พท.มั่นใจนายกฯจัด ครม.ใหม่ วางคนตรงกับงาน “เชิดชัย” ฉะมหิดลโพลเอียงข้างไม่น่าเชื่อถือ ไล่ส่ง ภท. เย้ยไม่กล้าไปเป็นฝ่ายค้านแน่ ขู่เช็กบิลเขากระโดง-ฮั้วเลือก สว. “วิสุทธิ์” เบรก สส.อย่ากดดัน “อิ๊งค์” ชี้ไม่ถึงขั้นต้องขับใครออก 2 พรรคยังจับมือกันได้ ป้อง “ภูมิธรรม” เจอพิษอารมณ์คน “เสี่ยหนู” ยกพลบุกอุดรฯ ขอปักธง เปิดตัว สส.ทสท. เรื่องปรับ ครม.สบายใจชิวๆ ยังนั่ง รมว.มหาดไทยอยู่ โยนสื่อถามนำสลับไปเป็นฝ่ายค้าน เชื่อ “อิ๊งค์” ไม่ชิงยุบสภาชิงได้เปรียบ ปัดหม่ำข้าวเคลียร์ใจกับ “นายใหญ่” “นิพนธ์” แนะ ปชป.ชิงจังหวะรัฐบาลขาลงถอนตัว “ทวี” ย้ำคดี “ทักษิณ” ชั้น 14 เคารพศาล ยันทุกเรือนจำไม่มีโรงพยาบาลสส.พรรคเพื่อไทยยังคงสร้างแรงกดดันเรื่องการปรับ ครม. นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย เชื่อว่าถึงยึดกระทรวงมหาดไทยกลับคืนมาภูมิใจไทยก็ไม่กล้าไปเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โยนสื่อถามนำเรื่องสลับไปเป็นฝ่ายค้านเชื่อนายกฯวาง ครม.ใหม่ตรงกับงานเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ มั่นใจจะจัดวางคนได้เหมาะสมกับสถานการณ์ ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลักสูงสุด การปรับ ครม.เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง เกิดขึ้นได้ทุกรัฐบาล นักการเมืองในฐานะผู้แทนราษฎรควรพร้อมทำงานทุกอย่าง ตอบสนองความต้องการของประชาชน พรรคเพื่อไทยจะทุ่มเททำงานผลักดันนโยบาย สร้างผลงานแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นพรรคใด แต่รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าทุกหนทางทำงานให้ประชาชนกินดีอยู่ดีฉะมหิดลโพลเอียงข้างไม่น่าเชื่อถือนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนของมหิดลโพล ที่สนับสนุนให้ปรับ ครม.ในส่วนกระทรวงกลาโหมมาเป็นอันดับ 1 ว่า โพลดังกล่าวเป็นของใคร สอบถามจากไหน ดูแล้วไม่เชื่อ เป็นโพลยุหรือโพลเชียร์หรือไม่ ระบุอยากให้ปรับกระทรวงกลาโหมเป็นอันดับ 1 และปรับกระทรวงมหาดไทย ของพรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 12 กรณีความขัดแย้งปัญหาชายแดนควรให้เป็นหน้าที่ทหารโดยตรงรับผิดชอบ รัฐบาลจะไปแสดงเป็นพระเอกคนเดียวไม่ได้ อย่าไปคิดชั้นเดียวว่าต้องรบ ควรฟังประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนที่ไม่อยากให้รบกัน เพราะห่วงปัญหาปากท้องเศรษฐกิจชายแดน แนวทางที่ดีที่สุดคือการเจรจาไล่ส่ง ภท.ขู่เช็กบิลเขากระโดง–ฮั้ว สว.นพ.เชิดชัยกล่าวอีกว่า ยอมรับว่ารัฐบาลทำงานมา 2 ปี แต่ยังมีปัญหาไม่ลงรอยกัน เพราะบางพรรคเอาแต่หล่อ เบี้ยวกฎหมาย ไม่ประสานกัน มีอะไรควรมาคุยกัน อย่าปากว่าตาขยิบ ได้คุยกับสส.เพื่อไทยหลายคน เห็นตรงกันควรนำกระทรวงมหาดไทยกลับมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขู่ว่าหากถูกริบโควตา รมว.มหาดไทย ก็พร้อมไปเป็นฝ่ายค้านนั้น มีใครไม่อยากเป็นรัฐบาลบ้าง สิ่งที่พูดมาให้ไปคิดดูใหม่ว่าจะอยู่หรือไป นักการเมืองมีใครพูดจริงบ้าง เปลี่ยนได้ตลอด พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลมาตลอด เคยเป็นฝ่ายค้านไหม หรืออาจเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เชื่อว่าภูมิใจไทยไม่กล้าเป็นฝ่ายค้าน หรือไปเป็นฝ่ายค้านจริงทำให้รัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งไม่มาก แต่ไม่เป็นไรยังทำงานได้ เป็นเรื่องดีจะได้จัดการเรื่องปัญหาที่ดินเขากระโดง และการฮั้วเลือกสว.จริงๆสักที ไม่ต้องเกรงใจกัน รัฐบาลจะได้สบายใจขึ้นในการแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ เลิกเกรงใจอะไรที่ไม่ถูกต้องสักที“วิสุทธิ์” เบรก สส.อย่ากดดันนายกฯนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการแสดงท่าทีของ สส.พรรคเพื่อไทยหลายคน อยากให้ขับพรรคภูมิใจไทยจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยแต่ละคนไม่มีใครบังคับใครได้ ก็พูดกันไป ความรู้สึกส่วนตัวอาจมี แต่การตัดสินใจเรื่องปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกฯเพียงคนเดียว คนอื่นตัดสินแทนไม่ได้ บางคนที่ออกมาพูดไม่ได้เป็น สส. ลูกพรรคควรให้กำลังใจนายกฯ ไม่แทรกแซงหรือกดดันเรื่องปรับ ครม. ผู้สื่อข่าวถามว่าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยืนยันหากถูกริบโควตา รมว.มหาดไทย พร้อมเป็นฝ่ายค้าน นายวิสุทธิ์ตอบว่า เป็นธรรมดา ใครก็อยากอยู่กระทรวงดีๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของหัวหน้าพรรค ทุกอย่างมีทางออก สามารถเจรจาได้ คงไม่ถึงขั้นต้องขับใครออกจากรัฐบาล เมื่อถามว่านายอนุทินระบุว่าจับมือทำงานได้กับทุกพรรค กังวลหรือไม่ว่าจะไปจับมือกับพรรคประชาชน นายวิสุทธิ์ตอบว่า คงไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น เรื่องคำพูดใครก็พูดได้ ขอให้เขาคุยกันก่อน คิดว่าสัปดาห์นี้การปรับ ครม.จะชัดเจนมากขึ้น แต่อาจยังไม่เสร็จสิ้น การต่อรองเป็นเรื่องธรรมดา มั่นใจเพื่อไทยกับภูมิใจไทยยังจับมือทำงานร่วมกันได้ป้อง “ภูมิธรรม” เจอพิษอารมณ์คนนายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนผลโพลบางสำนักระบุประชาชนอยากให้ปรับเก้าอี้ รมว.กลาโหมมาเป็นอันดับ 1 นั้น คงเป็นอารมณ์ความรู้สึกประชาชนในช่วงนี้ แต่ขณะนี้การแก้ปัญหาดีขึ้น ผลโพลที่ออกมาไม่ได้สะท้อนว่าประชาชนขาดความเชื่อมั่นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่นายภูมิธรรมพูดแบบประนีประนอม ใช้การทูตแบบผู้ใหญ่ใจดี สไตล์นิ่มนวล แต่ไม่ใช่การยอมแพ้ คงไม่มีคนไทยคนไหนโง่พอยกดินแดนให้กัมพูชา ขอให้เชื่อมือรัฐบาลภายใต้การนำ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะสามารถแก้ปัญหาข้อพิพาทได้ ยึดผลประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง“หนู” เยือนอุดรฯ เปิดตัว สส.ทสท.เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ จ.อุดรธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และแกนนำพรรค ภท. ได้แก่ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค ภท. นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี รองเลขาธิการพรรค นางอรอุมา บุญศิริ สส.บึงกาฬ ภท. ลงพื้นที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม อ.ศรีธาตุ พบปะประชาชน มีนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) รอต้อนรับ จากนั้นนายอนุทินนำคณะ รวมถึงนายอดิศักดิ์ขึ้นเวทีโชว์ตัวพร้อมกล่าวปราศรัยว่า ที่ จ.อุดรธานี ไม่มี สส.ภท. แต่ต้องคิดว่าครั้งหน้าน่าจะมี สส.พรรค ภท.แล้วสบายใจชิวๆยังนั่ง รมว.มหาดไทยต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์กรณี สส.พรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาแสดงความเห็นเรื่องการปรับ ครม. หากภูมิใจไทยไม่สบายใจให้ออกไปว่า สบายใจ ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ วันนี้มาทำงาน ปรับ ครม.ไม่เกี่ยวกับประชาชน แต่ประชาชนอยากรู้ว่ารัฐมนตรีทำงานอะไรบ้าง วันนี้มีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ ชายแดน เราเอาเรื่องพี่น้องประชาชนมาเป็นหลักดีกว่า เรื่องปรับ ครม.เป็นเรื่องของพรรค การเมือง ตราบใดที่ยังไม่มีการปรับ รัฐมนตรีทุกคนยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ วันนี้ยังเป็นรมว.มหาดไทยอยู่โยนสื่อถามนำสลับไปเป็นฝ่ายค้านผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าสบายใจได้คุยกับนายกฯแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินปฏิเสธว่ายังไม่ได้คุย แต่สบายใจที่ได้ทำงานให้กับประชาชน เมื่อถามถึงกระแสข่าว 2 สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เตรียมย้ายมาอยู่พรรค ภท. มีการพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยหรือไม่ นายอนุทินยืนยันว่าในเชิงของพรรคไม่ได้คุย เมื่อถามย้ำถึงการประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน นายอนุทินตอบว่า ไม่ได้คุยอะไรกับนายกฯ ไม่ได้ประกาศ แต่เกิดจากนักข่าวถามว่าถ้าถูกปรับออกจากมหาดไทย พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ก็ตอบไปว่า ก็ต้องพร้อม เมื่อถามว่ามาลงพื้นที่ จ.อุดรธานี วันนี้จะเปิดตัว 2 สส.อุดรธานี ทสท.เลยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เปิดไม่ได้ ประกาศไปแล้วภูมิใจไทยไม่มียุทธการ “งูเห่า” เพราะ “หนู” ก็ถูกไล่ไปแล้ว “งูเห่า” ก็ถูกตีไปแล้ว หากจะได้ สส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็เกิดจากการทำงาน และความขยันของตัว สส. ไม่มีงูเห่า ไม่ต้องกังวล เมื่อถามย้ำว่าที่ สส.ตัวเล็กตัวน้อยพรรคเพื่อไทยออกมาพูดพาดพิง กระทบกับความสัมพันธ์ของ 2 พรรคหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า สส.ไม่ใช่ตัวเล็กตัวจ้อย แต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งนั้น เป็นคนที่ประชาชนเลือกมาทั้งนั้นเชื่อ “อิ๊งค์” ไม่ชิงยุบสภาชิงได้เปรียบจากนั้นเวลา 13.45 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกรอบว่า อย่าเพิ่งพูดเรื่องจะมี สส.พรรคอื่นมาร่วมงานเพิ่มอีกหรือไม่ การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลนี้อยู่ครบเทอมก็ไปถึงปี 70 มีเวลาเหลือเฟือ หรือถ้ามีเหตุยุบสภาก่อน ก็ยังมีเวลา 30 วันที่ สส.จะย้ายสังกัด ยังไม่เห็นรัฐบาลไหนปล่อยให้สภาหมดอายุโดยไม่ยุบสภาก่อน ส่วนใหญ่นายกฯจะเลือกยุบสภาก่อน จะสั้นหรือจะยาว หรือจะอยู่หมดจนหมดสมัยขึ้นอยู่กับวิจารณญาณนายกฯ เมื่อถามว่านายกฯจะชิงยุบสภาก่อนเพื่อความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เขาก็ไปจนครบ จนถึง 1 เดือนสุดท้ายค่อยยุบ นั่นก็ถือว่าครบแล้ว เมื่อถามถึงคณิตศาสตร์ทางการเมือง หากดูจากตัวเลข สส.ในมือ หลังประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน นายอนุทินตอบว่า การเมืองหรือการฟอร์มรัฐบาล อย่าไปมองเป็นคณิตศาสตร์ เพราะประชาชนเขาไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์ด้วย เขาต้องการว่าใครทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุด การอยู่ร่วมกันต้องจริงใจ มีความเข้าใจ มีเจตนารมณ์ร่วมกัน อย่าเอาใครคนใดคนหนึ่งเป็นที่ตั้งปัดหม่ำข้าวเคลียร์ใจกับ “นายใหญ่”เมื่อถามว่า มีข่าวไปร่วมรับประทานอาหารกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอนุทินถึงกับร้อง “ฮะ” พร้อมถามกลับว่า เมื่อไหร่ ไม่มี รับประทานอาหารกับนายทักษิณ ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ก่อน เมื่อถามว่ายังเชื่อมั่น และเชื่อใจนายกฯอยู่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เชื่อมั่น และเชื่อใจนายกฯเสมอ ส่วนการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค สส. และรัฐมนตรีของพรรค ช่วงเย็นวันที่ 16 มิ.ย. ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เป็นวาระปกติประจำสัปดาห์ ขณะนี้ใกล้เปิดสมัยประชุมสภาฯ เมื่อถามว่าผลโพลระบุว่าประชาชนเชื่อมั่นกองทัพแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชามากกว่ารัฐบาล เป็นการสะท้อนภาวะผู้นำหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อย่าไปมองอะไรให้มันแตกแยก รัฐบาลมอบนโยบายผ่าน สมช. เรื่องการบริหารราชการชายแดน ขอให้เป็นการตัดสินใจของกองทัพ มอบไปที่แม่ทัพภาคที่ 2 โดยรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ คนที่ไม่มีหน้าที่อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ ต้องเชื่อมั่นในแสนยานุภาพของกองทัพ“นิพนธ์” แนะ ปชป.ชิงจังหวะถอนตัวที่โรงเรียนเขาพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรี ธรรมราช มีการจัดเสวนาร่วมถอดบทเรียน “อนาคตการเมืองภาคใต้ หลังกล้าธรรมปักธงนครศรีฯ” ทั้งนี้ในวงเสวนามีการตั้งคำถามต่อนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีต รมช.มหาดไทย ว่า มีแนวทางในการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร นายนิพนธ์ตอบคำถามดังกล่าวว่า พูดในนามส่วนตัวเพราะไม่ใช่กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดปัจจุบัน ว่าขอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ หากพรรคประชาธิ ปัตย์อยู่ต่อไปจะยิ่งเสียหาย การถอนตัวออกมาสามารถฟื้นความนิยมของพรรคได้ ทำเหมือนตอนถอนตัวออกจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพราะเห็นว่ารัฐบาลไปไม่รอดแล้ว และอีกไม่กี่เดือนต่อมารัฐบาลก็ถูกยึดอำนาจไม่มีหน้าตักตีไพ่เก้าเกสู้เขาไม่ได้นายนิพนธ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้กับระบอบทักษิณมานาน การไปร่วมรัฐบาลก็เสียหายอยู่แล้ว การถอนตัวออกมาจะเป็นหนทางฟื้นพรรคได้ ส่วนตัวเห็นว่าเรื่องทุนที่เข้ามามากขึ้นในวงการเมือง เป็นเหตุหนึ่งที่ทำลายตัวพรรคการเมือง เมื่อพิธีกรถามย้ำว่าสะท้อนอะไรในพรรคประชาธิปัตย์ที่กลุ่มหนึ่งยึดมั่นอุดมการณ์เดิม ส่วนอีกกลุ่มแยกไปร่วมรัฐบาล นายนิพนธ์ตอบว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่งในมุมมองส่วนตัวว่าทำให้พรรคอ่อนแอลง ต้องยอมรับว่าการต่อสู้ภายในพรรคประชาธิปัตย์มีสองแนวทาง ปีกหนึ่งบอกว่าควรหาเสียงโดยใช้อุดมการณ์ อีกปีกบอกว่าอุดมการณ์ใช้ไม่ได้ผลแล้ว มันต้องใช้ปัจจัยช่วยกับเขาด้วย แต่พอไปใช้ปัจจัยแต่ตัวเองมีปัจจัยไม่มากเท่าเขา เปรียบเทียบให้เห็นภาพเหมือนเล่นไพ่เก้าเก ที่จริงคู่ต่อสู้มี 3 แต้ม แต่เขามีทุนเขากล้าลง เมื่อมาเดินแนวนี้แต่มันมีไม่มากเท่าเขา ผลก็ออกมาอย่างนี้“ทวี” ย้ำเคารพศาลไม่ขอก้าวล่วงเวลา 11.05 น.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนนัดแรก คดีการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกส่งตัวรักษานอกเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจว่า เราต้องเคารพศาล ที่กำลังค้นหาความจริงเป็นระบบไต่สวน อย่างน้อยที่สุดได้ส่งปรัชญาที่ดีว่าศาลจะรับฟังพยาน เช่น เรียกไต่สวนพยานเพิ่มอีก 20 คนในส่วนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แสดงว่าศาลต้องการค้นหาความจริง ไม่ไปก้าวล่วง โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมต้องเคารพในการดำเนินการทุกเรือนจำในไทยไม่มีโรงพยาบาลพ.ต.อ.ทวีกล่าวอีกว่า กรณีนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกซักถามเรื่องส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ผ่านทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ขณะที่กรณีอื่นต้องผ่านทัณฑสถานโรงพยาบาลก่อนนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่นายมานพ เหมือนตน เป็นพยานบอกเล่า ศาลคงฟังประจักษ์พยาน ซึ่งประจักษ์พยานก็ต้องเป็นผู้บัญชาการเรือนจำคนที่แล้ว แต่ในฐานะที่เคยเตรียมข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ มีโรงพยาบาลเครือข่าย และโรงพยาบาลที่ทำข้อตกลง เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทำข้อตกลงกับ รพ.ตำรวจเพียงแห่งเดียว มีกฎหมาย มีระเบียบ มีกฎกระทรวงรองรับอยู่แล้ว ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 60 เราต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมาย ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอยากรอให้ศาลไต่สวนประจักษ์พยานก่อน เพราะนายมานพ เป็นผู้บัญชาการเรือนจำที่เพิ่งย้ายมาใหม่พท.ขวางทำประชามติ ก.ม.กาสิโนอีกเรื่อง นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีมีข้อเสนอให้ทำประชามติร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อยู่ลำดับ 1 ของวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หากเปิดสมัยประชุมวันที่ 3 ก.ค. ถ้าสภาฯให้ความเห็นชอบวาระแรก ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ ที่ผ่านมามีการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ผ่านหลายช่องทาง ในสภาศึกษาเรื่องนี้และรับฟังความเห็นหลายครั้ง หากผ่านวาระแรก เข้าสู่ชั้นคณะกรรมาธิการ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นในรูปแบบต่างๆอีกแน่นอน เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล ไม่ควรบริหารด้วยการประชามติ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าจะพูดเฉพาะกาสิโน การพนันโดยการควบคุมของรัฐไม่ใช่เรื่องใหม่ เหมือนที่เรามีสนามม้า สนามมวยอยู่แล้วโพลเชียร์กองทัพแก้ปมไทย–เขมรวันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดผลการสำรวจ ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ เรื่อง “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ระหว่างวันที่ 9-11 มิ.ย. เมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่างๆจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติจากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่าร้อยละ 62.52 ระบุว่าไว้วางใจกองทัพมาก ร้อยละ 37.48 ไม่ไว้วางใจรัฐบาลไทยเลย ร้อยละ 35.42 ไม่ค่อยไว้วางใจกระทรวงการต่างประเทศ ด้านความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่าร้อยละ 61.76 พอใจกองทัพมาก ร้อยละ 37.94 ไม่พอใจรัฐบาลไทยเลย ร้อยละ 35.73 ไม่ค่อยพอใจกระทรวงการต่างประเทศ สำหรับการสนับสนุนข้อความในเพลงชาติไทยที่ว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ร้อยละ 69.39 สนับสนุนมาก ทั้งนี้ ร้อยละ 48.24 ระบุว่ามีความเป็นชาตินิยมมากชี้ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลด้านสวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,146 คน ระหว่างวันที่ 10-13 มิ.ย. “เรื่องที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล” พบว่าข่าวที่คนสนใจมากที่สุดในช่วงนี้ ร้อยละ 40.97 ระบุว่าเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะมีผลกระทบต่อประเทศโดยตรง กังวลว่าจะเกิดสงคราม เป็นห่วงความปลอดภัยของทหาร และประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน ฯลฯ รองลงมา ร้อยละ 17.05 เรื่องการปรับ ครม. ส่วนเรื่องที่คิดว่าส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลมากที่สุด ร้อยละ 42.70 คือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รองลงมาร้อยละ 30.51 การปรับ ครม. และร้อยละ 10.98 แจกเงิน 1 หมื่นบาทขออิหร่าน-อิสราเอลยับยั้งชั่งใจช่วงเย็น กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่แถลงการณ์ต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านว่า ประเทศไทยห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ ขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุด มิให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงและความขัดแย้งขยายตัวในวงกว้าง อันจะส่งผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศไทยขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้เสียชีวิต ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปกป้องพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน และมุ่งจัดการสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และข้อมติสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงการต่างประเทศเริ่มดำเนินการของศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center : RRC) แล้ว เพื่อประสานช่วยเหลือคนไทยในกรณีจำเป็น ขอให้พี่น้องคนไทยติดตามประกาศการแจ้งเตือนและแนวปฏิบัติในภาวะฉุกเฉินอย่างใกล้ชิดและขอหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าวหากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ในกรณีฉุกเฉินติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยต่างๆทุกแห่ง หรือลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน Thai Consular เพื่อรับข้อมูลข่าวสารอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่