาทิ โรคหัวใจ มะเร็ง ระบบจิตประสาท จิตเวช ความพิการตาหูแขนขาและโรคอื่นๆที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สุดท้ายแล้วความจริงของชีวิตหนึ่งก็คือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมชาติหนึ่ง เราท่านจะเลือกการเจ็บป่วยและตายได้หรือไม่ อย่างไรดีแล.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม