อาจจะเขียนช้าไปหน่อย แต่ก็ต้องเขียนละครับ เพราะผมถือว่าการที่สาวไทยเราไปคว้ามงกุฎนางงามโลก หรือ Miss World มาครองได้นั้น เป็นความสำเร็จ และความภาคภูมิใจอย่างใหญ่หลวงของคนไทยอีกประการหนึ่งดังที่ทราบกันแล้ว รายการประกวดความงามที่เก่าแก่ และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าถ้าเป็นการแข่งขันกีฬาก็คือรายการที่เขาเรียกว่า “Major” (เมเจอร์) หรือ “Grand Slam” (แกรนด์สแลม) นั้นมีอยู่เพียง 2 รายการเท่านั้นได้แก่ “มิสเวิลด์” หรือ Miss World ของประเทศอังกฤษ ที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 กับ “มิสยูนิเวิร์ส” (Miss Universe) หรือ นางงามจักรวาล ของสหรัฐฯ ซึ่งจัดเมื่อ ค.ศ.1952 หลังมิสเวิลด์เพียงปีเดียวนั่นเองประเทศใดคว้า “มง” จาก 2 รายการนี้ก็เหมือนนักกอล์ฟได้เป็นแชมป์รายการ “เมเจอร์” หรือนักเทนนิสได้เป็นแชมป์รายการ “แกรนด์สแลม” ว่าอย่างนั้นเถิดเราได้แชมป์มิสยูนิเวิร์ส หรือนางงามจักรวาลมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ “ป้าปุ๊ก” อาภัสรา หงสกุล เมื่อ พ.ศ.2508 หรือ ค.ศ.1965 กับ “น้าปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2531 หรือ ค.ศ.1988 นำความภาคภูมิใจมาสู่พี่น้องชาวไทยใน พ.ศ. หรือ ค.ศ.ดังกล่าวอย่างเหลือล้นดังนั้น เมื่อ “น้องโอปอล” สุชาตา ช่วงศรี ของเราสามารถไปคว้ามง “มิสเวิลด์” เมเจอร์สำคัญอีกหนึ่งเมเจอร์ที่ประเทศเรายังไม่เคยคว้ามงมาเลยนับแต่มีการประกวดมา 72 ปี เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 หรือ ค.ศ.2025 ที่ผ่านมา จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้คนไทยมีความสุขอย่างเปี่ยมล้นเช่นกันด้วยเหตุนี้ในการเดินทางกลับบ้านของน้อง โอปอล เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 ซึ่งมีการจัดพิธีต้อนรับอันยิ่งใหญ่ด้วยการแห่แหนจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่ย่าน เอ็มดิสทริค จึงสมควรแก่การบันทึกไว้ในฐานะส่วนหนึ่งของเกร็ดประวัติศาสตร์ (แห่งความสุข) อีกครั้งหนึ่งของคนไทย และประเทศไทยตอนอาภัสราคว้ามงมิสยูนิเวิร์ส พ.ศ.2508 ผมอายุ 24 ปี ทำงานอยู่ที่สภาพัฒน์ บริเวณสะพานขาว จำได้ว่าลงมายืนต้อนรับขบวนแห่คุณปุ๊กบนรถ เชฟโรเลต เปิดประทุน ที่จะผ่านสะพานขาว เบียดเสียดผู้คนนับจำนวนหมื่นที่มายืนรออยู่ก่อนถ้าจำไม่ผิดขบวนมาถึงตอนพักเที่ยงพอดี ทำให้ข้าราชการทุกกรมแถวนั้น เช่น สภาพัฒน์, สถิติแห่งชาติ, กรมวิเทศสหการ และกรมประชาสงเคราะห์ ต่างแห่กันออกมายืนโบกมือต้อนรับได้โดยไม่ต้องลาราชการอีก 23 ปีให้หลัง พ.ศ.2531 คุณปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ขึ้นขบวนแห่มาผ่านสะพานขาวเช่นกัน เพื่อจะไปศาลาว่าการ กทม. ...ช่วงนี้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และตำแหน่งรับผิดชอบก็สูงขึ้นไม่กล้าลงมายืนเข้าแถว เพราะเวลาที่ขบวนแห่ผ่านไม่ใช่เวลาพักของราชการแต่ก็นั่งดูการถ่ายทอดสดจากจอทีวี ภายในสำนักงาน ซึ่งแน่นอนบ่ายวันนั้นแทบจะไม่ได้ทำงานอะไรกันนัก นอกจากเชียร์ปุ๋ยคราวนี้ พ.ศ.2568 ผมกลายเป็น “โอลด์แมน” อายุ 84 ปี เกินนิดๆ นั่งดูยูทูบคนเดียวที่บ้าน ตั้งแต่พิธีต้อนรับ “หลานโอปอล” ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปจนถึงพิธีฉลอง ที่ “เอ็มดิสทริค” สุขุมวิท ของเครือ “เดอะมอลล์” ด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นไม่แพ้กันเลยอ่านต่อพรุ่งนี้นะครับ ว่า “โอลด์แมน” แอนด์ “3 มง” (เพราะผ่านเหตุการณ์มาแล้ว 3 มงกุฎใหญ่) บันทึกอะไรไว้บ้าง? ในการกลับบ้านของ “มิสเวิลด์” ลูกสาวแห่งชาติคนล่าสุด."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม